พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,913 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3957/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการติดตามหนี้จากบัญชีจำเลยที่ 1: ต้องพิสูจน์สิทธิเรียกร้องให้ชัดเจน
ทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ได้ความ ว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการของจำเลยที่ 1 สั่งให้ บ. ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากในธนาคารของจำเลยที่ 1 ไว้ใช้ในกิจการของจำเลย ที่ 1ก่อนที่จำเลยที่ 2 จะหลบหนีไป ต่อมา บ. ได้มอบเงินที่ถอนมา ให้ผู้ร้องรับไว้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 จึงมีหนังสือ ทวงหนี้ และหนังสือยืนยันหนี้ให้ผู้ร้องชำระเงินดังกล่าว แก่กองทรัพย์สิน ของจำเลยที่2 ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านต่อ ศาลชั้นต้น ครั้นถึงวันนัด ไต่สวน ผู้ร้อง แถลงไม่สืบ พยานบุคคล แต่ขอให้ศาลชั้นต้นเรียกเอกสารบัญชีเงินฝากจากธนาคาร โดยอ้างว่าเป็น บัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 1 ซึ่งหากได้ความ ดังกล่าวก็อาจเป็นจริง ตามที่ผู้ร้องอ้างว่าเงินในบัญชีไม่ใช่เงินของ จำเลยที่ 2 และมี ปัญหาต่อไปว่า การที่จำเลยที่ 2 สั่งให้เบิกเงินจาก บัญชีเงินฝาก ของจำเลยที่ 1 แล้ว ต่อมามีการมอบเงินดังกล่าวให้ผู้ร้อง จะถือ ว่าเป็นสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 2 ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ของ จำเลยที่ 2 มีสิทธิเรียกให้ชำระหนี้หรือไม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าว ศาลจะต้อง พิจารณาตามพ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 119 เมื่อ ผู้ร้องอ้าง เอกสาร ที่ยังไม่ เข้าสู่สำนวนศาล ศาลชั้นต้นจึงไม่มี ข้อเท็จจริงใดที่จะสั่งว่าเอกสารดังกล่าวไม่จำเป็นแก่คดี และหาก ได้เอกสารดังกล่าวมา แล้วผู้ร้องไม่สืบพยานอื่น หน้าที่นำสืบต่อไป ย่อมเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ที่จะต้องพิสูจน์ตามประเด็น ที่ตนยกขึ้นคัดค้านคำร้องของผู้ร้อง การที่ศาลชั้นต้นด่วนงดสืบพยาน ผู้ร้องโดยไม่เรียกเอกสารดังกล่าวให้แล้ววินิจฉัยว่าผู้ร้องไม่สามารถนำสืบได้ตามคำร้อง ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง จึงเป็นการไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3956/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเพิกถอนการฉ้อฉลในคดีล้มละลาย: การแจ้งล่าช้าทำให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีเวลาสอบสวน
การร้องขอเพิกถอนการฉ้อฉลของลูกหนี้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 113 มีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่เจ้าหนี้ได้รู้เหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอนตาม ป.พ.พ. มาตรา 240 ผู้ร้องร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการเพิกถอนการฉ้อฉลของลูกหนี้โดยเหลือเวลาอีกเพียง 15 วัน ก็จะครบกำหนดอายุความ 1 ปี ย่อมทำให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีโอกาสและเวลาเพียงพอที่จะสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการได้ เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนเสร็จก็เกินกำหนด 1 ปีแล้ว คดีจึงขาดอายุความ การที่ผู้ร้องฟ้องคดีล้มละลายและร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการเพิกถอน การฉ้อฉลมิใช่การฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 175 ไม่เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดอยู่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3779/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาของผู้รับโอนทรัพย์สินในคดีล้มละลาย: บุคคลภายนอกไม่มีสิทธิฎีกาเมื่อไม่ใช่คู่ความ
ในคดีชั้นร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ที่ ไม่ ร้องขอให้เพิกถอนการโอนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 146ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดี แล้วแต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกา โจทก์เป็น เพียง บุคคลภายนอกแม้โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนคนหนึ่งอาจถูก เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ร้องขอ ต่อศาลขอให้สั่งเพิกถอนการโอนต่อไป ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก็ตาม โจทก์ก็ไม่ใช่คู่ความหรือถูกโต้แย้ง สิทธิในชั้นนี้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 โจทก์จึง ไม่มีสิทธิฎีกาคัดค้าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3712/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่ชำระภาษีบำรุงท้องที่ของทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครอง แม้เกิดหลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์
การที่เจ้าพนักงานประเมินแจ้งการประเมินไปยังจำเลย ซึ่งเป็น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อให้ชำระภาษีบำรุงท้องที่ประจำปีพ.ศ. 2531 ของลูกหนี้ตามแบบแจ้งการประเมิน ภ.บ.ท.9 เป็นการปฏิบัติตามวิธีการ ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. ภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508มาตรา 48 เพื่อให้จำเลยซึ่งมีอำนาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้อุทธรณ์โต้แย้งการประเมินต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ ตามมาตรา 49 หากเห็นว่าการประเมินไม่ถูกต้องมิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 91 นอกจากนี้พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 105 ก็บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระหนี้นั้นต่อศาลหาได้ให้แจ้งความเห็นไปยังผู้ขอรับชำระหนี้ไม่ ทั้งความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่มีผลบังคับ เพราะศาลอาจวินิจฉัย เป็นอย่างอื่นได้ ความเห็นหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์จึงไม่ทำให้ผู้ขอรับชำระหนี้เสียหาย การที่จำเลยมีหนังสือไปยังผู้อำนวยการเขตแจ้งว่าหนี้ภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2531 เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลัง พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไม่อาจขอรับชำระได้ เท่ากับเป็นเพียงการ แจ้งความคิดเห็นของจำเลยไปยังผู้อำนวยการเขตเท่านั้น ไม่มีผล ผูกพันให้โจทก์จำต้องยื่นคำร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของจำเลยต่อ ศาลในคดีล้มละลายตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 146 การที่จำเลย ไม่ชำระค่าภาษีบำรุงท้องที่และเงินเพิ่มตามกฎหมายแก่โจทก์ เป็นการ โต้แย้งสิทธิโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าภาษีดังกล่าว จากจำเลยต่อศาลภาษีอากรกลางได้ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากร และวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 7 ที่ดินอันเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้มีอยู่ในขณะที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดนั้น จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีหน้าที่เข้าไปจัดการ เมื่อจำเลยยังจัดการ ไม่เสร็จโดยมิได้จำหน่ายที่ดินดังกล่าวแล้วเกิดหนี้ค่าภาษีบำรุง ท้องที่ขึ้นตามกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินที่จำเลยมีหน้าที่จัดการ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าภาษีบำรุงท้องที่แทนลูกหนี้แก่โจทก์ และเมื่อการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ของเจ้าพนักงานประเมินถูกต้อง และชอบด้วยกฎหมายแล้วดังนั้นจำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่นั้นแก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3703/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำขอให้ล้มละลาย แม้จำเลยผ่อนชำระหนี้แต่ไม่สม่ำเสมอ และไม่เคยยื่นประนอมหนี้
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา 108,435.78 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ แม้ก่อนฟ้องคดีนี้จำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เดือนละ 1,000 บาท เป็นเงิน 29,000 บาทแล้วแต่ก็เป็นเพียงผ่อนชำระดอกเบี้ย ต่อมาจำเลยค้างชำระเงินต้นทั้งหมดและดอกเบี้ย 106,762.61 บาทจำเลยไม่มีทรัพย์สินที่จะยึดมาชำระหนี้โจทก์ หากให้จำเลยผ่อนชำระหนี้แก่โจทก์ต่อไปเดือนลำ 1,000 บาท กว่าจะหมดหนี้ก็ต้องใช้เวลาหลายปีและจำเลยหาได้ผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์สม่ำเสมอทุกเดือนไปไม่ บางครั้งสองเดือนหรือสามเดือนจำเลยจึงนำเงินมาชำระครั้งหนึ่ง ถ้าจำเลยมีความสุจริตใจหรือขวนขวายอย่างแท้จริงที่จะชำระหนี้ให้โจทก์หมดสิ้นไปโดยเร็วแล้วก็น่าจะชำระให้โจทก์อย่างสม่ำเสมอทุกเดือนและเป็นจำนวนเงินมากกว่านี้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จำเลยเด็ดขาดแล้ว จำเลยก็หาได้ยื่นคำขอประนอมหนี้ไม่ทั้ง ๆ ที่มีเจ้าหนี้เพียงรายเดียวคือโจทก์ ดังนี้แม้มูลแห่งหนี้จะสืบเนื่องมาจากการค้ำประกันกรณีก็ยังไม่มีเหตุที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3702/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองเจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย: การชำระหนี้ตามสิทธิและปัญหาความสงบเรียบร้อย
กฎหมายล้มละลายเป็นกฎหมายพิเศษมีวัตถุประสงค์ที่จะคุ้มครองบรรดาเจ้าหนี้ให้ได้รับชำระหนี้หรือได้รับส่วนแบ่งอย่างเป็นธรรม ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เกินกว่าที่จำเลยทั้งสองต้องรับผิดเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมิได้โต้แย้งมาก่อน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ย่อมยกขึ้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคสอง ประกอบด้วยพ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 153.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3702/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เรื่องการชำระหนี้ในคดีล้มละลาย ให้เป็นไปตามหนี้ที่จำเลยต้องรับผิด เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้ตามกฎหมาย
กฎหมายล้มละลายเป็นกฎหมายพิเศษมีวัตถุประสงค์ที่จะคุ้มครองบรรดาเจ้าหนี้ให้ได้รับชำระหนี้หรือได้รับส่วนแบ่งอย่างเป็นธรรม ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้มากไป กว่าที่จำเลยต้องรับผิดนั้น เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมิได้โต้แย้งมาก่อนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ยกขึ้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคสองประกอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3485/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้จากการสมยอมและรู้ฐานะลูกหนี้ล้มละลาย เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิรับชำระหนี้
เจ้าหนี้นำหนี้ตามตั๋วแลกเงิน และตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งลูกหนี้ออกให้มายื่นเพื่อขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แต่หนี้ทั้งสองจำนวนเป็นหนี้ที่เกิดจากการสมยอมกันระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้โดยลูกหนี้ไม่ได้เป็นหนี้เจ้าหนี้ตามตั๋วเงินนั้นเจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามตั๋วเงินดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 94(1) ส่วนหนี้ที่เจ้าหนี้ชำระให้ธนาคารแทนลูกหนี้นั้นเจ้าหนี้ได้รู้อยู่แล้วว่าลูกหนี้เป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวดังนี้เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ดังกล่าวตามมาตรา 94(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3403/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องล้มละลายเกินกว่าเหตุและไม่สมควร
จำเลยทั้งสองประกอบอาชีพรับราชการ มีเงินเดือนรวมกันเดือนละ14,780 บาท แต่เป็นหนี้โจทก์เพียง 60,000 บาทเศษ เป็นจำนวนไม่มากไม่ปรากฏว่ามีหนี้อื่นอีก หลังจากพ้นกำหนดตามคำบังคับของศาลจังหวัดชัยนาทเพียง 10 กว่าวัน โจทก์ก็ฟ้องขอให้ล้มละลายทันที ควรให้เวลาแก่จำเลยทั้งสองในการรวบรวมเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ คดีมีเหตุที่ไม่ควรให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3324/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์จำเลยที่ไม่เคยคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และการขอประนอมหนี้หลังที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติให้ล้มละลาย
จำเลยที่ 1 มิได้ยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2 แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 มาก็ไม่เกิดสิทธิอุทธรณ์ พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 61 บัญญัติว่าเมื่อเจ้าหนี้ลงมติในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกขอให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือการประนอมหนี้ไม่ได้รับความเห็นชอบให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย จึงเป็นบทบังคับให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย จะงดพิพากษาหรือพิพากษาเป็นอย่างอื่นไม่ได้เมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติไม่ยอมรับคำขอประนอมหนี้ของจำเลยที่ 2และขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานศาลเพื่อพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ล้มละลายแล้ว การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายอีก ทั้ง ๆ ที่เป็นการพ้นขั้นตอนและพ้นระยะเวลาตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 45 แล้ว จึงเป็นการไม่ชอบ.