คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โมฆะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับสินบนนำจับขัดต่อหน้าที่ตามกฎหมาย ข้อตกลงเป็นโมฆะ
โจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมีหน้าที่สืบสวนเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญาเมื่อโจทก์รู้ว่ามีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้น โจทก์มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดหรือมีหน้าที่ต้องแจ้งการกระทำผิดนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจับกุม หากการกระทำผิดนั้นเกิดนอกเขตอำนาจของตน การที่โจทก์ไปแจ้งความต่อนายตรวจศุลกากรขอให้จับกุมผู้ลักลอบนำทองคำออกนอกราชอาณาจักร ทั้งที่โจทก์มีอำนาจจับกุมด้วยตนเองหรือมีหน้าที่แจ้งการกระทำผิดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจับกุม โดยหวังจะขอรับเงินสินบนนำจับในการที่โจทก์จะปฏิบัติหน้าที่ ข้อตกลงในการเรียกและยอมให้เงินสินบนนำจับแก่เจ้าพนักงานเพื่อปฏิบัติการตามหน้าที่ย่อมมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เพราะมีลักษณะเป็นการที่เจ้าพนักงานเรียกและรับสินบนฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา ข้อตกลงดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินสินบนนำจับ (พิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17-18/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับสินบนนำจับขัดต่อหน้าที่ตามกฎหมาย ข้อตกลงเป็นโมฆะ
โจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมีหน้าที่สืบสวนเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญาเมื่อโจทก์รู้ว่ามีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้น.โจทก์มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดหรือมีหน้าที่ต้องแจ้งการกระทำผิดนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจับกุม. หากการกระทำผิดนั้นเกิดนอกเขตอำนาจของตน. การที่โจทก์ไปแจ้งความต่อนายตรวจศุลกากรขอให้จับกุมผู้ลักลอบนำทองคำออกนอกราชอาณาจักร. ทั้งที่โจทก์มีอำนาจจับกุมด้วยตนเองหรือมีหน้าที่แจ้งการกระทำผิดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจับกุม. โดยหวังจะขอรับเงินสินบนนำจับในการที่โจทก์จะปฏิบัติหน้าที่. ข้อตกลงในการเรียกและยอมให้เงินสินบนนำจับแก่เจ้าพนักงานเพื่อปฏิบัติการตามหน้าที่.ย่อมมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย.เพราะมีลักษณะเป็นการที่เจ้าพนักงานเรียกและรับสินบนฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา. ข้อตกลงดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ. โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินสินบนนำจับ. (พิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17-18/2511).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกและผลของสัญญาประนีประนอมยอมความที่อ้างถึงมัสยิดที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์จำเลยไม่อาจตกลงแบ่งที่ดินมรดกตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำกันไว้ในศาลได้ ที่ดินที่โจทก์จำเลยตกลงอุทิศให้มัสยิดหัวหมากตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ไม่มีมัสยิดหัวหมากที่จะได้รับประโยชน์ ข้อตกลงข้อนี้เป็นโมฆะต้องนำที่ดินส่วนที่ยกให้มัสยิดหัวหมากมาแบ่งให้โจทก์จำเลยคนละเท่าๆ กัน โจทก์จำเลยได้จดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินแปลงนี้ร่วมกันต่อเจ้าพนักงานที่ดินแล้ว ดังนี้ เห็นได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิฟ้องจำเลยขอแบ่งที่ดินโดยอ้างว่ามัสยิดหัวหมากไม่มีตัวตนอยู่ ต้องนำที่ดินส่วนนั้นมาแบ่งระหว่างโจทก์จำเลย แต่ไม่อาจตกลงกันได้ ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งโจทก์จำเลยมีสิทธิร่วมกันในที่ดินมรดกแปลงนี้ ไม่อาจตกลงแบ่งกันได้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมย่อมมีสิทธิฟ้องขอแบ่งจากจำเลยได้เสมอตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1363, 1364 ฟ้องของโจทก์ได้แสดงชัดแจ้งแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งขออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55, 172
เมื่อโจทก์กล่าวอ้างข้อเท็จจริงว่า มัสยิดหัวหมากไม่มีตัวตนดังที่ปรากฏตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกันในศาล แต่จำเลยให้การว่ามัสยิดหัวหมากมีตัวตนอยู่ ประเด็นหน้าที่นำสืบจึงตกแก่โจทก์ต้องนำสืบก่อนให้สมตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกและผลของสัญญาประนีประนอมยอมความที่เป็นโมฆะเนื่องจากผู้รับผลประโยชน์ไม่มีอยู่จริง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์จำเลยไม่อาจตกลงแบ่งที่ดินมรดกตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำกันไว้ในศาลได้. ที่ดินที่โจทก์จำเลยตกลงอุทิศให้มัสยิดหัวหมากตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ไม่มีมัสยิดหัวหมากที่จะได้รับประโยชน์. ข้อตกลงข้อนี้เป็นโมฆะ ต้องนำที่ดินส่วนที่ยกให้มัสยิดหัวหมากมาแบ่งให้โจทก์จำเลยคนละเท่าๆกัน.โจทก์จำเลยได้จดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินแปลงนี้ร่วมกันต่อเจ้าพนักงานที่ดินแล้ว. ดังนี้ เห็นได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิฟ้องจำเลยขอแบ่งที่ดินโดยอ้างว่ามัสยิดหัวหมากไม่มีตัวตนอยู่. ต้องนำที่ดินส่วนนั้นมาแบ่งระหว่างโจทก์จำเลย แต่ไม่อาจตกลงกันได้ ประการหนึ่ง.อีกประการหนึ่งโจทก์จำเลยมีสิทธิร่วมกันในที่ดินมรดกแปลงนี้ไม่อาจตกลงแบ่งกันได้. โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมย่อมมีสิทธิฟ้องขอแบ่งจากจำเลยได้เสมอตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1363,1364. ฟ้องของโจทก์ได้แสดงชัดแจ้งแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55,172.
เมื่อโจทก์กล่าวอ้างข้อเท็จจริงว่า มัสยิดหัวหมากไม่มีตัวตนดังที่ปรากฏตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกันในศาล. แต่จำเลยให้การว่ามัสยิดหัวหมากมีตัวตนอยู่ ประเด็นหน้าที่นำสืบจึงตกแก่โจทก์ต้องนำสืบก่อนให้สมตามฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้สิทธิครอบครองโดยการสละการครอบครองของผู้เดิม แม้สัญญานิติกรรมหลักเป็นโมฆะ
แม้สัญญาขายฝากที่ดินจะเป็นโมฆะเพราะไม่ได้จดทะเบียนแต่เมื่อข้อความในสัญญาขายฝากนั้นมีว่า ถ้าผู้ขายฝากไม่ไถ่คืนใน 6 เดือน ผู้ขายฝากสละสิทธิครอบครองให้เป็นสิทธิของผู้ซื้อฝาก เมื่อผู้ซื้อฝากครอบครองที่ดินต่อมาอาจได้สิทธิครอบครองโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนการครอบครองที่ดินหลังสัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ ทำให้ผู้ซื้อได้สิทธิครอบครอง
โจทก์ฟ้องว่า เดิมที่พิพาทเป็นที่ป่าเป็นของจำเลย จำเลยให้โจทก์บุกเบิกแล้วจำเลยได้ขายที่พิพาทนั้นให้แก่โจทก์
โจทก์ใช้สิทธิครอบครองทำประโยชน์ ต่อมาจำเลยบุกรุกที่พิพาท ขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง ดังนี้ คำฟ้องโจทก์มีสภาพแห่งข้อหาว่าโจทก์ใช้สิทธิครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาท ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหามีว่า จำเลยขายที่พิพาทให้โจทก์ แล้วโจทก์ได้ครอบครอง เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธข้อกล่าวอ้างเหล่านี้ จึงเป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย ส่วนที่ว่าเดิมที่พิพาทเป็นที่ป่าหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับประเด็นแห่งคดี และไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง
ทำสัญญาซื้อขายที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน โดยไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แม้จะเป็นโมฆะ แต่เมื่อผู้ขายโอนการครอบครองให้ผู้ซื้อ และผู้ซื้อได้ยึดถือครอบครองที่ดินนั้นเป็นเวลากว่า 4 ปี ดังนี้ การครอบครองของผู้ขายย่อมสุดสิ้นลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377, 1378 ผู้ซื้อย่อมได้สิทธิครอบครองที่ดินนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 902/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมซื้อขายที่ดินเพื่อประกันกู้ยืมเงิน และสัญญาจำนองที่เป็นโมฆะ
โจทก์ต้องการยืมเงินจากจำเลย แต่จำเลยให้โจทก์ทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้แก่จำเลย เพื่อจำเลยจะได้เอาที่ดินนั้นไปประกันเงินกู้จากธนาคาร แล้วโจทก์และจำเลยจึงทำสัญญากันเองว่า โจทก์จำนองที่ดินพิพาทไว้แก่จำเลยดังนี้ สัญญาซื้อขายดังกล่าวเกิดขึ้นจากเจตนาลวงของโจทก์จำเลย ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 ฉะนั้น เมื่อโจทก์ขอชำระหนี้ที่ยืมไป จำเลยมีหน้าที่ต้องรับชำระหนี้และโอนที่ดินคืนให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763-764/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อต่อสู้เรื่องโมฆะของสัญญาจำนอง และสิทธิในการนำสืบข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์การชำระหนี้
โจทก์ฟ้องขอบังคับจำนอง จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาจำนองทำกันหลอก ๆไม่มีการชำระเงินกันจริง เท่ากับปฏิเสธว่าไม่มีมูลหนี้ต่อกัน ชอบที่จำเลยจะนำสืบให้ได้ความจริงตามข้อต่อสู้ของตน ไม่มีความจำเป็นที่ศาลจะต้องสอบถามโจทก์เกี่ยวกับรายละเอียดที่โจทก์อ้างว่าได้จ่ายเงินให้ไปล่วงหน้าครบถ้วนแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่คู่ความมีสิทธิที่จะนำสืบกันต่อไป
การนำคดีมาฟ้องศาลขอให้บังคับผู้จำนองใช้หนี้ตามสัญญาจำนอง เป็นสิทธิอันชอบธรรมของผู้รับจำนองที่จะกระทำได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้รับจำนองใช้สิทธินี้โดยไม่สุจริต หรือโดยประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้จำนองโดยมิชอบแต่อย่างใด ผู้รับจำนองก็ไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินและบ้านโดยไม่จดทะเบียนเป็นโมฆะ แม้จะมีการชำระเงินแล้ว
หนังสือสัญญาระบุว่าเป็นหนังสือสัญญาซื้อขาย ข้อความในสัญญามีความว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินกัน ผู้ขายตกลงขายที่ดินบ้านพร้อมด้วยเรือนและครัวให้แก่ผู้ซื้อ ผู้ขายได้รับเงินจากผู้ซื้อครบถ้วนในวันทำสัญญาและจะส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายให้แก่ผู้ซื้อในภายหลัง ดังนี้ สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาด เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 และ 115 ผู้ซื้อไม่มีสิทธิ์ฟ้องบังคับผู้ขายให้ส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายได้ ส่วนหน้าที่ของผู้ขายซึ่งจะต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่ผู้ซื้อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 461 นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินและบ้านที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโมฆะ แม้จะมีการชำระเงินแล้ว
หนังสือสัญญาระบุว่าเป็นหนังสือสัญญาซื้อขาย ข้อความในสัญญามีความว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินกัน ผู้ขายตกลงขายที่ดินบ้านพร้อมด้วยเรือนและครัวให้แก่ผู้ซื้อ ผู้ขายได้รับเงินจากผู้ซื้อครบถ้วนในวันทำสัญญาและจะส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายให้แก่ผู้ซื้อในภายหลัง ดังนี้ สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาด เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 และ115 ผู้ซื้อไม่มีสิทธิฟ้องบังคับผู้ขายให้ส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายได้ ส่วนหน้าที่ของผู้ขายซึ่งจะต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่ผู้ซื้อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 461 นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก
of 132