คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กรรมสิทธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 253 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปราณีประนอมยอมความและผลกระทบต่อกรรมสิทธิ: การสละสิทธิเรียกร้องทรัพย์สินหลังถอนฟ้อง
โจทก์เป็นบิดาจำเลย และจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์พิพาทอยู่ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเรียกทรัพย์สินพิพาทนี้คืนครั้งหนึ่งแล้ว และต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอถอนคดีโดยแถลงว่า โจทก์ไม่ติดใจเอาความกับจำเลยต่อไป โดยได้ทำสัญญาตกลงระงับข้อพิพาทกับจำเลยฉะบับหนึ่ง มีข้อความกล่าวอ้างถึงคดีที่ฟ้องนั้น และมีข้อความกล่าวถึงหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องปฏิบัติต่อโจทก์ โดยไม่ปรากฎว่าทรัพย์สินที่พิพาท โจทก์จำเลยได้ตกลงให้กรรมสิทธิอยู่แก่ใคร เช่นนี้ เมื่อทรัพย์พิพาทอยู่ในความปกครองของจำเลย และโจทก์ตกลงทำปราณีประนอมกับจำเลยดังกล่าว ก็ต้องตีความว่าโจทก์ได้ตกลงไม่โต้แย้งกรรมสิทธิของจำเลยต่อไปแล้ว เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินและข้อสัญญาต่าง ๆ ที่จำเลยให้ไว้ โจทก์ก็ไม่มีสิทธินำคดีนี้มาฟ้องเรียกทรัพย์พิพาทจากจำเลยอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดินเป็นโมฆะเมื่อกรรมสิทธิเปลี่ยนมือ ศาลบังคับโอนไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะขายที่นา ขณะที่ฟ้องคดีนาไม่ได้อยู่ในกรรมสิทธิของจำเลย โดยได้ตกไปเป็นของผู้รับซื้อฝากเสียแล้ว เมื่อจำเลยยังมิได้ไถ่ถอนกลับคืนมาก็ไม่มีทางที่จะบังคับให้จำเลย ทำการโอนขายให้โจทก์ได้ เพราะสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้ ศาลพิพากษาบังคับได้
คดีผิดสัญญาจะซื้อขายที่นาอาจมีทางที่โจทก์จะเรียกร้องได้ในทางอื่น เช่น ใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าเสียหายหรือใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยทำการไถ่ถอนการขายฝากจากผู้รับซื้อฝาก แทนที่จำเลย ดังที่บัญญัติไว้ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 233, 234 แต่โจทก์หาได้ดำเนินการดังกล่าวไม่ โจทก์ฟ้องโดยฉะเพาะเจาะจงขอให้ศาลบังคับจำเลยโอนขายที่นาให้โจทก์แต่ประการเดียว เมื่อศาลบังคับให้โดยตรงเช่นนั้นไม่ได้ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2050/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิในทรัพย์สินยังไม่โอน จนกว่าจะมีการส่งมอบทรัพย์ที่แยกออกจากของผู้อื่นได้ชัดเจน
การซื้อขายทรัพย์ ซึ่งจะต้องมีการชั่งและส่งมอบกัน หากทรัพย์นั้นยังเก็บรวมไว้กับของผู้อื่น ยังไม่ได้แยกเอาออกมาชั่งและส่งมอบแก่ผู้ซื้อ แม้ผู้ซื้อจะชำระราคาแล้วกรรมสิทธิยังคงอยู่แก่ผู้ขาย ยังไม่โอนไปยังผู้ซื้อ เจ้าหนี้ของผู้ขายยึดทรัพย์นั้นได้
คดีที่มีผู้ร้องขัดทรัพย์ และโจทก์ผู้นำยึด โต้เถียงว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นกรรมสิทธิของลูกหนี้ ดังนี้ ที่ศาลวินิจฉัยเรื่องกรรมสิทธิเป็นการวินิจฉัยประเด็นแห่งคดีโดยตรง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1868/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิในเรือนสร้างบนที่ดินของวัด: สิทธิส่วนควบ & การปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต
เจ้าอาวาสปลูกสร้างเรือนพิพาทในที่ดินธรณีสงฆ์ของวัดโดยใช้เงินของผู้อื่นซึ่งมีศรัทธาถวายเพื่อเป็นที่พักเวลามาทำบุญนั้น เรือนนั้นตกเป็นกรรมสิทธิของวัดเพราะเป็นส่วนควบของที่ดิน
สิทธิที่จะปลูกสร้างในที่ดินของผู้อื่นจะเกิดขึ้นได้โดยเจ้าของที่ดินได้ก่อให้เกิดขึ้นโดยนิติกรรม อันผู้มีสิทธิอาจฟ้องร้องบังคับเอาได้
เจ้าอาวาสมีหน้าที่บำรุงรักษาจัดการสมบัติของวัด จึงมีสิทธิมอบอำนาจให้ไวยาวัจจกรฟ้องร้องคดีแทนวัดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิโดยครอบครองปรปักษ์ แม้การซื้อขายจะผิดกฎหมาย โจทก์นำสืบได้
โจทก์ฟ้องอ้างว่าเรือนพิพาทเป็นของโจทก์, จำเลยเป็นผู้อาศัย จำเลยเถียงว่าเรือนเป็นของจำเลย โจทก์เป็นผู้อาศัย ประเด็นจึงมีว่าเรือนเป็นของใคร โจทก์ย่อมนำสืบว่าเรือนเป็นของโจทก์เพราะครอบครองมาเกิน 10 ปีแล้วได้ โจทก์ไม่จำต้องบรรยาย ข้อเท็จจริงในฟ้องถึงการได้มาซึ่งเรือนพิพาท ก็ย่อมนำสืบเพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์มีกรรมสิทธิได้ หากจำเลยเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ยังไม่ชัดแจ้ง จำเลยก็ชอบที่จะขอร้องต่อศาลในชั้นชี้สองสถานและให้ศาลสอบถามโจทก์ให้ได้ความชัดขึ้นตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 183
โจทก์ได้ซื้อเรือนพิพาทจากบิดามารดาจำเลยและโจทก์ได้ครอบครองมานานกว่า 10 ปีแล้ว แม้การซื้อขายจะขัดกับ ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 456 และ 1299 หรือไม่ก็ตาม แต่โจทก์ได้กรรมสิทธิตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1382 แล้ว
ข้อนำสืบของโจทก์จะหักล้างข้อสันนิษฐานซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1757/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวง: คดีทำลายสัญญาจำนอง ไม่ใช่ฟ้องแย่งกรรมสิทธิ
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายสัญญาจำนอง และสัญญายอมความต่อศาลระหว่างจำเลย, มูลคดีเป็นเรื่องขอให้ทำลายสัญญาไม่ใช่เรื่องฟ้องเรียกกรรมสิทธิจากจำเลย แม้มีข้อเท็จจริงโต้เถียงกันว่า โจทก์กับจำเลยเป็นผัวเมียกันหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัว ฟ้องที่ศาลแขวงได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิที่ดินสวนและการครอบครองปรปักษ์: ระยะเวลา 10 ปีตามมาตรา 1382
ที่สวนที่ไม่มีโฉนดนั้นบุคคลย่อมมีกรรมสิทธิได้ บุคคลจะอ้างการครอบครองปรปักษ์ในที่สวน จะต้องครอบครองถึง 10 ปี ตามมาตรา 1382 จึงจะได้กรรมสิทธิ.
ซื้อที่สวนทำหนังสือกันเอง เจ้าของฟ้องเรียกคืนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1198/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ของหมั้นไม่จำต้องเป็นกรรมสิทธิชายคู่หมั้น สิทธิแก่หญิงเมื่อสมรสได้ แม้ของหมั้นเป็นของผู้อื่น
ของหมั้นไม่จำต้องเป็นกรรมสิทธิของชายคู่หมั้น แม้จะเป็นของคนอื่นก็อาจเป็นของหมั้นและตกเป็นกรรมสิทธิแก่หญิงในเมื่อสมรสแล้วได้ ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1436 ก็ใช้คำว่า ฝ่ายชาย มิได้ใช้คำว่า ชาย เฉย ๆ
พ.สามีจำเลยกับจำเลยได้ไปทำการหมั้นโจทก์ให้แก่ จ. ซึ่งเป็นบุตรของ พ. โดยใช้แหวนเป็นของหมั้น แหวนนี้จะเป็นเพียงจำเลยให้ยืม โดย พ.ทราบด้วยหรือไม่ทราบก็ตาม เมื่อปรากฎว่าทางฝ่ายโจทก์และบิดามารดาโจทก์หาได้ทราบความข้อนี้ด้วยไม่ จึงจะเอาข้อตกลงระหว่าง จ.กับจำเลยตลอดจนความไม่รู้ของ พ.หากเป็นความจริง ไปผูกมัดโจทก์ไม่ได้.
การที่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้กำหนดค่าฤชาธรรมเนียมให้โจทก์ ซึ่งเป็นฝ่ายชนะนั้น โจทก์อาจฎีกาได้ตามมาตรา 168 ป.ม.วิ.แพ่ง แต่โจทก์ไม่ได้ฎีกา เป็นแต่เพียงแถลงมาในคำแก้ฎีกานั้นย่อมไม่ได้ แต่เนื่องจากเวลาพิพากษาศาลฎีกามีอำนาจสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตลอดไปถึงของศาลล่างด้วย โดยอาศัยอำนาจนี้ ศาลฎีกาอาจวินิจฉัยเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมนี้ให้ได้ในเมื่อเห็นสมควร
เมื่อพ้นกำหนดยื่นคำแก้อุทธรณ์ตามมาตรา 237 วรรคต้น ป.ม.วิ.แพ่งแล้วจำเลยจะยื่นคำแก้อุทธรณ์ไม่ได้ จะยื่นได้ก็แต่ในฐานะคำแถลงการณ์ตามมาตรา 246,186 วรรค 2 ป.ม.วิ.แพ่ง หากยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายหลังกำหนดและศาลรับไว้ก็รับไว้ในฐานะเป็นคำแถลงการณ์เท่านั้น ซึ่งมีผลว่าจำเลยจะตั้งประเด็นในศาลอุทธรณ์ไม่ได้เพราะเป็นแต่เพียงคำแถลงการณ์ ไม่ใช่คำแก้อุทธรณ์ซึ่งเป็นคำคู่ความที่จำเลยอาจตั้งประเด็นไว้
การยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายหลังกำหนดอันถือได้ว่าเป็นการยื่นคำแถลงการณ์นี้ ก็ถือได้ว่าทนายของจำเลยอุทธรณ์ได้ว่าคดีในชั้นศาลอุทธรณ์เหมือนกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1166/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินจากการทำสัญญาจะซื้อขาย: ผู้ร้องไม่มีสิทธิเหนือทรัพย์สินที่ถูกยึด
จำเลยทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้แก่ผู้ร้อง จำเลยผิดสัญญา ผู้ร้องจึงฟ้องขอให้จำเลยขายที่พิพาทหรือใช้ค่าเสียหาย คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ร้องขอให้ศาลยึดที่พิพาทรายนี้ไว้แล้ว และถึงกำหนดวันขายทอดตลาด ผู้ร้องได้ร้องขอให้งดการขายทอดตลาด ดังนี้ ศาลจะสั่งให้งดการขายทอดตลาด หาได้ไม่เพราะสัญญาระหว่างจำเลยกับผู้ร้องเป็นเพียงสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทให้แก่กัน กรรมสิทธิในที่ดินยังหาได้เปลี่ยนมือมาเป็นของผู้ร้องไม่ และผู้ร้องไม่มีบุริมสิทธิ หรือสิทธิเหนือที่ดินพิพาทประการใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 827/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทกรรมสิทธิในชั้นฎีกา: ค่าธรรมเนียมและผลของการไม่ชำระ
ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วมกับอัยยการฎีกาคัดค้านเรื่องกรรมสิทธิในทรัพย์ที่ถูกลักหรือรับของโจร จะต้องเสียค่าธรรมเนียมในชั้นฎีกา เมื่อไม่ยอมเสีย ศาลไม่รับฎีกาไว้พิจารณา (กรณีเช่นนี้ศาลฎีกาทำเป็นคำสั่ง)
of 26