พบผลลัพธ์ทั้งหมด 334 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5763/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการขายทอดตลาดหลังคดีถึงที่สุด ผู้ร้องขาดสิทธิเรียกร้อง
ผู้ร้องยกข้ออ้างขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ว่าเจ้า-พนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ไปหลังจากที่ได้ส่งหมายและสำเนาคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว อันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติในมาตรา288 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อปรากฏว่าคดีที่ร้องขัดทรัพย์นั้นศาล-ชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องและคดีถึงที่สุดแล้ว ทั้งทรัพย์พิพาทก็ได้ขายทอดตลาดไปแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อาจจะยื่นคำร้องขัดทรัพย์ใหม่ได้ ข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่าผู้ร้องได้รับความเสียหายจากการดำเนินการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยการฝ่าฝืนดังกล่าวนั้นจึงไม่มีอีกต่อไป ผู้ร้องไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น จึงไม่มีสิทธิที่จะร้องต่อศาลให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม – ความผิดอาวุธปืน & ความผิดฐานฆ่าผู้อื่น – ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะโทษอาวุธปืน – คดีถึงที่สุด
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต กับฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควรนั้น โจทก์จำเลยต่างไม่อุทธรณ์ถือว่าเป็นอันยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดทั้งสองฐานดังกล่าว จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่น เมื่อศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะให้กำหนดโทษในความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนที่ศาลชั้นต้นยังมิได้กำหนด ซึ่งมีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นจึงเป็นอันถึงที่สุดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 245 วรรคสอง ตอนท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1956/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันมีเงื่อนไขคดีถึงที่สุด ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดหากคำสั่งศาลชั้นต้นยังไม่ถึงที่สุด
ข้อความในสัญญาค้ำประกันระบุว่า ผู้ร้องจะยอมรับผิดชำระหนี้แทนลูกหนี้เมื่อศาลมีคำสั่งให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ และคดีถึงที่สุดแล้วเท่านั้น เมื่อคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์อาจยืน ยก แก้ หรือกลับเสียซึ่งคำสั่งศาลชั้นต้นก็ได้จึงยังฟังเป็นที่แน่นอนและถึงที่สุดแล้วไม่ได้ ผู้ร้องจึงยังไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4788/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีในชั้นฎีกาหลังคดีถึงที่สุดสำหรับจำเลยบางส่วน
โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัวในชั้นฎีกาแต่คดีสำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่สุดไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยจำเลยที่ 1มิได้อุทธรณ์ โจทก์จึงขอถอนฟ้องคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4788/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวหลังฎีกา และผลของการไม่รับฎีกาเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว
โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัวในชั้นฎีกาแต่คดีสำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่สุดไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ โจทก์จึง ขอถอนฟ้องคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4732/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการวางค่าเช่าเพื่อบังคับคดีขับไล่: ศาลไม่ออกคำบังคับจนกว่าคดีถึงที่สุด
คู่ความตกลงกันว่า จำเลยจะนำค่าเช่าหรือค่าเสียหายมาวางศาลทุกเดือนจนกว่าคดีถึงที่สุด หากจำเลยผิดนัดจำเลยยอมให้โจทก์มีสิทธิบังคับคดีเกี่ยวกับเงินค่าเช่าดังกล่าวและบังคับคดีออกจากอาคารและที่ดินพิพาทได้ทันที ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงเกี่ยวด้วยวิธีการคุ้มครองประโยชน์คู่ความในระหว่างพิจารณาโจทก์จะนำข้อตกลงดังกล่าวมาบังคับให้จำเลยออกจากอาคารและที่ดินพิพาทไม่ได้เพราะคดีฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายโจทก์จะต้องพิสูจน์ว่าจำเลยไม่มีสิทธิในอาคารและที่ดินที่โจทก์ฟ้องให้ขับไล่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4063/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด แม้ศาลชั้นต้นจะคืนให้เจ้าของไปแล้ว หากคดีถึงที่สุด
คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ของกลางทั้ง 2 คัน แล่นไล่ตามและขับปาดหน้ารถจักรยานยนต์ผู้เสียหายให้หยุด เพื่อทำการปล้นรถจักรยานยนต์ผู้เสียหาย รถจักรยานยนต์ของกลางทั้ง 2 คัน เป็นยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดจึงต้องริบตามกฎหมาย แต่เมื่อรถจักรยานยนต์ของกลางคันหนึ่ง ศาลชั้นต้นสั่งคืนให้เจ้าของที่แท้จริงไปแล้ว และคดีถึงที่สุด ศาลฎีกาย่อมให้ริบเฉพาะรถจักรยานยนต์ของกลางคันที่เหลืออยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2338/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การถอนอุทธรณ์และการโต้แย้งหมายจำคุกหลังคดีถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลย จำเลยยื่นอุทธรณ์ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยถอนอุทธรณ์แล้วพิจารณาคดีต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ดังนี้ การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีย่อมถึงที่สุด จำเลยจะฎีกาคัดค้านว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดไม่ได้ หมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดเป็นหมายอาญา มิใช่คำพิพากษาหรือคำสั่งที่จะอุทธรณ์ฎีกาได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 และ 216 หากจำเลยเห็นว่าการออกหมายไม่ถูกต้องก็ต้องร้องขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขหมายนั้น เพื่อให้ศาลชั้นต้นพิจารณามีคำสั่งเสียก่อน ฎีกาของจำเลยที่คัดค้านว่าศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดไม่ถูกต้องจึงเป็นฎีกาที่ต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 573/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องล้มละลายซ้ำ: ศาลยกฟ้องเนื่องจากประเด็นและคู่ความซ้ำกับคดีถึงที่สุดแล้ว
โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีล้มละลาย ศาลพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัว คดีถึงที่สุดโจทก์นำมูลหนี้จำนวนเดิมมาฟ้องขอให้จำเลยทั้งสอง ล้มละลายเป็นคดีนี้อีก คู่ความในคดีก่อนกับคดีนี้เป็นคู่ความ เดียวกัน ประเด็นพิพาทก็อาศัยเหตุอย่างเดียวกันว่าจำเลยที่ 2 โอนขายที่ดินแก่ บุคคลภายนอกไปแล้วหรือไม่ และจำเลยทั้งสองมี หนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ จึงเป็น ฟ้องซ้ำต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 วรรคแรก ประกอบด้วย มาตรา 153 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: การท้าพิสูจน์ตามคำพิพากษาคดีอาญาที่ยังไม่ถึงที่สุด
คู่ความตกลงท้ากันให้ถือเอาผลของคำพิพากษาคดีอาญาของศาลแขวงสงขลา ที่โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาปลอมและใช้พินัยกรรมปลอมเป็นข้อวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทในคดีนี้ว่าพินัยกรรมฉบับพิพาท เป็นพินัยกรรมปลอมหรือไม่ ย่อมมีความหมายว่าคู่ความประสงค์ให้ถือเอา ผลของคำพิพากษาที่ถึงที่สุดเป็นข้อแพ้ชนะกันในประเด็นดังกล่าว เมื่อคดีอาญายังไม่ถึงที่สุดและไม่ปรากฏว่าคู่ความได้ยกเลิกคำท้า ศาล จึงต้องรอฟังผลของคำพิพากษาคดีอาญาที่ถึงที่สุดเป็นหลักในการ วินิจฉัยตามที่คู่ความท้ากัน.