พบผลลัพธ์ทั้งหมด 117 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1455/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกักกันไม่ใช่โทษอาญา ไม่สามารถนำมาใช้ในการฎีกาได้ เนื่องจากมีลักษณะเบากว่าโทษจำคุก
การกักกันตามประมวลกฎหมายอาญาไม่ใช่โทษอาญา. แต่เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยอันมีลักษณะเบากว่าโทษจำคุก. ฉะนั้นจะอนุโลมกำหนดเวลากักกันเป็นกำหนดโทษจำคุกไม่ได้. และไม่ว่ากักกันจะมีกำหนดเวลาต่ำหรือเกินกว่า 5 ปีก็ตามย่อมเป็นอันต้องห้ามฎีกา.(ประชุมใหญ่ ครั้งที่21/2511).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทจากการใช้ปืนที่ไม่ปลอดภัยเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
อย่างไรจึงถือว่ากระทำโดยประมาท
อาวุธปืนของจำเลยเป็นปืนแก๊ปชนิดทำขึ้นเองที่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรง จำเลยได้บรรจุแก๊ปดินปืน กระสุนปืน ทั้งยังได้ขึ้นไกปืนไว้อีกด้วย การที่จำเลยนำปืนแก๊ปที่ไม่ปลอดภัยดังกล่าวนี้ไปพิงไว้ที่ฝาห้องใกล้ประตูเข้าออกย่อมเห็นได้ว่าเสี่ยงต่ออันตรายที่ไกปืนซึ่งขึ้นไว้ หากถูกกระเทือนเข้ากระสุนปืนที่จำเลยบรรจุไว้ก็จะลั่นออกไปอย่างนี้ จึงหาใช่วิสัยของปกติชนจะพึงกระทำไม่ ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาท ต่อมาจำเลยได้ปิดประตูห้องโดยแรง ปืนที่พิงอยู่ได้ล้มกระแทกพื้น ทำให้ปืนลั่น กระสุนจึงถูกผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้นได้รับอันตรายสาหัส ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
อาวุธปืนของจำเลยเป็นปืนแก๊ปชนิดทำขึ้นเองที่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรง จำเลยได้บรรจุแก๊ปดินปืน กระสุนปืน ทั้งยังได้ขึ้นไกปืนไว้อีกด้วย การที่จำเลยนำปืนแก๊ปที่ไม่ปลอดภัยดังกล่าวนี้ไปพิงไว้ที่ฝาห้องใกล้ประตูเข้าออกย่อมเห็นได้ว่าเสี่ยงต่ออันตรายที่ไกปืนซึ่งขึ้นไว้ หากถูกกระเทือนเข้ากระสุนปืนที่จำเลยบรรจุไว้ก็จะลั่นออกไปอย่างนี้ จึงหาใช่วิสัยของปกติชนจะพึงกระทำไม่ ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาท ต่อมาจำเลยได้ปิดประตูห้องโดยแรง ปืนที่พิงอยู่ได้ล้มกระแทกพื้น ทำให้ปืนลั่น กระสุนจึงถูกผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้นได้รับอันตรายสาหัส ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทจากการใช้ปืนที่ไม่ปลอดภัยทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
อย่างไรจึงถือว่ากระทำโดยประมาท
อาวุธปืนของจำเลยเป็นปืนแก๊ปชนิดทำขึ้นเอง ที่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรงจำเลยได้บรรจุแก๊ปดินปืนกระสุนปืนทั้งยังได้ขึ้นไกปืนไว้อีกด้วย การที่จำเลยนำปืนแก๊ปที่ไม่ปลอดภัยดังกล่าวนี้ไปพิงไว้ที่ฝาห้องใกล้ประตูเข้าออกย่อมเห็นได้ว่าเสี่ยงต่ออันตรายที่ไกปืนที่ซึ่งขึ้นไว้ หากถูกกระเทือนเข้ากระสุนปืนที่จำเลยบรรจุไว้ก็จะลั่นออกไปอย่างนี้ จึงหาใช่วิสัยของปกติชนจะพึงกระทำไม่ ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาท ต่อมาจำเลยได้ปิดประตูห้องโดยแรง ปืนที่พิงอยู่ได้ล้มกระแทกพื้นทำให้ปืนลั่น กระสุนจึงถูกผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้นได้รับอันตรายสาหัส ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
อาวุธปืนของจำเลยเป็นปืนแก๊ปชนิดทำขึ้นเอง ที่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรงจำเลยได้บรรจุแก๊ปดินปืนกระสุนปืนทั้งยังได้ขึ้นไกปืนไว้อีกด้วย การที่จำเลยนำปืนแก๊ปที่ไม่ปลอดภัยดังกล่าวนี้ไปพิงไว้ที่ฝาห้องใกล้ประตูเข้าออกย่อมเห็นได้ว่าเสี่ยงต่ออันตรายที่ไกปืนที่ซึ่งขึ้นไว้ หากถูกกระเทือนเข้ากระสุนปืนที่จำเลยบรรจุไว้ก็จะลั่นออกไปอย่างนี้ จึงหาใช่วิสัยของปกติชนจะพึงกระทำไม่ ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาท ต่อมาจำเลยได้ปิดประตูห้องโดยแรง ปืนที่พิงอยู่ได้ล้มกระแทกพื้นทำให้ปืนลั่น กระสุนจึงถูกผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้นได้รับอันตรายสาหัส ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของผู้ควบคุมเรือและหน้าที่ในการติดตั้งไฟสัญญาณความปลอดภัยทางน้ำ ส่งผลต่อการแบ่งความรับผิดในความเสียหาย
ในกรณีที่จำเลยควบคุมเรือยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ชนสะพานและท่าเทียบเรือของโจทก์ การที่โจทก์ไม่จุดไฟขาวไว้ที่สะพานและท่าเทียบเรือตามที่ใบอนุญาตของกรมเจ้าท่าบังคับไว้ นับว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือฯ เพราะหากโจทก์จุดไฟขาวไว้ให้ผู้เดินเรือในเวลากลางคืนเห็นได้ ก็จะเป็นทางป้องกันมิให้เรือแล่นมาชนสะพาน และท่าเทียบเรือซึ่งล่วงล้ำร่องน้ำอยู่ 3 เมตรนั้นได้ จึงถือว่าโจทก์มีส่วนผิดอยู่ด้วย ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้เพียง 3 ใน 4 ของค่าเสียหายทั้งหมดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 และ 223.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทเลินเล่อในการขับรถโดยสารรับส่งคนโดยสาร ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงแก่ชีวิต
จำเลยมีอาชีพขับรถยนต์รับส่งคนโดยสารประจำทาง จำเลยมีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังตรวจสภาพของรถให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยแก่ผู้โดยสารตลอดจนประชาชนคนเดินถนนและยวดยานต่างๆ ก่อนที่จะนำรถออกเดินรับส่งคนโดยสาร แต่กลับละเลยไม่ปฏิบัติ ได้ขับรถนั้นมาทั้งๆ ห้ามล้อมือใช้การไม่ได้ ทั้งยังฝ่าฝืนรับบรรทุกคนโดยสารเกินอัตราที่ได้รับอนุญาต เมื่อรถมีน้ำหนักมากลงสะพานจึงทำให้แล่นเร็วขึ้นยิ่งยากแก่การควบคุมขับขี่ ครั้นเมื่อรู้ว่าห้ามล้อเท้าใช้การไม่ได้ จำเลยก็ชอบที่จะบรรเทาผลร้ายโดยใช้ความระมัดระวังคุมพวงมาลัยบังคับรถให้เบียดชิดขอบทางไว้ตลอดเวลาให้รถหยุด แต่ก็มิได้ปฏิบัติทั้งๆ มีโอกาสปฏิบัติได้ รถจึงได้แล่นเปะปะไปชนรถยนต์และทับคนตาย ดังนี้ จำเลยต้องมีผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้คนตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1640/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อละเมิดของลูกจ้างจากการละเลยหน้าที่ป้องกันความปลอดภัยตามกฎหมายรถไฟ
การทำละเมิดนั้น หมายความรวมทั้งการกระทำและการละเว้นในเมื่อมีหน้าที่ต้องกระทำเพื่อป้องกันผลเสียหายด้วย ฉะนั้น เมื่อลูกจ้างของจำเลยผู้ดำเนินกิจการรถไฟมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องป้องกันภัยในการที่จะเดินรถไฟผ่านข้ามถนนละเลยไม่ปิดแผงกั้นถนนขณะรถไฟผ่าน เป็นเหตุให้รถไฟของจำเลยชนรถยนต์โจทก์เสียหาย ก็ต้องถือว่าเป็นการทำละเมิดในทางการที่จ้าง ซึ่งจำเลยผู้เป็นนายจ้างต้องรับผิดด้วย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2506)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขับรถแซงที่ปลอดภัย: ผู้ตายเดินข้ามถนนผิดกฎหมาย จำเลยไม่ได้ประมาท
จำเลยขับรถยนต์แซงขึ้นหน้ารถคันอื่น ในเมื่อถนนยังมีช่องว่างพอที่จะขับแซงได้สะดวก และก่อนแซงก็ได้ให้แตรสัญญาณขอทาง เมื่อรถข้างหน้าเปิดทางให้แล้วจึงแซง ทั้งจำเลยขับรถมาด้วยความเร็วธรรมดา การที่ผู้ตายเดินเข้าหารถจำเลยจึงถูกรถจำเลยชน ทั้ง ๆ ที่จำเลยได้หักรถหลบไปโดนรถคันอื่นแล้วยังไม่พ้นเช่นนี้ จะถือว่าจำเลยกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถและระยะห่างจากรถคันหน้า จำเลยต้องเว้นระยะห่างที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
จำเลยขับรถตามหลังมา จำเลยควรจะเว้นระยะให้ห่างมากพอที่จะหยุดรถได้ทันโดยไม่ให้ชนคันหน้ายิ่งมีฝุ่นตลบจำเลยควรต้องระมัดระวังเว้นระยะให้ห่างมากขึ้นการที่รถจำเลยไปชนรถที่แล่นอยู่ข้างหน้า ถือได้ว่า จำเลยประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษกักกันเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยหลังมี พ.ร.บ. ล้างมลทินฯ และประมวลกฎหมายอาญา
ศาลพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปีและให้ส่งตัวไปกักกันอีก 3 ปี คดีถึงที่สุดก่อนใช้ พ.ร.บ. ล้างมลทินและประมวลกฎหมายอาญา เมื่อจำเลยถูกจำคุกครบ 1 ปีแล้ว ระหว่างที่จำเลยถูกกักกันอยู่ มีพ.ร.บ. ล้างมลทินฯ และประมวลกฎหมายอาญา ประกาศใช้บังคับ เมื่อความผิดของจำเลยที่ต้องคำพิพากษามาแล้วนั้น เข้าเกณฑ์ที่ศาลอาจพิพากษาให้กักกันได้ตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 41 โทษกักกันที่จำเลยได้รับอยู่จึงเปลี่ยนลักษณะมาเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 15 วรรคแรกแม้ตามประมวลกฎหมายอาญาไม่ถือว่ากักกันเป็นโทษ หากเป็นแต่เพียงวิธีการเพื่อความปลอดภัยที่จำเลยยังต้องรับต่อไปก็ตาม ก็ยังไม่ถือว่าจำเลยได้พ้นโทษกักกันนั้นไปแล้ว เพราะยังต้องถูกกักกันอยู่ โดยผลแห่งคำพิพากษาของศาล ความผิดในกรณีนี้ของจำเลยจึงยังไม่ถูกลบล้างตาม ม. 3 พ.ร.บ. ล้างมลทินฯ พ.ศ. 2499 ศาลจะสั่งปล่อยจำเลยไปหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เทศบาลละเลยหน้าที่จัดการความปลอดภัยทางถนน ทำให้เกิดอุบัติเหตุและต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยเป็นเทศบาลละเว้นหน้าที่อันจะต้องกระทำ กล่าวคือ จัดให้ถมบ่อทำให้เป็นพื้นเดียวกับพื้นถนนเสียก่อนที่จะเปิดถนนให้รถผ่านไปมาได้ ทั้งยังปรากฏว่า จำเลยมิได้จัดให้มีสิ่งกีดกั้นบ่อนี้เป็นเครื่องหมายให้สะดุดตาแก่ผู้ที่ผ่านไปมาและในเวลากลางคืนก็มิได้จัดให้มีโคมไฟจุดให้ความสว่างตามสมควร จำเลยย่อมเห็นได้อยู่แล้วว่าเป็นสิ่งอันตรายแก่รถและผู้คนสัญจรไปมาอย่างมากที่จะปล่อยให้มีบ่ออยู่เช่นนั้น จนเป็นเหตุให้รถโจทก์ขับไปชนขอบบ่อนี้เข้าและเกิดการเสียหายขึ้นดังนี้ต้องถือว่า เป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์