คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิดอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 671 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องตามเช็คแยกจากความผิดอาญา ไม่ต้องใช้ ป.วิ.อ.มาตรา 46
ในคดีส่วนอาญาจำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องที่ไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาจะนำบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.อ.มาตรา 46 มาใช้บังคับไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดอาญา: ครอบครองและจำหน่ายกัญชา
จำเลยมีกัญชาจำนวน 2 ถุง น้ำหนัก 1 กิโลกรัม และน้ำหนัก100 กรัม ไว้ในครอบครอง จำเลยได้จำหน่ายกัญชาจำนวน 1 ถุง น้ำหนัก1 กิโลกรัม ให้แก่ ว. และในวันเดียวกันก่อนหน้านั้นจำเลยได้จำหน่ายกัญชาจำนวน1 ถุง น้ำหนัก 100 กรัม ให้แก่ ส. มาแล้ว การที่จำเลยมีกัญชาจำนวน 2 ถุงไว้ในครอบครองในคราวเดียวกัน แม้จำเลยจะได้จำหน่ายกัญชาน้ำหนัก 100 กรัมให้แก่ ส. ไปก่อน และยังคงมีกัญชาน้ำหนัก 1 กิโลกรัม เหลืออยู่ในครอบครองแต่จำเลยก็ได้จำหน่ายกัญชาจำนวนดังกล่าวนี้ให้แก่ ว. ไปแล้วทั้งหมด โดยไม่มีกัญชาเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกต่อไป การกระทำของจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองจึงเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานจำหน่ายกัญชาในแต่ละกรรมคดีคงลงโทษจำเลยได้ในฐานจำหน่ายกัญชาซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักรวม 2 กรรมเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5100/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเท็จและเบิกความเท็จในคดีบุกรุกทำลายทรัพย์สิน โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อความไม่เป็นความจริง
โจทก์กับจำเลยที่1ยังโต้แย้งสิทธิในที่ดินพิพาทอยู่การที่จำเลยที่1เอาความอันรู้อยู่ว่าเป็นเท็จฟ้องโจทก์ต่อศาลว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาในความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์แม้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์กระทำความผิดดังกล่าวแต่เมื่อปรากฏว่าในบริเวณที่ดินพิพาทที่จำเลยที่1อ้างว่าโจทก์นำรถแทรกเตอร์เข้าไปไถดันต้นยางพาราของจำเลยที่1ไม่มีต้นยางพาราพันธุ์จี.ที.ปลูกอยู่การที่จำเลยที่1นำความอันรู้อยู่ว่าเป็นเท็จมาฟ้องและเบิกความเท็จว่าโจทก์นำรถแทรกเตอร์เข้าไปไถดันต้นยางพาราพันธุ์จี.ที.ของจำเลยที่1เสียหาย57ต้นและจำเลยที่2เบิกความเท็จว่าต้นยางพาราบริเวณดังกล่าวจำเลยที่1ปลูกมาประมาณ2ถึง3ปีแล้วอันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์โดยจำเลยที่1รู้อยู่ว่าข้อความตามฟ้องและที่จำเลยทั้งสองเบิกความเบิกความนั้นเป็นเท็จและความเท็จดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในคดีจำเลยที่1จึงมีความผิดฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา175และ177วรรคสองจำเลยที่2มีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4312/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สนับสนุนให้ผู้อื่นฆ่า: การปิดกั้นความช่วยเหลือเหยื่อถือเป็นการสนับสนุนความผิดฐานฆ่า
ก่อนที่จำเลยที่ 1 กับพวกจะยิงผู้ตาย จำเลยที่ 2ขึ้นไปปิดประตูบ้านไม่ยอมให้ภรรยาผู้ตายเอามีดพร้าไปให้ผู้ตาย เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่คนร้ายจะฆ่าผู้ตายโดยไม่มีผู้ใดไปช่วยผู้ตายหรือไปขัดขวางไม่ให้คนร้ายฆ่าผู้ตาย เป็นการสนับสนุนให้ผู้อื่นฆ่าผู้ตาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 4 มีส่วนร่วมกับจำเลยอื่นในการครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่าย ศาลฎีกายกฟ้อง
พันตำรวจโท อ. พยานโจทก์ได้ติดตามเฝ้าดูพฤติการณ์ของจำเลยที่2มาโดยตลอดเนื่องจากได้รับแจ้งว่าเป็นผู้ดำเนินการจัดหาเฮโรอีนให้กับพวกเพื่อนำไปจำหน่ายในต่างประเทศและเห็นจำเลยที่2ติดต่อกับจำเลยที่1อยู่เสมอทั้งก่อนเข้าตรวจค้นและจับกุมจำเลยที่1ถึงที่3ก็อยู่ในห้องที่ตรวจพบเฮโรอีนด้วยกันประกอบกับเมื่อจำเลยที่2และที่1ทราบว่าพันตำรวจโท อ. เป็นเจ้าพนักงานตำรวจปราบปรามยาเสพติดก็ตกใจพากันวิ่งหนีออกทางระเบียงหลังห้องกระโดดจากชั้น3ลงไปชั้นล่างทันทีโดยยอมเสี่ยงต่ออันตรายเป็นพฤติการณ์ส่อพิรุธของจำเลยที่2รูปคดีมีเหตุให้น่าเชื่อว่าจำเลยที่2ได้ร่วมกับพวกมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและสำหรับจำเลยที่3นั้นเมื่อถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับจากห้องที่เกิดเหตุแล้วถูกนำตัวไปตรวจค้นที่ห้องที่จำเลยที่3เช่าพักก็พบเฮโรอีนของกลางอีก2ถุงถุงหนึ่งอยู่ในแฟ้มหนังซุกซ่อนอยู่ใต้ที่นอนอีกถุงหนึ่งห่อถุงพลาสติกอยู่ในถุงพลาสติกวางอยู่ในตู้เสื้อผ้าซึ่งได้มีการถ่ายภาพไว้โดยจำเลยที่3ก็ได้ลงชื่อรับรองในภาพถ่ายและบันทึกการตรวจค้นด้วยชั้นสอบสวนก็ให้การรับว่าจำเลยที่1และที่2นำเฮโรอีนที่พบในห้องพักของตนนั้นมาฝากไว้จึงมีเหตุให้น่าเชื่อว่าจำเลยที่3ได้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่1และที่2ด้วยส่วนจำเลยที่4นั้นคำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์เกี่ยวกับพฤติการณ์ที่อ้างว่าจำเลยที่4มีส่วนร่วมกับพวกกระทำความผิดนั้นยังขัดแย้งแตกต่างกันอีกทั้งพยานพฤติเหตุแวดล้อมก็ยังไม่ชัดแจ้งมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่4ได้ร่วมกับจำเลยที่1ถึงที่3มีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10228/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจปกครอง ถือเป็นความผิดอาญา
ผู้เสียหายออกจากบ้านโดยหลบหนีมารดาแล้วไปกับจำเลยย. และ ป.เอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากมารดา ผู้เสียหายขณะเกิดเหตุมีอายุเพียง ๑๓ ปีเศษ อยู่ในอำนาจปกครองของมารดา การที่จำเลยกับ ย.และ ป.ได้พาผู้เสียหายไปโดยมารดาผู้เสียหายมิได้ยินยอมด้วยนั้น ย่อมเป็นการล่วงอำนาจปกครองของมารดาผู้เสียหาย แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจยินยอมไปกับจำเลยและพวกก็ถือไม่ได้ว่าได้รับความยินยอมเห็นชอบจากมารดาผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าว จึงเป็นการพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกิน ๑๕ ปี ไปเสียจากมารดาแล้ว ทั้งเมื่อจำเลย และ ย.ได้หลบหนีออกจากบ้านงานไปก่อนโดยไม่นำผู้เสียหายกลับบ้าน ประกอบกับบ้านงานมีการเลี้ยงสุราและดมกาวซึ่งเป็นสารระเหย ทั้งบ้านงานก็ไม่มีผู้หญิง มีแต่พวกของจำเลยซึ่งเป็นชายทั้งหมด ดังนั้นการที่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันพรากผู้เสียหายไป จึงถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยปราศจากเหตุอันสมควร เป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๓๑๗ วรรคหนึ่ง, ๘๓

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6951/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันปล้นทรัพย์: การกระทำโดยสนับสนุนและไม่ห้ามปราม
จำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ว่าจ้างผู้เสียหายขับรถยนต์รับจ้างไปส่งที่เกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ซึ่งนั่งรวมอยู่กับจำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ด้านหลังลงมาช่วยจำเลยที่ 1 และที่ 2 ปลดทรัพย์ผู้เสียหายหลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ได้ ในลักษณะที่ตัวจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 เปรอะเปื้อนและเปียก ส่วนจำเลยที่ 4 ตามจับได้ตามคำซัดทอดของผู้ถูกจับได้ก่อน ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ไม่ห้ามปรามจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3ทั้งยังแยกย้ายกันหลบหนี พยานหลักฐานโจทก์ฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งหมดฟังได้ว่าจำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5966/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานให้การเท็จพยานต่อพนักงานสอบสวนเพื่อช่วยเหลือจำเลยร่วม การรับฟังพยานหลักฐานและการลงโทษ
จำเลยที่3ทราบว่าโจทก์ทั้งสองไม่ได้กระทำผิดฐานฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์แต่กลับมาให้การเป็นพยานด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงานสอบสวนเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่1การกระทำของจำเลยที่3จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา173

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานผลิตและครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่าย ความร่วมมือทางอาญา และการลดโทษสำหรับผู้กระทำผิดอายุไม่เกิน 17 ปี
จำเลยที่2เป็นภริยาของจำเลยที่3พักอาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับจำเลยที่1และที่3ในลักษณะถาวรมิใช่ไปๆมาๆจำเลยที่2ได้อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยากับจำเลยที่3ก่อนเกิดเหตุประมาณ2เดือนโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่3ประกอบอาชีพอื่นอันจะมีรายได้มาเลี้ยงดูจำเลยที่2ได้จำเลยที่2ย่อมรู้ถึงพฤติกรรมของจำเลยที่3เป็นอย่างดีหากไม่มีเจตนาร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่1และที่3แล้วก็ไม่น่าอยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับจำเลยที่1และที่3เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่2ได้ขณะถือถุงกระดาษบรรจุเฮโรอีน100หลอดนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยที่1ขับเพื่อนำไปส่งให้สายลับที่ล่อซื้อกับค้นพบเฮโรอีนอีก135หลอดถุงพลาสติกเปล่าตราสิงโตคู่เกาะลูกโลกซึ่งมีคราบเฮโรอีนติดอยู่2ใบและหลอดพลาสติกเปล่า462หลอดซึ่งเป็นอุปกรณ์ใช้สำหรับบรรจุเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ใต้เตียงนอนของจำเลยที่1ภายในบ้านหลังนี้ด้วยในชั้นตรวจค้นจับกุมจำเลยที่2มิได้โต้เถียงว่าตนมิได้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับเฮโรอีนของกลางแต่อย่างใดดังนี้ฟังได้ว่าจำเลยที่2ร่วมกับจำเลยที่1และที่3ผลิตเฮโรอีนของกลางเพื่อจำหน่ายและมีเฮโรอีนของกลางซึ่งมีจำนวนเกิน100กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เฮโรอีนที่จำเลยที่2ร่วมกันผลิตเพื่อจำหน่ายและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นเฮโรอีนจำนวนเดียวกันการกระทำของจำเลยที่2จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา90หาใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามมาตรา91ไม่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้คู่ความจะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้อีกทั้งเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลฎีกาย่อมเห็นสมควรพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่1และที่3ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2039/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องอาญา: รายละเอียดวิธีการเล่นพนันไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง
คำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่าเมื่อวันที่1เมษายน2537เวลากลางวันจำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบอันเป็นการพนันที่ระบุไว้ในบัญชีข.อันดับที่16ท้ายพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ.2478พนันเอาทรัพย์สินกันโดยจำเลยเป็นเจ้ามือสลากกินรวบรับกินรับใช้ส่วนพวกที่หลบหนีเป็นลูกค้าผู้เข้าร่วมเล่นการพนันโดยเป็นผู้ซื้อสลากกินรวบเป็นการบรรยายการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วส่วนการกระทำที่ว่าถือเอาเลขสองตัวหรือสามตัวของรางวัลที่1ตรงไหนเป็นเลขถูกรางวัลสลากกินรวบเป็นวิธีการเล่นการพนันสลากกินรวบซึ่งเป็นรายละเอียดที่โจทก์ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้องฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
of 68