พบผลลัพธ์ทั้งหมด 115 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคุ้มครองประโยชน์จากค่าเช่าในคดีหย่าและแบ่งสินสมรส ต้องฟ้องบังคับค่าเช่าก่อน
ฟ้องขอหย่าและแบ่งที่ดินสินสมรสและห้องแถว มิได้ขอบังคับ ค่าเช่าคำขอให้กำหนดวิธีการชั่วคราวให้นำเงินค่าเช่ามาวางศาล จึงไม่ใช่กรณีที่จะบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2668/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงานในการคุ้มครองประโยชน์คู่ความมีขอบเขตจำกัดเฉพาะระหว่างการพิจารณาคดีก่อนมีคำพิพากษา
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน มาตรา 58 ให้อำนาจศาลแรงงานที่จะทำคำสั่งเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาก่อนศาลแรงงานมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีแต่กรณีของโจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ภายหลังจากศาลแรงงานมีคำพิพากษาแล้ว จึงจะนำมาตราดังกล่าวมาใช้บังคับไม่ได้คำสั่งศาลแรงงานกลางที่ไม่รับคำร้องดังกล่าว จึงเป็นคำสั่งที่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2151/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งคุ้มครองประโยชน์โจทก์ระหว่างพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน: ศาลมีอำนาจสั่งให้ส่งมอบเด็กได้ แม้ไม่ต้องรอรายงานเจ้าพนักงานคุมประพฤติ
พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 69 วรรคแรกบัญญัติว่า "ก่อนที่ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้คดีแพ่ง ให้ศาลฟังความเห็นของผู้อำนวยการสถานพินิจหรือคณะกรรมการพินิจและคุ้มครองเด็กที่ผู้เยาว์นั้น อยู่ในเขตอำนาจก่อน ฯลฯ" คำว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งที่บัญญัติไว้ในมาตราดังกล่าวหาได้หมายถึงคำสั่งที่ศาลสั่งในระหว่างการพิจารณาไม่ ศาลจึงมีคำสั่งกำหนดวิธีการคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาโดยปราศจากรายงานของเจ้าพนักงานคุมประพฤติได้
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ถอนอำนาจปกครองเด็กโดยให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองและให้จำเลยส่งมอบเด็กคืนแก่โจทก์ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยส่งมอบเด็กให้โจทก์ในระหว่างการพิจารณา จึงเกี่ยวกับประโยชน์ของโจทก์ที่มีอยู่ในคดี โจทก์จึงมีสิทธิร้องขอได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 และคำร้องของโจทก์ดังกล่าวไม่ขัดกับคำฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ถอนอำนาจปกครองเด็กโดยให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองและให้จำเลยส่งมอบเด็กคืนแก่โจทก์ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยส่งมอบเด็กให้โจทก์ในระหว่างการพิจารณา จึงเกี่ยวกับประโยชน์ของโจทก์ที่มีอยู่ในคดี โจทก์จึงมีสิทธิร้องขอได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 และคำร้องของโจทก์ดังกล่าวไม่ขัดกับคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2151/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน: ศาลมีอำนาจสั่งให้ส่งมอบเด็กได้ แม้ยังไม่มีคำพิพากษา
พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา69 วรรคแรกบัญญัติว่า "ก่อนที่ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีแพ่งให้ศาลฟังความเห็นของผู้อำนวยการสถานพินิจหรือคณะกรรมการพินิจและคุ้มครองเด็กที่ผู้เยาว์นั้นอยู่ในเขตอำนาจก่อน ฯลฯ" คำว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งที่บัญญัติไว้ในมาตราดังกล่าวหาได้หมายถึงคำสั่งที่ศาลสั่งในระหว่างการพิจารณาไม่ ศาลจึงมีคำสั่งกำหนดวิธีการคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาโดยปราศจากรายงานของเจ้าพนักงานคุมประพฤติได้
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ถอนอำนาจปกครองเด็กโดยให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองและให้จำเลยส่งมอบเด็กคืนแก่โจทก์การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยส่งมอบเด็กให้โจทก์ในระหว่างการพิจารณา จึงเกี่ยวกับประโยชน์ของโจทก์ที่มีอยู่ในคดี โจทก์จึงมีสิทธิร้องขอได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 และคำร้องของโจทก์ดังกล่าวไม่ขัดกับคำฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ถอนอำนาจปกครองเด็กโดยให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองและให้จำเลยส่งมอบเด็กคืนแก่โจทก์การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยส่งมอบเด็กให้โจทก์ในระหว่างการพิจารณา จึงเกี่ยวกับประโยชน์ของโจทก์ที่มีอยู่ในคดี โจทก์จึงมีสิทธิร้องขอได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 และคำร้องของโจทก์ดังกล่าวไม่ขัดกับคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1994/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาคดี และการงดการบังคับคดีในคดีอื่น
แม้ที่ดินและบ้านที่พิพาทกันในคดีก่อนจะเป็นทรัพย์ที่พิพาทกันในคดีนี้------ ซึ่งโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝากและขอให้ศาลพิพากษาว่าคำพิพากษาตามยอมในคดีก่อนเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับแก่โจทก์ก็ตาม การที่จำเลยขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีแก่โจทก์ในคดีก่อน ย่อมเป็นการบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมในคดีนั้น โจทก์จะมายื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งงดการบังคับคดีในคดีนี้หาได้ไม่ และคำขอของโจทก์ในกรณีเช่นนี้มิใช่เป็นเรื่องการขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1994/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาคดี และการงดการบังคับคดีในคดีอื่น
แม้ที่ดินและบ้านที่พิพาทกันในคดีก่อนจะเป็นทรัพย์ที่พิพาทกันในคดีนี้ซึ่งโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝากและขอให้ศาลพิพากษาว่าคำพิพากษาตามยอมในคดีก่อนเป็นโมฆะไม่มีผลบังคับแก่โจทก์ก็ตาม การที่จำเลยขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีแก่โจทก์ในคดีก่อน ย่อมเป็นการบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมในคดีนั้น โจทก์จะมายื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งงดการบังคับคดีในคดีนี้หาได้ไม่ และคำขอของโจทก์ในกรณีเช่นนี้มิใช่เป็นเรื่องการขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองประโยชน์คู่ความระหว่างพิจารณาคดีได้ และการหาประกันเพื่อรักษาสิทธิ
คำสั่งขอศาลอุทธรณ์เกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณา ย่อมฎีกาได้
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเฉพาะบ้านพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลย หากเพิกถอนไม่ได้ก็ให้จำเลยใช้ราคาบ้านแก่โจทก์ ดังนี้แม้จำเลยจะรื้อบ้านพิพาทไปโจทก์ก็ไม่เสียหายอย่างใดเพราะโจทก์จะได้ราคาบ้านพิพาทหากจำเลยแพ้คดี จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งให้จำเลยหาประกันสำหรับราคาบ้านพิพาทและค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องชำระหากจำเลยแพ้คดีมาวางศาลเสียก่อนที่จำเลยจะรื้อบ้านพิพาทไป
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเฉพาะบ้านพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลย หากเพิกถอนไม่ได้ก็ให้จำเลยใช้ราคาบ้านแก่โจทก์ ดังนี้แม้จำเลยจะรื้อบ้านพิพาทไปโจทก์ก็ไม่เสียหายอย่างใดเพราะโจทก์จะได้ราคาบ้านพิพาทหากจำเลยแพ้คดี จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งให้จำเลยหาประกันสำหรับราคาบ้านพิพาทและค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องชำระหากจำเลยแพ้คดีมาวางศาลเสียก่อนที่จำเลยจะรื้อบ้านพิพาทไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 940/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในค่าเช่าเมื่อฟ้องเพิกถอนการให้ขาดเจตนา ศาลคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการให้โดยอ้างว่าได้จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างโดยขาดเจตนา ย่อมขอให้ศาลสั่งกำหนดวิธีการคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณา โดยให้จำเลยนำเงินค่าเช่าห้องแถวพิพาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะเสร็จคดีมาวางศาลได้ เพราะถ้าศาลพิพากษาให้เพิกถอน โจทก์ย่อมมีสิทธิในเงินค่าเช่าห้องแถวนับแต่วันจดทะเบียนสัญญาให้ มิใช่ตั้งแต่วันศาลพิพากษาให้เพิกถอนดังฟ้องขอให้เพิกถอนการให้ เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 940/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในค่าเช่าเมื่อฟ้องเพิกถอนการให้ขาดเจตนา: การคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการให้โดยอ้างว่าได้จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างโดยขาดเจตนา ย่อมขอให้ศาลสั่งกำหนดวิธีการคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณา โดยให้จำเลยนำเงินค่าเช่าห้องแถวพิพาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะเสร็จคดีมาวางศาลได้ เพราะถ้าศาลพิพากษาให้เพิกถอน โจทก์ย่อมมีสิทธิในเงินค่าเช่าห้องแถวนับแต่วันจดทะเบียนสัญญาให้ มิใช่ตั้งแต่วันศาลพิพากษาให้เพิกถอนดังฟ้องขอให้เพิกถอนการให้ เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองประโยชน์ระหว่างบังคับคดีและการงดบังคับคดี ต้องมีเหตุผลรองรับข้ออ้างของลูกหนี้
มาตรา 264 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นบทบัญญัติถึงวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษา เมื่อคู่ความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลได้พิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว จึงไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลใด และที่จำเลยร้องขอให้ถอนการยึดหรือให้งดการขายทอดตลาดไว้เพื่อรอฟังผลของคดีอื่น ก็มิใช่เป็นวิธีการเพื่อบังคับตามคำพิพากษาคำร้องขอของจำเลย จึงไม่เข้ามาตรา 264แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 วรรคสองศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ต่อเมื่อได้พิจารณาเหตุผล2 ประการประกอบกันคือพิจารณาว่าข้ออ้างของลูกหนี้ตาม คำพิพากษามีเหตุฟังได้ประการหนึ่ง และพิจารณาว่าถ้างดการบังคับคดีไว้ไม่น่าจะเป็นที่เสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอีกประการหนึ่ง ดังนั้น แม้จะฟังว่าการงดการบังคับคดีไว้ไม่น่าจะเป็นที่เสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาศาลก็จะสั่งให้งดบังคับคดียังไม่ได้ ศาลจะต้องพิจารณาว่าข้ออ้างของลูกหนี้ตามคำพิพากษามีเหตุฟังได้หรือไม่เสียก่อน หากไม่มีเหตุฟังได้ก็จะไม่สั่งให้งดการบังคับคดี
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 วรรคสองศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ต่อเมื่อได้พิจารณาเหตุผล2 ประการประกอบกันคือพิจารณาว่าข้ออ้างของลูกหนี้ตาม คำพิพากษามีเหตุฟังได้ประการหนึ่ง และพิจารณาว่าถ้างดการบังคับคดีไว้ไม่น่าจะเป็นที่เสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอีกประการหนึ่ง ดังนั้น แม้จะฟังว่าการงดการบังคับคดีไว้ไม่น่าจะเป็นที่เสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาศาลก็จะสั่งให้งดบังคับคดียังไม่ได้ ศาลจะต้องพิจารณาว่าข้ออ้างของลูกหนี้ตามคำพิพากษามีเหตุฟังได้หรือไม่เสียก่อน หากไม่มีเหตุฟังได้ก็จะไม่สั่งให้งดการบังคับคดี