พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4291-4292/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และลักทรัพย์ โดยมีพยานหลักฐานจากคำรับสารภาพและแผนประทุษกรรม
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นขณะเกิดเหตุ แต่โจทก์มีคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามประกอบกับคำเบิกความของพนักงานสอบสวนแสดงรายละเอียดการกระทำความผิดตั้งแต่ตอนจำเลยที่ 1 ทาบทามว่าจ้างจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้ฆ่าผู้ตายซึ่งเป็นภรรยาจำเลยที่ 1 ประชุมวางแผน ลงมือฆ่า ปลดเอาสร้อยข้อมือของผู้ตายกับแสร้งเอาสร้อยคอของจำเลยที่ 1 ไปซ่อน แล้วจำเลยที่ 1 ใช้เศษไม้ขูดคอตนเองให้เป็นรอยเพื่อแสร้งทำว่าถูกคนร้ายตี และจำเลยทั้งสามได้แสดงแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพ ทั้งจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ขอขมาศพผู้ตายกับบิดาผู้ตาย แสดงถึงความสำนึกผิด และจำเลยที่ 1 ได้พาพนักงานสอบสวนไปเอาสร้อยข้อมือผู้ตายกับสร้อยคอของตนตรงที่ซ่อนไว้ ส่วนจำเลยที่ 2 ได้พาพนักงานสอบสวนไปเอาเหล็กขูดชาพท์ซึ่งใช้แทงผู้ตายที่ทิ้งไว้ขณะวิ่งหนี กับได้พบมีดปลายแหลมที่จำเลยที่ 3 ใช้แทงผู้ตายแล้วทิ้งไว้ ตรงตามสถานที่ที่ระบุไว้ในคำให้การ และจำเลยที่ 2 ได้พาพนักงานสอบสวนไปพบ อ.ที่ต่างจังหวัดให้นำไปยึดเอาสร้อยคอที่ร้านขายทองคืนมาด้วย นอกจากนี้โจทก์ยังมีคำให้การชั้นสอบสวนของ น. ร. กับ อ.ยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นผู้ขอให้ น.นำสร้อยคอของกลางไปขายตรงตามคำให้การของจำเลยที่ 2 ที่ 3 พยานโจทก์จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 วานให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันพาอาวุธไปฆ่าผู้ตายและลักทรัพย์ตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4291-4292/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและลักทรัพย์ โดยมีพยานหลักฐานจากคำรับสารภาพและแผนประทุษกรรม
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นขณะเกิดเหตุแต่โจทก์มีคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามประกอบกับคำเบิกความของพนักงานสอบสวนแสดงรายละเอียดการกระทำความผิดตั้งแต่ตอนจำเลยที่1ทาบทามว่าจ้างจำเลยที่2และที่3ให้ฆ่าผู้ตายซึ่งเป็นภรรยาจำเลยที่1ประชุมวางแผนลงมือฆ่าปลดเอาสร้อยข้อมือของผู้ตายกับแสร้งเอาสร้อยคอของจำเลยที่1ไปซ่อนแล้วจำเลยที่1ใช้เศษไม้ขูดคอตนเองให้เป็นรอยเพื่อแสร้งทำว่าถูกคนร้ายตีและจำเลยทั้งสามได้แสดงแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพทั้งจำเลยที่1ที่2ได้ขอขมาศพผู้ตายกับบิดาผู้ตายแสดงถึงความสำนึกผิดและจำเลยที่1ได้พาพนักงานสอบสวนไปเอาสร้อยข้อมือผู้ตายกับสร้อยคอของตนตรงที่ซ่อนไว้ส่วนจำเลยที่2ได้พาพนักงานสอบสวนไปเอาเหล็กขูดชาพท์ซึ่งใช้แทงผู้ตายที่ทิ้งไว้ขณะวิ่งหนีกับได้พบมีดปลายแหลมที่จำเลยที่3ใช้แทงผู้ตายแล้วทิ้งไว้ตรงตามสถานที่ที่ระบุไว้ในคำให้การและจำเลยที่2ได้พาพนักงานสอบสวนไปพบ อ. ที่ต่างจังหวัดให้นำไปยึดเอาสร้อยคอที่ร้านขายทองคืนมาด้วยนอกจากนี้โจทก์ยังมีคำให้การชั้นสอบสวนของ น.ร.กับ อ. ยืนยันว่าจำเลยที่2ที่3เป็นผู้ขอให้ น. นำสร้อยคอของกลางไปขายตรงตามคำให้การของจำเลยที่2ที่3พยานโจทก์จึงฟังได้ว่าจำเลยที่1วานให้จำเลยที่2ที่3ร่วมกันพาอาวุธไปฆ่าผู้ตายและลักทรัพย์ตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2522/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นจากพยานหลักฐานทางนิตยศาสตร์และพฤติการณ์ที่เชื่อมโยงจำเลยกับเหตุการณ์
ก่อนเกิดเหตุ 7-8 วัน จำเลยกับผู้ตายมีปากเสียงกันในการซื้อขายไม้วันเกิดเหตุก่อนผู้ตายถูกยิง อ. ได้ยินเสียงผู้ตายร้องด่าจำเลย ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดจ. พี่ภริยาจำเลยออกจากบ้านมาดูเห็นผู้ตายยืนอยู่บนถนนท้ายรถยนต์ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับเมื่อเสียปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลง จำเลยขับรถยนต์ออกไป ต่อมาไม่นานจำเลยขับรถยนต์กลับมารับภริยาและบุตรหลบหนีไป แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุและใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย จึงรับฟังลงโทษจำเลยได้ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายหลายนัดถูกบริเวณหน้าท้อง จนถึงแก่ความตาย แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า ปลอกกระสุนปืนของกลางซึ่งคาอยู่ในรังเพลิงของอาวุธปืน ฝ่ายผู้ตาย มิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงริบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีฆ่าผู้อื่นโดยอาศัยพยานผู้มีส่วนร่วมเหตุการณ์และยืนยันตัวผู้กระทำผิด
ว.กับส. พยานโจทก์รู้จักกับจำเลยมาก่อน ไม่มีเรื่องโกรธเคืองกัน บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงไฟฟ้าจากเสาไฟฟ้าข้างทางและจากบ้านทั้งสองข้างทาง และบิดามารดาของพยานโจทก์ทั้งสองซึ่งเข้าไปห้ามปรามก็ถูกพวกจำเลยตีทำร้ายด้วย ว. ถึงได้ตะโกนให้หยุด โดยขู่ว่ามิฉะนั้นจะเอาปืนมายิง พวกจำเลยจึงได้ล่าถอยไป แสดงว่าพยานได้มีส่วนแก้ไขในเหตุการณ์ด้วย ไม่ใช่เพียงรู้เห็นเหตุการณ์อย่างเดียว ในคืนเกิดเหตุภายหลังเกิดเหตุแล้วเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมพวกของจำเลยได้ พยานโจทก์ทั้งสองก็ชี้ ตัวว่าเป็นคนร้าย ต่อมาเมื่อ ส. เห็นจำเลยที่ลานสเกต ก็เป็นคน โทรศัพท์แจ้งเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยได้ที่ลานสเกต ดังกล่าว ดังนี้จึงเชื่อ ว่าพยานโจทก์ทั้งสองต้องสนใจและจำจำเลยได้ไม่ผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานบอกเล่าประกอบพยานหลักฐานอื่น และพยานวัตถุ ยืนยันการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
โจทก์ไม่ได้ตัวประจักษ์พยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์มาเบิกความแต่โจทก์อ้างคำให้การชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานดังกล่าวเป็นพยานแม้คำให้การชั้นสอบสวนนี้เป็นเพียงพยานบอกเล่า แต่ก็ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังเสียเลย การที่จะรับฟังพยานบอกเล่าได้หรือไม่เพียงใดนั้นย่อมสุดแล้วแต่เหตุผลเป็นเรื่อง ๆ ไป โดยรับฟังได้ในฐานะพยานประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้ เมื่อโจทก์มีพนักงานสอบสวนผู้สอบปากคำประจักษ์พยานมาเบิกความประกอบคำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวกับบันทึกการชี้ ตัวและภาพถ่ายการชี้ ตัวผู้ต้องหา ทั้งปรากฏว่าอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางที่ยึดได้จากจำเลยและลูกกระสุนปืนของกลางที่ยึดได้จากที่เกิดเหตุและที่ฝังอยู่ในร่างกายของผู้ตาย ปรากฏว่ามีตำหนิ รอยลายเส้นที่ร่องเกลียวและสันเกลียว ตรงกันและเข้ารอยกันได้ จึงรับฟังประกอบคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลย ลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุ
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองผู้ตายมาก่อน แม้ภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นน้องสาวจำเลยได้มาบอกจำเลยว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ยิงปืนขู่ก็ตาม แต่ผู้ตายไม่ได้ทำร้ายภรรยาจึงไม่น่าจะเป็นเหตุถึงกับทำให้จำเลยต้องการฆ่าผู้ตายในขณะนั้น ทั้งปรากฏว่าภรรยาผู้ตายให้จำเลยไปเอากระบือที่ห้างนามาไว้ที่บ้าน การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วย อาจเพราะเป็นเวลามืดค่ำจึงเอาไปเพื่อป้องกันตัว และก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายได้มีการพูดจาทักทาย กันก่อนแล้ว จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยคิดฆ่าผู้ตายมาแต่ต้นจึงไม่เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน พิจารณาจากเหตุการณ์ก่อนหน้าและพฤติการณ์หลังเกิดเหตุ
จำเลยกับผู้ตายไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน จำเลยรับฟังเรื่องที่ ส. น้องสาวเล่าว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ ยิงปืนขู่แล้ว ส. ให้จำเลยไปเอากระบือการที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วย อาจเพราะเป็นเวลามือค่ำ หรือเพื่อป้องกันตัวก็ได้ อีกทั้งก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายยังได้ มีการพูดจาทักทาย กันก่อน หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่เช่นนี้ การกระทำผิดของจำเลยไม่เป็นการกระทำโดย ไตร่ตรอง ไว้ก่อน ตาม ป.อ. มาตรา 289(4).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน การพิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลในการกระทำ
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองผู้ตายมาก่อน แม้ภริยาผู้ตายซึ่งเป็นน้องสาวจำเลยได้มาบอกจำเลยว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ยิงปืนขู่ก็ตาม แต่ผู้ตายไม่ได้ทำร้ายภริยา จึงไม่น่าจะเป็นเหตุถึงทำให้จำเลยต้องการฆ่าผู้ตายในขณะนั้น ทั้งปรากฏว่าภริยาผู้ตายให้จำเลยไปเอากระบือที่ห้างนามาไว้ที่บ้าน การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วยอาจเพราะเป็นเวลามือค่ำจึงเอาไปเพื่อป้องกันตัว และก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายได้มีการพูดจาทักทายกันก่อนแล้ว จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยคิดฆ่าผู้ตายมาแต่ต้น จึงไม่เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6309/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา: พฤติการณ์ 'บันดาลโทสะ' ต้องเกิดขึ้นต่อเนื่องและกระชั้นชิดกับเหตุ
วันเกิดเหตุตอนใกล้เที่ยงวันจำเลยทราบเรื่องจากภริยาว่าผู้ตายข่มขืนกระทำชำเราภริยา แล้วจำเลยออกจากบ้านไปจับปลา การที่จำเลยพบผู้ตายในตอนเย็นระหว่างนำปลาที่จับได้ไปให้บิดาแล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทันที ดังนี้ จำเลยหาได้กระทำต่อผู้ตายในขณะมีโทสะหรือระยะเวลาที่ต่อเนื่องกระชั้นชิดกับที่มีโทสะไม่ เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ตายกระทำการข่มเหงจำเลยอย่างใดอีก จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพราะเหตุบันดาลโทสะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6309/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุบันดาลโทสะต้องเกิดขึ้นต่อเนื่องกระชั้นชิด การเว้นวรระห่างหลายชั่วโมงไม่ถือเป็นเหตุบันดาลโทสะ
วันเกิดเหตุตอนใกล้เที่ยงวันจำเลยทราบเรื่องจากภริยาว่าผู้ตายข่มขืนกระทำชำเราภริยา แล้วจำเลยออกจากบ้านไปจับปลา การที่จำเลยพบผู้ตายในตอนเย็นระหว่างนำปลาที่จับได้ไปให้บิดาแล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทันที ดังนี้ จำเลยหาได้กระทำต่อผู้ตายในขณะมีโทสะหรือระยะเวลาที่ต่อเนื่องกระชั้นชิดกับที่มีโทสะไม่ เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ตายกระทำการข่มเหงจำเลยอย่างใดอีก จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพราะเหตุบันดาลโทสะ.