คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จงใจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 96 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยขาดนัด – การพิจารณาคดีใหม่ – ผลกระทบต่อจำเลยแต่ละคน
ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีไปโดยจำเลยขาดนัด จำเลยร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 จงใจขาดนัดส่วนจำเลยที่ 1 มิได้จงใจขาดนัด กรณีเช่นนี้จะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 59(1) มาปรับ เพื่อให้จำเลยที่ 2 ได้รับประโยชน์ด้วยกับจำเลยที่ 1 ไม่ได้ คดีต้องพิจารณาใหม่โดยให้จำเลยที่ 1 มีโอกาสให้การแต่จำเลยที่ 2 คงถือว่าขาดนัดยื่นคำให้การเช่นเดิม จำเลยที่ 2จะได้รับประโยชน์ในชั้นพิจารณาอย่างใดหรือไม่ ก็ต้องแล้วแต่รูปคดีเป็นอีกตอนหนึ่ง
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้พิจารณาใหม่ ภายหลังเมื่อตัดสินแล้วไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุผลความล่าช้าในการมาศาล: ศาลพิจารณาเหตุผลที่สมเหตุสมผลและไม่ได้เกิดจากความจงใจของฝ่ายโจทก์
วันนัดสืบพยานจำเลย ทนายโจทก์มาศาลล่าช้ากว่ากำหนดเพียง 1 ชั่วโมงเศษ เนื่องจากรถยนต์ที่ทนายโจทก์เดินทางมาเกิดเครื่องยนต์ขัดข้อง ดังนี้ ถือได้ว่าฝ่ายโจทก์มิได้จงใจขาดนัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกหุ้นส่วนกรณีผิดสัญญา: ไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหากผู้เป็นหุ้นส่วนฝ่ายหนึ่งจงใจผิดสัญญา
การฟ้องขอเลิกหุ้นส่วนในกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งซึ่งมิใช่ผู้ฟ้องร้องได้จงใจล่วงละเมิดบทบังคับอันเป็นสาระสำคัญซึ่งสัญญาหุ้นส่วนกำหนดไว้แก่ตนเป็นกรณีที่ต้องด้วยบทมาตรา 1057(1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งฯ ย่อมฟ้องร้องได้ทันที ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือคอยระยะเวลาสิ้นรอบปีในทางบัญชีเงินตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1056 แห่งประมวลแพ่งฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์ในคดีละเมิดจากการเกิดเพลิงไหม้ โจทก์ต้องพิสูจน์การกระทำโดยจงใจหรือประมาทของจำเลย
ฟ้องว่า จำเลยทำให้เพลิงไหม้ เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายเป็นการละเมิดต่อโจทก์ เมื่อจำเลยปฏิเสธ เป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องนำสืบให้ได้ความว่า จำเลยทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ถ้านำสืบไม่ได้ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078-1079/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: ศาลอุทธรณ์ให้พิจารณาใหม่หากไม่ได้จงใจขาดนัด แม้การขอเลื่อนไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ขอเลื่อนการสืบพยานโจทก์นัดแรกซึ่งโจทก์มีหน้าที่สืบก่อนโดยวิทยุมาแจ้งให้ศาลทราบก่อนวันนัด 1 วัน ความว่าทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีเพราะไม่มีรถมา มาศาลไม่ทัน ตัวโจทก์มาศาลในตอนสายวันนั้นหลังจากศาลสั่งให้โจทก์ขาดนัดพิจารณาแล้วแถลงว่ารอทนายอยู่ที่บ้าน แม้การขอเลื่อนของทนายทางวิทยุจะไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ก็แสดงว่า ทนายและโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณาหากแต่มีความจำเป็นเกิดขึ้นที่ทนายไม่อาจมาศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม แม้เลยกำหนด หากมิได้จงใจ และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ทนายจำเลยเข้าใจว่า ได้ยื่นบัญชีระบุพยานแล้ว แต่ความจริงยังไม่ได้ยื่น เพราะหลงลืมไปมิได้ตั้งใจจะกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายดังนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลย่อมรับบัญชีระบุพยานจำเลยซึ่งยื่นภายหลังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1698/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยจงใจเป็นละเมิด แม้เป็นฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ฟ้องได้ภายใน 10 ปี
จำเลยใช้มีดแทงเขาโดยจงใจ และเขาตายเพราะพิษบาดแผลที่จำเลยทำร้ายดังนี้แม้เป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ก็ย่อมเป็นการละเมิดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
จำเลยถูกฟ้องหาว่าฆ่าคนตายจนคดีถึงที่สุด ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยดังนี้กรณีเข้าตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 168 ซึ่งให้ฟ้องได้ภายใน 10 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จเรื่องมรดก: จำเลยต้องรู้ว่าโจทก์เป็นบุตรผู้ตาย จึงถือว่าจงใจแจ้งเท็จได้
ในคดีที่โจทก์อ้างว่าเป็นบุตรผู้ตาย หาว่าจำเลยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินในการขอรับมฤดกที่ดินโดยกล่าวว่าผู้ตายไม่มีบุตร ไม่มีเมียนั้น เมื่อคดีไม่มีเหตุพอจะฟังว่าจำเลยได้รู้ว่าโจทก์เป็นบุตรผู้ตาย ก็ถือไม่ได้ว่า จำเลยจงใจแจ้งเท็จ จำเลยย่อมไม่มีผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมหนังสือจากการแก้ไขสมุดลงเวลามาทำงานโดยจงใจ
ข้าราชการขีดฆ่าข้อความที่พนักงานเจ้าหน้าที่เขียนและหมายเหตุไว้ตามหน้าที่ในสมุดลงเวลามาทำงาน แล้วตกเติมข้อความใหม่เปลี่ยนความหมายแห่งถ้อยคำให้เป็นอย่างอื่นโดยจงใจเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงในสมุดนั้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าความจริงเป็นดังที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นความผิดฐานปลอมหนังสือตามมาตรา 224
โจทก์ฟ้องขอให้ลงจำเลยตามมาตรา 230 แต่ความผิดของจำเลยต้องด้วยมาตรา 224 ซึ่งเป็นบทมีอัตราโทษเบากว่าศาลย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 224 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7362/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดงานโดยจงใจเลือกปฏิบัติขัดขวางสหภาพแรงงาน มิใช่การปิดงานตามกฎหมาย
แม้ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 5 และมาตรา 22 วรรคสาม ไม่มีข้อความตอนใดอันมีลักษณะเป็นการจำกัดสิทธิของนายจ้างว่า เมื่อมีข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้แล้ว นายจ้างจะต้องใช้สิทธิปิดงานทั้งหมด นายจ้างย่อมมีสิทธิปิดงานบางส่วนเฉพาะลูกจ้างที่มีข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ แต่สำหรับคดีนี้การที่โจทก์ปิดงานเฉพาะลูกจ้าง 5 คน ซึ่งเป็นกรรมการสหภาพแรงงาน บ. และผู้แทนการเจรจาฝ่ายลูกจ้าง โดยอ้างว่าโจทก์ไม่สามารถทราบได้ว่าลูกจ้างโจทก์คนใดบ้างที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน บ. หรือเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องหรือข้อพิพาทแรงงานนั้น เมื่อข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้เกิดจากการแจ้งข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงาน บ. ซึ่งแจ้งข้อเรียกร้อง โดยสหภาพแรงงาน บ. มีสมาชิกประมาณ 125 คน จากลูกจ้างของจำเลยทั้งหมดประมาณ 200 คน ซึ่งเกินกว่าหนึ่งในห้าของลูกจ้างทั้งหมด การที่จะตรวจสอบเพื่อให้ทราบว่าลูกจ้างของจำเลยคนใดเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน บ. ที่ถือว่าเป็นผู้ร่วมแจ้งข้อเรียกร้องด้วยนั้น โจทก์สามารถกระทำได้โดยยื่นคำร้องเป็นหนังสือให้พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานตรวจรับรองลูกจ้างซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน บ. ได้ตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 15 วรรคสาม โจทก์จึงมีหนทางที่จะทราบว่าลูกจ้างคนใดที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน บ. ได้ แต่โจทก์ก็หาได้ขวนขวายที่จะตรวจสอบไม่ และการที่โจทก์อ้างว่าเหตุที่โจทก์ปิดงานเฉพาะผู้แทนการเจรจาของสหภาพแรงงาน บ. เนื่องจากไม่ทราบว่าลูกจ้างคนใดเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานดังกล่าวนั้น ก็ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในการเจรจาสหภาพแรงงาน บ. ส่งผู้แทนการเจรจาฝ่ายลูกจ้างรวม 7 คน แต่โจทก์กลับเลือกปิดงานเฉพาะกับลูกจ้าง 5 คน ซึ่งเป็นกรรมการสหภาพแรงงาน บ. แสดงว่าโจทก์มิได้มีเจตนาปิดงาน เนื่องจากข้อพิพาทแรงงานอันถือเป็นการปิดงานตามนิยามคำว่า "การปิดงาน" ตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 แต่เป็นการจงใจเลือกปฏิบัติใช้การปิดงานโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ลูกจ้างทั้ง 5 คน ได้รับความเสียหาย ไม่สามารถทนทำงานอยู่ต่อไปได้เพราะเหตุที่สหภาพแรงงาน บ. ได้ยื่นข้อเรียกร้องและเป็นการขัดขวางการดำเนินการของสหภาพแรงงานตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 121 (1) และ (4) การกระทำของโจทก์จึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม
of 10