คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จับกุม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 327 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมและการพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืน โดยพิจารณาจากพฤติการณ์และพยานหลักฐานที่ไม่สอดคล้องกัน
การที่จำเลยถูกจับกุมโดยไม่ทันรู้ตัว หากจำเลยเป็นเจ้าของอาวุธปืนสั้นจริง จำเลยน่าจะพกติดตัวไว้หรือเหวี่ยงอาวุธปืนสั้นทิ้งเมื่อจวนตัว จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่จำเลยจะต้องนั่งทับอาวุธปืนสั้นไว้ดังที่โจทก์นำสืบ นอกจากนี้จำเลยก็มีอาวุธปืนลูกซองยาวชนิดกึ่งอัตโนมัติบรรจุ 5 นัด ซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงไว้ป้องกันตัวอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีอาวุธปืนสั้นอีก และถ้าจำเลยถูกจับพร้อมอาวุธปืนสั้นจริงจำเลยน่าจะรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานของกลางเช่นเดียวกับอาวุธปืนยาว แต่จำเลยกลับให้การปฏิเสธตั้งแต่ในชั้นจับกุมตลอดมาจนชั้นสอบสวน พยานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักมั่นคงที่จะฟังว่าสินตำรวจตรี ป.กับพวกได้จับกุมจำเลยพร้อมกับอาวุธปืนสั้นซึ่งบรรจุกระสุน 3 นัด รูปคดีมีเหตุสงสัยตามสมควร ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสองจำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนสั้นโดยมีได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนสั้นโดยไม่มีใบอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาประชดบิดา ซื้อเฮโรอีนมอบตำรวจเพื่อถูกจับกุม ไม่ถือเป็นความผิดฐานครอบครองยาเสพติด
จำเลยต้องการประชดบิดาจึงได้ซื้อเฮโรอีนมาแล้วนำไปมอบให้เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้จับกุมจำเลย เป็นกรณีจำเลยเจตนาที่จะให้เจ้าพนักงานตำรวจได้เห็นว่าตนมีเฮโรอีนจะได้จับกุมเท่านั้น มิใช่เจตนาที่จะยึดถือเฮโรอีนของกลางไว้ในความครอบครองแต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมความผิดซึ่งหน้าในสถานที่สาธารณะ: ขอบเขตอำนาจและการไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
โจทก์ใช้ห้องพักในบ้านเกิดเหตุเป็นที่สำหรับให้หญิงค้าประเวณีกับบุคคลทั่วไป คืนเกิดเหตุนางสาวน.ลูกจ้างของโจทก์ได้ทำการค้าประเวณีในห้องพักนั้นด้วยห้องพักดังกล่าวถือได้ว่าเป็นที่สาธารณสถาน จำเลยที่ 2 ที่ 3 เข้าไปในห้องพักดังกล่าวพบนางสาวน.อยู่กับ ส.เพียงสองต่อสองและส.บอกว่าได้ร่วมประเวณีกับนางสาวน.แล้ว เป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้พบนางสาวน.ในลักษณะซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่านางสาวน.เพิ่งได้กระทำความผิดฐานค้าประเวณีมาแล้ว อันถือได้ว่าเป็นความผิดซึ่งหน้าตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 80 จำเลยที่ 2ที่ 3 จึงมีอำนาจเข้าไปจับกุมนางสาวน.ได้โดยไม่จำต้องมีหมายค้นและหมายจับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3266/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมผู้ต้องสงสัยค้าไม้หวงห้าม: พฤติการณ์หลีกเลี่ยงกฎหมายเป็นเหตุสมควรในการจับกุม
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานป่าไม้มีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พฤติการณ์แห่งคดีปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้นำสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้สักผ่านด่านอยู่เป็นประจำแทบทุกวันเป็นเวลานาน โดยนำผ่านด่านเพียงครั้ง 1 ชิ้น กรณีเช่นนี้ย่อมเห็นเจตนาของโจทก์โดยชัดแจ้งว่าเป็นการหลีกเลี่ยง กฎหมาย การกระทำของโจทก์เป็นเหตุผลให้จำเลยเชื่อว่าโจทก์น่าจะ เป็นผู้ค้าสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต การที่จำเลยจับโจทก์ด้วยเหตุผลจากพฤติการณ์ของโจทก์เองจึงเป็น การกระทำตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย มิใช่จงใจแกล้งจับโจทก์ หรือประมาทเลินเล่อแต่อย่างใด จึงมิใช่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2608/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้การต่อสู้ขัดขวางไม่มีความผิด
เจ้าพนักงานตำรวจไม่ได้แต่งเครื่องแบบและไม่ได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมกลุ่มเด็กวัยรุ่นโดยไม่แจ้งข้อหาแก่เด็กวัยรุ่นคนใดว่าเป็นผู้ดูหมิ่นตนและจะต้องถูกจับ กลับสั่งให้คนขับรถที่เด็กวัยรุ่นโดยสารมาขับรถไปสถานีตำรวจ จึงถือไม่ได้ว่ามีการจับกุมในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานโดยชอบ ผู้ต่อสู้ขัดขวางมิให้จับกุมไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2608/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: การที่เจ้าพนักงานไม่ได้แสดงตนและแจ้งข้อหา ทำให้การจับกุมไม่ชอบธรรม
ขณะที่ ส.ต.ต. บ. กับ ส.ต.ท. บ. จะเข้าจับกุมกลุ่มเด็กวัยรุ่นพวกของจำเลยนั้น บุคคลทั้งสองไม่ได้แต่งเครื่องแบบตำรวจและไม่ได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งจะปฏิบัติตามหน้าที่ทั้งไม่ได้แจ้งข้อหาแก่เด็กวัยรุ่นคนใดว่าเป็นผู้ดูหมิ่นตนและจะต้องถูกจับ จึงถือไม่ได้ว่ามีการจับกุมในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานโดยชอบ ฉะนั้น แม้หากจำเลยจะต่อสู้ขัดขวางมิให้ ส.ต.ต. บ.กับ ส.ต.ท. บ. เข้าจับกุมพวกของจำเลย ก็ไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6424/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน: การจับกุมต้องเป็นไปตามกฎหมายและไม่มีการควบคุมตัวโดยมิชอบ
ในวันเกิดเหตุ จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายกับพวกไปสถานีตำรวจเพื่อเจรจากับตัวแทนของ จ.ในคดีที่ จ. ร้องทุกข์ว่าผู้เสียหายฉ้อโกง และทำบันทึกการจับกุมไว้ แต่จำเลยยังมิได้จับกุมผู้เสียหายส่งต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเพราะตัวแทนของ จ. มิได้ขอให้จับกุมเพียงแต่ขอให้จำเลยช่วยทวงเงินคืนจากผู้เสียหายเท่านั้นหลังจากนั้นได้พากันไปเจรจากันต่อที่ห้องพักของจำเลยที่แฟลตเจ้าพนักงานตำรวจ และผู้เสียหายได้ค้างคืนที่ห้องพักของจำเลยโดยสมัครใจ มิได้ถูกควบคุมตัว จึงถือไม่ได้ว่ามีการจับกุมผู้เสียหายในวันดังกล่าว แม้จะมีการทำบันทึกการจับกุมไว้แล้ว แต่เมื่อยังมิได้มีการจับกุมผู้เสียหายตามบันทึกการจับกุมนั้น การที่จำเลยมิได้ส่งตัวผู้เสียหายต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีในวันดังกล่าว แต่เพิ่งจะจับกุมผู้เสียหายในภายหลังเมื่อคดีตกลงกันไม่ได้จึงได้มีการแก้ไขวันที่จับกุมผู้เสียหายให้ถูกต้องตามความเป็นจริง จึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าจ้างลูกจ้างรายวัน กรณีไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากถูกจับกุมจากการแจ้งความของนายจ้าง
โจทก์เป็นลูกจ้างรายวันของจำเลยจะได้รับค่าจ้างซึ่งเป็นเงินที่จำเลยจ่ายให้เป็นการตอบแทนการทำงานเป็นรายวันเฉพาะในวันที่จำเลยมาทำงานให้แก่โจทก์เท่านั้น หากวันใดโจทก์ไม่มาทำงานก็จะไม่ได้รับค่าจ้าง โจทก์ไม่ได้มาทำงานให้แก่จำเลยเนื่องจากถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและควบคุมตัวไว้สอบสวนจนถึงวันที่จำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ แม้จำเลยจะเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยและโจทก์ถูกเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวไว้ โจทก์จึงมาทำงานให้แก่จำเลยไม่ได้ ก็ไม่ใช่เป็นเหตุที่จำเลยจะต้องจ่ายค่าจ้างระหว่างนั้นให้แก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งข้อหาบริษัทและการไม่มีสิทธิได้รับรางวัลเนื่องจากไม่มีการจับกุมจริง
กรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไม่มีการจับกุมนิติบุคคลนั้น เพราะนิติบุคคลไม่อยู่ในสภาพที่จะให้จับกุมได้ คงให้ใช้วิธีออกหมายเรียกผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลมาเพื่อสอบสวนหรือพิจารณาแล้วแต่กรณี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 7 การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้จัดการบริษัทจำเลยให้ไปพบ แล้วแจ้งข้อหาว่าบริษัทจำเลยกระทำความผิดนั้น ไม่เป็นการจับกุม ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับรางวัลตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 7, 8

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งข้อหาผู้จัดการนิติบุคคล ไม่ถือเป็นการจับกุม จึงไม่มีสิทธิได้รับรางวัลตาม พ.ร.บ.บำเหน็จปราบปราม
โจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดต่อ พ.ร.บ. ศุลกากรฯ คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดให้ปรับจำเลยและให้จ่ายรางวัลร้อยละ 20 ของเงินค่าปรับแก่เจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุม ดังนี้กรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยต้องดำเนินการตาม ป.วิ.อ.มาตรา 7 ซึ่งกำหนดให้ออกหมายเรียกผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆของนิติบุคคลนั้น ให้ไปยังพนักงานสอบสวนหรือศาลแล้วแต่กรณีถ้า ผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกจะออกหมายจับมาก็ได้ แต่จะขังหรือปล่อยชั่วคราว ผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นไม่ได้ เพราะนิติบุคคลไม่อยู่ในสภาพที่จะให้จับกุมได้ คงให้ใช้วิธีออกหมายเรียกผู้จัดการ หรือผู้แทนของนิติบุคคลมาเพื่อการสอบสวนหรือพิจารณาแล้วแต่กรณีการที่ผู้ร้องที่ 1 ออกหมายเรียกกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยมาแล้วแจ้งข้อหาว่าบริษัทจำเลยกระทำความผิด จึงไม่เป็นการจับกุมและผู้ร้องที่ 1 มิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมจำเลย ผู้ร้องที่ 1 จึงไม่มีสิทธิได้รับรางวัลตาม พ.ร.บ.ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิดฯ มาตรา 7 และ 8.
of 33