พบผลลัพธ์ทั้งหมด 309 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดอาญา: จำเลยไม่สมคบคิดและไม่ได้ช่วยเหลือขณะกระทำผิด จึงไม่เป็นผู้สนับสนุน
ผู้เสียหายและนาย ม. ชกต่อยกอดปล้ำกันได้ประมาณ 3 นาทีจำเลยจึงขับรถจักรยานยนต์มาที่เกิดเหตุ โดยมีนาย จ. นั่งซ้อนท้ายมาด้วย นางสาวส.เรียกให้นาย จ. ช่วยห้ามและให้เอาตัวนายม.ไป นาย จ. เข้ารวบตัวผู้เสียหาย นายม.ชกต่อยผู้เสียหายอีก 2-3 ครั้ง แล้วขึ้นรถจักรยานยนต์ของจำเลยหลบหนีไป การที่จำเลยนั่งดูอยู่บนรถจักรยานยนต์มิได้เข้าไปเกี่ยวข้อง และที่นายจ.เข้าไปเกี่ยวข้องเนื่องจากนางสาวส.เรียกให้ช่วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้สมคบกับนาย ม.หรือ นายจ.เพื่อทำร้ายผู้เสียหายมาก่อนและการพานาย ม.ออกไปจากที่เกิดเหตุหลังจากเลิกชกต่อยกันแล้วจะถือว่าจำเลยช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นาย ม.ก่อนหรือขณะกระทำผิดหาได้ไม่ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาจากการขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และประเด็นการหลบหนีไม่ช่วยเหลือ
จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บ จำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมายังที่เกิดเหตุทราบว่าจำเลยเป็นคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุ และมีผู้อื่นนำส่งผู้บาดเจ็บไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว แม้ต่อมาจำเลยหลบหนีไปก็จะถือว่าจำเลยไม่ได้ให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ตายและผู้บาดเจ็บกับไม่ได้แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันทีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดชอบของผู้ขับรถประมาท การหลบหนี และการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บ จำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมายังที่เกิดเหตุทราบว่าจำเลยเป็นคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุ และมีผู้อื่นนำส่งผู้บาดเจ็บไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว แม้ต่อมาจำเลยหลบหนีไป รูปคดีก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยไม่ได้ให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ตายและผู้บาดเจ็บ ทั้งไม่ได้แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่า: ดูต้นทาง-ช่วยเหลือคนร้ายหลบหนีถือเป็นการแบ่งหน้าที่
จำเลยยืนอยู่ที่ปากซอยเกิดเหตุก่อนและขณะที่คนร้ายลงมือกระทำการพยายามฆ่าผู้เสียหาย เมื่อคนร้ายกระทำความผิดแล้ว และกำลังหลบหนีออกมาทางปากซอย ได้ถูกชาวบ้านช่วยกันจับกุม จำเลยเข้าชกชาวบ้านที่จับกุมคนร้าย เป็นเหตุให้คนร้ายหลบหนีไปได้ ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นการดูต้นทางก่อนกระทำความผิดและช่วยเหลือพวกของจำเลยให้หลุดพ้นจากการกระทำความผิดอันเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำถือได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานร่วมกับพวกพยายามฆ่าผู้เสียหายแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2581/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมหลอกลวงพาผู้อื่นไปค้าประเวณี โดยมีเจตนาช่วยเหลือและนัดหมายล่วงหน้า
จำเลยพาผู้เสียหายและนางสาวพ. ขึ้นรถจากอำเภอก. ไปลงที่สี่แยกอำเภอน.พบผู้หญิงคนหนึ่งรออยู่ จำเลยลงจากรถไปพบพูดกับผู้หญิงนั้นถึงครึ่งชั่วโมง โดยผู้เสียหายไม่รู้ถึง เรื่องที่พูดจากัน แล้วจำเลยให้ผู้เสียหายและนางสาวพ. ไปกับผู้หญิงนั้น ผู้หญิงคนนั้นพาผู้เสียหายและนางสาวพ. ตระเวนไปตามแหล่งที่มีผู้หญิงค้าประเวณีและพาไปที่ ซ่องโสเภณี ดังนี้ พฤติการณ์เห็นได้ว่าผู้หญิงคนนั้นมิใช่เจตนาพาไปหางานที่สุจริต แต่เป็นการพาไปเพื่อให้ผู้เสียหายค้าประเวณีอันอยู่ในความหมายของคำว่าพาไปเพื่อการอนาจาร และจำเลยกับผู้หญิงนั้นได้นัดหมายกันไว้ล่วงหน้าแล้ว และหากจำเลยมีเจตนาพาผู้เสียหายไปทำงานสุจริต ก็น่าจะพูดจากับผู้หญิงที่มารับตัวต่อหน้าผู้เสียหายให้ได้รับรู้ด้วย พฤติการณ์ของจำเลยที่ได้นัดหมายกับผู้หญิงคนนั้นให้มารับตัวผู้เสียหาย และได้มีการพูดจากันเป็นส่วนตัวก่อนที่จะพาผู้เสียหายไปเช่นนี้เป็นข้อบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยย่อมรู้แล้วว่า ผู้หญิงคนนั้นจะพาผู้เสียหายไปเพื่อการใดถือได้ว่าจำเลยมีส่วนร่วมในการหลอกลวงผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร อันเป็นตัวการในการกระทำผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาจากความประมาทเลินเล่อที่ไม่ช่วยเหลือบุตรที่คลอดก่อนกำหนดและถูกโยนลงจากที่สูง
จำเลยที่ 2 สำคัญผิดว่าบุตรแรกเกิดของตนถึงแก่ความตายแล้วจึงโยนลงมาจากหน้าต่างโรงแรม แม้โจทก์จะไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ร่วมลงมือกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2 แต่การที่ จำเลยที่ 1 อยู่ร่วมห้องเดียวกับจำเลยที่ 2 ตามลำพัง ในขณะที่จำเลยที่ 2 คลอดบุตร จำเลยที่ 2 ย่อมต้องมีความเจ็บปวด ซึ่งจะต้องเรียกให้จำเลยที่ 1 ช่วยเหลือตน ตามพฤติการณ์จึงมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รู้เห็นในการคลอดบุตรของจำเลยที่ 2 แม้จะเป็นการคลอดก่อนกำหนดประมาณ 2 เดือนเศษก็หาใช่ว่าเด็กทารกจะไม่มีชีวิต รอดอยู่เสมอไปไม่ จำเลยที่ 1 ในฐานะบิดาย่อมมีหน้าที่ต้องเอาใจใส่ดูแล บุตรด้วยการใช้ความระมัดระวังตรวจดู ให้ถ้วนถี่เสียก่อนว่าบุตรที่เกิดมายังมีชีวิต รอดอยู่หรือไม่ มิใช่ปล่อยให้จำเลยที่ 2 โยนบุตรทิ้งไปโดยมิได้ห้ามปรามทั้ง ๆ ที่ จำเลยที่ 1สามารถใช้ความระมัดระวังในกรณีเช่นนี้ได้ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายตาม ป.อ. มาตรา 390.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5249/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรส: บ้านสร้างบนที่ดินส่วนตัว แม้มีส่วนช่วยเหลือจากสามี ไม่เป็นสินสมรส
จำเลยที่ 1 ปลูกสร้างบ้านพิพาทบนที่ดินส่วนตัวของตน แม้สามีจะช่วยออกเงินในการปลูกสร้างด้วยถึงหนึ่งในสาม แต่ตามพฤติการณ์เป็นการช่วยเหลือกันฉันสามีภริยา หาใช่เป็นการร่วมลงทุนปลูกบ้านพิพาทด้วยไม่ ดังนี้บ้านพิพาทจึงเป็นส่วนควบของที่ดินและเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 ปลูกสร้างบ้านพิพาทในระหว่างสมรสจึงไม่ทำให้บ้านพิพาทเป็นสินสมรสอันจะเป็นทรัพย์มรดกของสามีครึ่งหนึ่งด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5087/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการลักทรัพย์: ภรรยาชักชวนมารดาผู้เสียหาย หน่วงเวลาเอื้อประโยชน์สามี
จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 ในวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองไปซักผ้าที่บ่อน้ำหน้าบ้านของโจทก์ร่วมด้วยกัน แต่จำเลยที่ 1แยกตัวไปก่อน แล้วจำเลยที่ 2 ได้เข้าไปชวน ส. มารดาของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่เฝ้าบ้านให้ออกไปเก็บใบพลู ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ให้เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของโจทก์ร่วมได้โดยสะดวกและหลังจากมีเสียงสุนัขเห่าซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมแล้ว ส. จะกลับ จำเลยที่ 2 ก็ได้ชวนคุยต่ออันถือได้ว่าเป็นการหน่วงเวลาไว้เพื่อให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ซึ่งกำลังเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านโจทก์ร่วมกระทำผิดได้ต่อไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ทั้งก่อนและขณะเข้าไปลักทรัพย์ของโจทก์ร่วม อันเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5087/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการลักทรัพย์: ภรรยาชวนแม่เหยื่อออกไปจากบ้าน เพื่อให้สามีลักทรัพย์ได้สะดวก
จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 ในวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองไปซักผ้าที่บ่อน้ำหน้าบ้านของโจทก์ร่วมด้วยกัน แต่จำเลยที่ 1แยกตัวไปก่อน แล้วจำเลยที่ 2 ได้เข้าไปชวน ส. มารดาของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่เฝ้าบ้านให้ออกไปเก็บใบพลู ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ให้เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของโจทก์ร่วมได้โดยสะดวกและหลังจากมีเสียงสุนัขเห่าซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมแล้ว ส. จะกลับ จำเลยที่ 2 ก็ได้ชวนคุยต่ออันถือได้ว่าเป็นการหน่วงเวลาไว้เพื่อให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ซึ่งกำลังเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านโจทก์ร่วมกระทำผิดได้ต่อไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ทั้งก่อนและขณะเข้าไปลักทรัพย์ของโจทก์ร่วม อันเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะในการช่วยเหลือการกระทำความผิด ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง
จำเลยที่ 2 เพียงแต่ ใช้ รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นพาหนะไปส่งจำเลยที่ 1 เพื่อลักทรัพย์ของผู้เสียหายเท่านั้น หาได้ ใช้พาหนะดังกล่าวในการลักทรัพย์โดยตรงไม่ รถจักรยานยนต์ของกลางนั้นจึงถือ ว่าเป็นทรัพย์สินที่ใช้ ในการกระทำผิดอันจะพึงริบยังไม่ได้.