คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกาไม่รับ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 116 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191-1192/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องด้วยเหตุผลเดียวกัน แม้ข้อเท็จจริงเบื้องต้นต่างกัน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ฟังความเบื้องต้นต่างกัน แต่ในที่สุดศาลเดิมและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยอาศัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่ได้กระทำผิดดังข้อที่โจทก์กล่าวหา ดังนี้ โจทก์จะฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากพิพากษาปรับและฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฎีกาขอให้ริบของกลาง อ้างเหตุว่า เพราะเป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับเล่นการพนัน ดังนี้ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาปรับจำเลยคนละ 50 บาท โจทก์จะฎีกาต่อไปไม่ได้ เพราะต้องด้วยข้อห้ามตามมาตรา 220 แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(อ้างฎีกาที่ 824/2490)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาที่ศาลยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงต่างจากฟ้อง ทำให้ฎีกาไม่รับ เพราะเป็นการพิพากษาโดยอาศัยข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยถือว่าทางพิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง ก็คือถือว่า ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยทำผิดตามฟ้องนั่นเอง เป็นการพิพากษาโดยอาศัยข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดดังข้อหา ดังนี้ คดีโจทก์ต้องห้ามฎีกาต่อไป ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อ แม้จะอ้างว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน
ฎีกาต้องระบุข้อเท็จจริงโดยย่อ ถ้ากล่าวแต่เพียงว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน ขอยื่นฎีกาสืบไปดังที่ได้บรรยายคัดค้านไว้ในฟ้องอุทธรณ์ เพียงเท่านี้ถือว่ามิได้ระบุข้อเท็จจริงแม้แต่โดยย่อ รับเป็นฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จต้องฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐาน ศาลฎีกาไม่รับฎีกาเรื่องข้อเท็จจริง
ปัญหาว่าจำเลยได้แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานโดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จหรือไม่ ซึ่งจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามพะยานหลักฐานนั้น ไม่เป็นปัญหาข้อกฏหมาย. การวินิจฉัยปัญหาข้อกฏหมายศาลฎีกาจะต้องฟัง
ข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพะยานหลักฐานในสำนวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2474

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษทางอาญาและการใช้ดุลยพินิจของศาล ศาลฎีกาไม่รับฎีกาเนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษเล็กน้อยและไม่เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
ควรลดโทษให้ จำเลยตาม ม.59 หรือไม่นั้นอยู่ในดุลยพินิจของศาล
ศาลเดิมวางบท ม.228-229 จำคุกจำเลย 3 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้วางบท ม.121 จำคุกจำเลย 2 ปีดังนี้ เรียกว่าศษลอุทธรณ์ตัดสินแก้ไขเล็กน้อย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับ เพราะโจทก์อุทธรณ์ข้อเท็จจริง เกินกรอบ พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์
ศาลเดิมวาง ม.251-55-53 จำคุก 4 ปี ศาลอุทธรณ์แก้วาง ม.251 แล 55 เท่านั้นจำคุก 4 ปี 8 เดือน โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดุลยพินิจศาลในการลดโทษตามมาตรา 59: กรณีฎีกาไม่รับ
การลดฐานปราณีย์ตามมาตรา 59 อยู่ในดุลยพินิจของศาล ไม่เปนข้อกฎหมาย ฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากโจทก์มิได้โต้แย้งการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อย่างชัดเจน และประเด็นข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว
ในฎีกา โจทก์จะต้องโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยไม่ชอบด้วยเหตุผลหรือไม่ถูกต้องอย่างไร หากโจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นข้อใดแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ โจทก์จะต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ข้อใดและเป็นการไม่ชอบอย่างไร เมื่อโจทก์มิได้ฎีกาดังกล่าว จึงถือว่าเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10129/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากข้อจำกัดการฎีกาในคดีเยาวชนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 และ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288, 371 ประกอบมาตรา 83 เรียงกระทงลงโทษ ตาม ป.อ. มาตรา 91 รวมจำคุก 3 ปี 9 เดือน และปรับ 25 บาท เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 5 จังหวัดอุบลราชธานี มีกำหนดขั้นต่ำ 1 ปี 6 เดือน ขั้นสูง 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 391 จำคุก 7 วัน โทษจำคุกให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี และกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยไว้ 1 ปี ยกฟ้องข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น และร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยเปิดเผยและโดยไม่มีเหตุสมควร ซึ่งเป็นการแก้ทั้งบทลงโทษและกำหนดโทษอันเป็นการแก้ไขมาก แต่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี จึงต้องห้ามไม่ให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 การที่โจทก์ฎีกาว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบคำรับสารภาพรับฟังได้ว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายและร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยและโดยไม่มีเหตุสมควรอันเป็นความผิดตามฟ้อง เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 3 อันเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 ประกอบ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6
of 12