พบผลลัพธ์ทั้งหมด 220 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่จำเลยในการชำระค่าธรรมเนียมศาล แม้ทนายอ้างติดต่อไม่ได้
ทนายจำเลยลงนามทราบคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นภายใน 10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งต้องถือว่าตัวจำเลยทราบคำสั่งและต้องนำเงินมาชำระค่าฤชาธรรมเนียมภายในกำหนด แม้จะฟังตามที่ทนายจำเลยอ้างว่าจำเลยไปต่างจังหวัด ไม่อาจติดต่อได้ ก็มิใช่พฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุสุดวิสัยที่สมควรอันจะขยายระยะเวลาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 23.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจให้ทนายรับเงินแทนเจ้าหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
ปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยได้ชำระเงินงวดแรกให้แก่โจทก์ต่อหน้าศาลในวันทำสัญญา เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายโจทก์รับเงินงวดแรกแทนโจทก์ด้วยและการรับเงินในกรณีเช่นนี้กฎหมายมิได้บังคับว่าจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ทั้งมิใช่การรับเงินจากศาลอันจะต้องทำเป็นหนีงสือ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 63 การที่จำเลยชำระเงินงวดแรกให้แก่ทนายโจทก์ต่อหน้าศาลจึงผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจทนายรับเงินแทนเจ้าหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ถือเป็นการผูกพันเจ้าหนี้
ปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยได้ชำระเงินงวดแรกให้แก่โจทก์ต่อหน้าศาลในวันทำสัญญา เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายโจทก์รับเงินงวดแรกแทนโจทก์ด้วยและการรับเงินในกรณีเช่นนี้กฎหมายมิได้บังคับว่าจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ทั้งมิใช่การรับเงินจากศาลอันจะต้องทำเป็นหนีงสือ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 63การที่จำเลยชำระเงินงวดแรกให้แก่ทนายโจทก์ต่อหน้าศาลจึงผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2187/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความขัดเจตนา-ฉ้อฉล: ความรับผิดชอบของทนาย ไม่ใช่จำเลย
โจทก์ฎีกาว่า วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม โจทก์ไม่ได้มาศาล ทนายโจทก์กับจำเลยคบคิดกันฉ้อฉลทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ยกที่ดินพร้อมบ้านซึ่งเป็นสินส่วนตัวของโจทก์ให้แก่ จ. อันเป็นการขัดกับเจตนาแท้จริงของโจทก์ ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวไม่ปรากฏว่าฝ่ายจำเลยได้ฉ้อฉลโจทก์อย่างไร ส่วนข้อกล่าวอ้างของโจทก์ที่ว่า ทนายโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยไม่ตรงตามเจตนาอันแท้จริงของโจทก์นั้น แม้จะฟังว่าเป็นความจริงก็เป็นความผิดของทนายโจทก์เอง หาใช่เป็นการฉ้อฉลของฝ่ายจำเลยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2187/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความและการฉ้อฉล: ความรับผิดชอบของทนาย
โจทก์ฎีกาว่า วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม โจทก์ไม่ได้มาศาล ทนายโจทก์กับจำเลยคบคิดกันฉ้อฉลทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ยกที่ดินพร้อมบ้านซึ่งเป็นสินส่วนตัวของโจทก์ให้แก่ จ. อันเป็นการขัดกับเจตนาแท้จริงของโจทก์ ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวไม่ปรากฏว่าฝ่ายจำเลยได้ฉ้อฉลโจทก์อย่างไร ส่วนข้อกล่าวอ้างของโจทก์ที่ว่า ทนายโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยไม่ตรงตามเจตนาอันแท้จริงของโจทก์นั้น แม้จะฟังว่าเป็นความจริงก็เป็นความผิดของทนายโจทก์เอง หาใช่เป็นการฉ้อฉลของฝ่ายจำเลยไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1887/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของทนายต่อการรับทราบวันนัดของตัวแทนที่ได้รับมอบฉันทะ แม้จะเกิดความผิดพลาด
เมื่อศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลย ย.ซึ่งเป็นผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยให้เป็นผู้ยื่นคำร้อง คำแถลง และรับทราบวันนัดพิจารณาคดีได้ลงชื่อรับทราบวันนัดพิจารณาของศาลแล้ว แม้ทนายจำเลยจะได้รับทราบวันนัดสืบพยานจำเลยจาก ย.ผิดพลาดไปโดยมิได้จงใจหรือประวิงคดีให้ล่าช้าก็ดี แต่ก็เป็นความบกพร่องไม่สนใจและความไม่เอาใจใส่ของ ย. ผู้รับมอบฉันทะ ซึ่งทนายจำเลยต้องยอมรับผิดด้วย จึงไม่เป็นเหตุที่ทนายจำเลยจะยกขึ้นเป็นข้ออ้างขอให้พิจารณาคดีจำเลยใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4747/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์ต้องมีพฤติการณ์พิเศษ การอ้างทนายเพิ่งได้รับมอบอำนาจไม่อาจใช้ขยายเวลาได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำสั่งอ้างว่า ในวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ ทนายโจทก์เพิ่งได้รับแต่งตั้งจากโจทก์ให้อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์แต่ทนายโจทก์ยังไม่ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้ เมื่อการยื่นอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นเพียงคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องในกรณีที่โจทก์ขอให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่ ยังมิได้เป็นการวินิจฉัยถึงเนื้อหาของคดี รูปคดีจึงมิได้มีความสลับซับซ้อนเป็นพิเศษ ถึงกับจะเป็นเหตุให้ทนายโจทก์ศึกษารายละเอียดและข้อเท็จจริงไม่ทัน ทนายโจทก์ก็ยอมรับมาในฎีกาว่าระยะเวลาที่จะทำอุทธรณ์เหลือเวลาอีกไม่ถึง 7 วัน แสดงว่าก่อนครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ทนายโจทก์ยังมีเวลาเพียงพอที่จะดำเนินการได้ ข้ออ้างของโจทก์ตามคำร้องยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4747/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์: เหตุผล 'ทนายเพิ่งได้รับมอบอำนาจ' ไม่ถือเป็นพฤติการณ์พิเศษ
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำสั่งอ้างว่า ในวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ ทนายโจทก์เพิ่งได้รับแต่งตั้งจากโจทก์ ให้อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์แต่ทนายโจทก์ยังไม่ทราบรายละเอียด และข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้เมื่อการยื่นอุทธรณ์ดังกล่าว เป็นเพียงคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องในกรณีที่โจทก์ขอให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่ ยังมิได้เป็นการวินิจฉัยถึงเนื้อหาของคดี รูปคดีจึงมิได้มีความสลับซับซ้อนเป็นพิเศษถึงกับจะเป็นเหตุให้ ทนายโจทก์ศึกษารายละเอียดและข้อเท็จจริงไม่ทัน ทนายโจทก์ ก็ยอมรับมาในฎีกาว่าระยะเวลาที่จะทำอุทธรณ์เหลือเวลาอีก ไม่ถึง 7 วัน แสดงว่าก่อนครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ทนายโจทก์ยังมีเวลาเพียงพอ ที่จะดำเนินการได้ ข้ออ้างของโจทก์ ตามคำร้องยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะขยาย ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4747/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์ต้องมีพฤติการณ์พิเศษ การอ้างทนายเพิ่งได้รับมอบหมายและเวลาไม่พอไม่ถือเป็นเหตุพิเศษ
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำสั่งอ้างว่าในวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ทนายโจทก์เพิ่งได้รับแต่งตั้งจากโจทก์ให้อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์แต่ทนายโจทก์ยังไม่ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้เมื่อการยื่นอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นเพียงคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องในกรณีที่โจทก์ขอให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่ยังมิได้เป็นการวินิจฉัยถึงเนื้อหาของคดีรูปคดีจึงมิได้มีความสลับซับซ้อนเป็นพิเศษถึงกับจะเป็นเหตุให้ทนายโจทก์ศึกษารายละเอียดและข้อเท็จจริงไม่ทันทนายโจทก์ก็ยอมรับมาในฎีกาว่าระยะเวลาที่จะทำอุทธรณ์เหลือเวลาอีกไม่ถึง7วันแสดงว่าก่อนครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ทนายโจทก์ยังมีเวลาเพียงพอที่จะดำเนินการได้ข้ออ้างของโจทก์ตามคำร้องยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4656/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัตราโทษจำคุกไม่ถึงสิบปี ศาลไม่ต้องสอบถามจำเลยเรื่องทนายก่อนพิจารณาคดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิด 2 กรรมตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย ตามมาตรา 7 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 72 วรรคสาม จำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี กับฐานพาอาวุธปืนไปตามมาตรา 8 ทวิ วรรคสอง ซึ่งมีโทษตามมาตรา 72 ทวิ วรรคสอง จำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปีนั้น ความผิดที่โจทก์ฟ้องมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่ถึงสิบปี แม้คำขอท้ายฟ้อง ของโจทก์ไม่ระบุว่าวรรคใด ก็ต้องถือเอาคำขอที่สอดคล้องกับคำบรรยายฟ้อง เป็นสำคัญ กรณีเช่นนี้ศาลไม่ต้องสอบถามจำเลยในเรื่องทนายก่อนเริ่มพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้
ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษไว้ แต่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ เพื่อให้การพิจารณาคดี เป็นไปตามลำดับชั้นศาล ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวได้
ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษไว้ แต่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ เพื่อให้การพิจารณาคดี เป็นไปตามลำดับชั้นศาล ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวได้