คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848-850/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าร่วมทุนเพื่อแบ่งผลกำไร ไม่เข้าข่ายยักยอกทรัพย์ แม้จะไม่ได้คืนเงิน
จำเลยชักชวนผู้เสียหายให้นำเงินมาให้จำเลยนำไปเป็นทุนซื้อข้าวสารมากักตุนไว้ขายให้ตำรวจ และให้ตำรวจกู้และจะแบ่งผลกำไรและดอกเบี้ยให้ ผู้เสียหายตกลงด้วย จึงมอบเงินให้ไป ดังนี้ เป็นเรื่องการเข้ารวมทุนกันให้จำเลยจัดการหาผลประโยชน์เสมือนหนึ่งเป็นเงินของจำเลยเองกรณีไม่เรียกว่าจำเลยรับมอบครอบครองทรัพย์ผู้เสียหายไว้ อันจะเข้าเกณฑ์เป็นความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานยักยอกเงินของข้าราชการ: พิจารณาบทมาตรา 147, 151, และ 157
จำเลยเป็นเสมียนตราจังหวัดมีหน้าที่รับจ่ายและเก็บรักษาเงินของราชการส่วนจังหวัดและราชการส่วนอื่น ๆ โดยเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกเงินที่ตนรับไว้ในตำแหน่งหน้าที่เป็นประโยชน์ส่วนตน ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ไม่ใช่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และเมื่อเป็นความผิดตามมาตรา 147 แล้ว ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963-965/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดเงินก่อนคำพิพากษา: สิทธิในการขอเฉลี่ยทรัพย์ ผู้ร้องขอได้เมื่อใด
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดเงินที่บุคคลภายนอกจะต้องชำระให้แก่จำเลยไว้ก่อนศาลพิพากษาคำสั่งศาลอายัดเงินย่อมมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามมาตรา 260(2)
ตามมาตรา 290 วรรคสี่ต้องยื่นคำขอเฉลี่ยเสียก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ กำหนดเวลาชำระเงินต้องมีในคำสั่งอายัดตามมาตรา 311 จึงเห็นได้ว่ามีกำหนดเวลาให้ยื่นคำขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ในหมายอายัดชั่วคราวของศาลไม่ได้กำหนดวันเวลาที่จำเลยจะต้องชำระเงินไว้ จึงไม่มีกำหนดเวลาที่ผู้ร้องจะขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงิน ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเมื่อทรัพย์ที่อายัดได้ส่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายและการไม่มีเจตนาเอาทรัพย์ในความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยยอมให้ผู้เสียหายร่วมประเวณีมีสิ่งตอบแทน แต่ผู้เสียหายผิดข้อตกลงจำเลยไม่พอใจ จึงได้ทำร้ายผู้เสียหายแล้วเอาปืนผู้เสียหายไปทิ้งที่ปรักน้ำกลางทุ่งนาเพราะกลัวผู้เสียหายจะยิงเอาการเอาปืนไปทิ้งน้ำโดยไม่นำเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตนหรือผู้อื่น แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาประสงค์จะเอาทรัพย์ การเอาปืนของผู้เสียหายไปทิ้งจึงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์ ส่วนไฟฉายนั้นผู้เสียหายก็ให้จำเลยไปส่องทาง จำเลยเอาไปไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์เช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1756/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาประสงค์ต่อทรัพย์เป็นสำคัญ หากไม่มี แต่มีการข่มขู่คุกคามเพื่อหวังผลอื่น ศาลลงโทษฐานกระทำผิดต่อเสรีภาพได้
ฟ้องอ้างบทลงโทษมาตรา 339 ฐานชิงทรัพย์โดยบรรยายฟ้องด้วยว่า จำเลยใช้มีดบังคับข่มขืนใจให้ผู้เสียหายขับรถยนต์เลี้ยวเข้าไปในถนนสุขาภิบาล 1 และขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้มีดแทงทำร้ายให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมิได้ประสงค์ต่อทรัพย์และผู้เสียหายยังไม่ทันได้กระทำตามที่ถูกข่มขู่ ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานพยายามทำผิดต่อเสรีภาพตามมาตรา 309 ประกอบด้วยมาตรา 80 ได้(นัยฎีกาที่ 1683/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1694/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกกระทำ
โจทก์จำเลยเป็นลูกจ้างหน่วยแจ๊สแม็ค จังหวัดอุดรธานี จำเลยได้รับมอบหมายเช็คจากสำนักงานกรุงเทพฯเพื่อให้จำเลยจ่ายให้โจทก์เป็นเงินเดือนที่โจทก์ทำงานเป็นลูกจ้าง เมื่อจำเลยไม่ได้จ่ายให้แก่โจทก์ โจทก์ยังไม่ได้รับไป เช็คนั้นก็ยังไม่เป็นของโจทก์เมื่อโจทก์ยังมิได้เป็นเจ้าของเช็ค การกระทำที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเช็คของโจทก์ไป จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำต่อทรัพย์ของโจทก์ ดังนี้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย และไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลชอบที่จะยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายที่แท้จริงคือบริษัทเจ้าของทรัพย์ ไม่ใช่ตัวแทน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด มีอำนาจจัดการจำหน่ายและให้เช่าซื้อ จำเลยได้เช่าซื้อเครื่องพิมพ์ดีดนั้นไปจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ส่งคืนเครื่องพิมพ์ดีดกลับยักยอกเสีย ดังนี้ เมื่อได้ความว่าโจทก์เป็นเพียงผู้ช่วยผู้จัดการแผนกขายเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด เพื่อประโยชน์ของบริษัทโจทก์ลงชื่อเป็นฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อในฐานะตัวแทนบริษัทตามหน้าที่ ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4) คือ บริษัท โจทก์เป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานของบริษัทคนหนึ่ง ไม่ปรากฏว่ามีความรับผิดชอบหรือเสียหายอย่างใดนอกเหนือไปกว่านั้น จึงย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะพึงดำเนินคดีแก่จำเลยในนามของโจทก์เป็นส่วนตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยรับทราบทรัพย์ที่ได้จากการชิงทรัพย์ของผู้อื่น แล้วนำไปขายต่อ มีความผิดฐานรับของโจร
การที่จำเลยที่ 2,3 เห็นการกระทำการชิงทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ที่ใช้ปืนขู่ชิงรถจักรยานและไก่ 10 ตัว ของเจ้าทรัพย์ แล้วจำเลยที่ 2,3 ยังรับเอารถจักรยานและไก่ 10 ตัวเอาไปจำหน่ายขายให้แก่ชายแปลกหน้า แล้วนำเงินมาแบ่งระหว่างจำเลยด้วยกัน ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2,3 จึงมีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรสระหว่างคู่สมรสที่เลิกร้างกัน: ทรัพย์ที่ได้มาระหว่างร้างไม่เป็นสินสมรส
โจทก์ฟ้องขอแบ่งสินสมรสของสามีโจทก์ จากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก และจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมของสามีโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งทรัพย์ให้ ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 จะไม่อุทธรณ์จำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวก็มีสิทธิอุทธรณ์ได้ เพราะเป็นผู้จะได้รับมรดกตามพินัยกรรม เป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์พิพาทโดยตรง ทั้งถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย
เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ทรัพย์ที่สามีได้มาระหว่างร้างกันไม่เป็นสินสมรส(อ้างฎีกาที่ 84/2497 และฎีกาที่ 991/2501)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมยกทรัพย์ของเจ้าของร่วม: ผลบังคับใช้เฉพาะส่วนของผู้ตายเมื่อยังมีเจ้าของร่วมรายอื่น
การที่เจ้าของร่วมได้ทำพินัยกรรมฉบับเดียวกันยกทรัพย์ให้แก่ใคร แม้จะระบุว่า ถ้าเขาทั้งสองตายไปแล้วให้ทรัพย์ตกได้แก่ผู้นั้นก็ดี เมื่อผู้ทำพินัยกรรมคนหนึ่งตาย แม้อีกคนยังอยู่ ก็ย่อมเกิดผลตามพินัยกรรมเฉพาะทรัพย์ส่วนของผู้ที่ตายไปนั้นแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เดิมบิดาโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท เมื่อบิดาตาย โจทก์ก็ได้รับมรดกมา จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยกับสามี จำเลยกับสามีเพียงแต่ได้ทำพินัยกรรมยกให้บิดาโจทก์ แต่บัดนี้ไม่ประสงค์จะยกให้แล้ว เพราะบิดาโจทก์ตายไปก่อนจำเลยพินัยกรรมจึงไม่บังเกิดผล ดังนี้ เรื่องพินัยกรรมที่จำเลยต่อสู้จึงเป็นประเด็นที่ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่ใช้ดุลพินิจให้รวมค่าธรรมเนียมแล้วให้โจทก์จำเลยเสียฝ่ายละครึ่งได้
การที่เจ้าของร่วมในที่พิพาทเข้าทำในที่ที่ตนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยนั้น หาเป็นการละเมิดไม่เจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งจะฟ้องขอให้ห้ามหรือเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดไม่ได้ (ที่พิพาทยังไม่ได้แบ่งแยก และเข้าทำเต็มทั้งแปลง)
of 21