คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทำร้าย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 358 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3307/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าต้องประเมินจากพฤติการณ์การกระทำและบาดแผล การทำร้ายด้วยมีดแต่บาดแผลเล็กน้อยอาจไม่ถึงเจตนาฆ่า
จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหาย 1 ที ผู้เสียหายใช้มือรับไว้มีดบาดง่ามมือบาดแผลเพียงเล็กน้อยใช้เวลารักษา 7-10 วันแสดงว่าจำเลยมิได้แทงโดยแรงเช่นกริยาของคนที่ต้องการจะฆ่ากัน ทั้งสาเหตุที่แทงก็เกิดจากการที่จำเลยอ้างว่าผู้เสียหายเล่นไพ่โกง มีการพูดปรับความเข้าใจกันแล้วเกิดทำร้ายกันขึ้น ซึ่งไม่ใช่สาเหตุร้ายแรง จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3287/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การยิงเพื่อป้องกันภรรยาจากผู้ทำร้าย
ผู้ตายถืออาวุธปืนเป็นฝ่ายก่อเหตุเข้ามาต่อว่าและตบตีภริยาจำเลย เมื่อจำเลยถือปืนวิ่งออกมาเห็นภริยาจำเลยมีเลือดเปื้อนเต็มตัว จำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้ตายจะยิงภริยาจำเลย อันเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยจึงมีสิทธิที่จะใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเพื่อป้องกันชีวิตภริยาจำเลยได้ แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายติดต่อกันถึง 6 นัด ในขณะที่อาวุธปืนในมือของผู้ตายหล่น ลงไปที่พื้นแล้วหากจำเลยยิงผู้ตายเพียงนัดเดียวก็น่าจะหยุดยั้งผู้ตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 69 คำให้การชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานโจทก์มีเหตุผลสอดคล้องต้องกัน และได้ให้การหลังเกิดเหตุไม่นาน ไม่มีเวลาคิดไตร่ตรองเพื่อช่วยเหลือหรือปรักปรำฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เชื่อว่าได้ให้การไปตามความสัตย์จริงตามที่ตนได้รู้เห็นมาโดยไม่มีมูลเหตุจูงใจหรือถูกบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด การที่ประจักษ์พยานโจทก์มาเบิกความในชั้นพิจารณาของศาลปฏิเสธว่าไม่เห็นเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุโดยไม่ได้ให้เหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงเบิกความในชั้นพิจารณาไม่ตรงกับที่เคยให้การไว้ในชั้นสอบสวน เชื่อว่าเพื่อช่วยเหลือให้จำเลยพ้นผิด คำให้การพยานชั้นสอบสวนไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไม่ให้รับฟังประกอบเป็นข้อพิจารณาของศาล ศาลเชื่อคำให้การชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานโจทก์เป็นความจริงยิ่งกว่าคำเบิกความในชั้นพิจารณา เมื่อรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นตลอดพฤติการณ์แห่งคดี พยานหลักฐานโจทก์จึงฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2983/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจากการใช้อาวุธร้ายแรงต่อสู้กับผู้ที่ไม่มีอาวุธ
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จะกลับบ้านระหว่างทางพบจำเลยขี่รถจักรยานยนต์ตามมา เมื่อเข้าใกล้กันจำเลยได้ทวงหนี้ค่าสุราจากผู้ตาย ผู้ตายเรียกให้จำเลยหยุดรถเพื่อจะใช้เงิน แต่เมื่อเข้ามาจริง ๆ ผู้ตายมีลักษณะโกรธเคือง และพูดว่าต้องสั่งสอน ผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยเพื่อจะทำร้าย ปรากฏว่าผู้ตายเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรง และอ้วนกว่าจำเลย จำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวไม่ให้ถูกทำร้าย แต่การป้องกันตัวของจำเลยดังกล่าวจำเลยได้ใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงผู้ตายซึ่งเชื่อว่ามีเพียงมือเปล่าเท่านั้น จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2827/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายเพื่อป้องกันการข่มขืน ศาลฎีกาพิพากษาว่ามีเจตนาฆ่า แต่ไม่ใช่เพื่อปกปิดความผิด
จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเวลากลางคืนแล้วขึ้นคร่อมตัวผู้เสียหายขณะนอนหลับอยู่ในห้อง เมื่อผู้เสียหายตื่นจำเลยใช้มีดปลายแหลมที่ติดตัวมาจอราวนมซ้ายผู้เสียหายห้ามมิให้ร้องมิฉะนั้นจะฆ่าขณะเดียวกันจำเลยได้ใช้มือลูบไล้ที่ขาผู้เสียหายผู้เสียหายขัดขืนและร้องขอความช่วยเหลือ จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้เสียหายที่หน้าอกซ้าย 2 แผล ที่สะบักขวาด้านหลัง 3 แผลคาง 1 แผล ขาขวา 3 แผล และที่หัวเข่าซ้าย 3 แผล รวม 11 แผลด้วยมีดขนาดกว้าง 1 นิ้ว ยาวประมาณ 4 นิ้วเศษ ซึ่งมีขนาดโตพอสมควรที่จะทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้โดยเฉพาะแทงในที่สำคัญเช่นบริเวณหน้าอกซ้าย และสะบักหลัง การที่จำเลยแทงไม่ลึกน่าจะเกิดจากผู้เสียหายดิ้นรนและต่อสู้ จึงทำให้แทงผู้เสียหายไม่ถนัด หาใช่จำเลยมีเพียงเจตนาทำร้ายไม่ พฤติการณ์เช่นนี้ส่อแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว แต่จำเลยแทงผู้เสียหายเพราะเหตุผู้เสียหายไม่ยอมให้จำเลยข่มขืนกระทำชำเราทั้งยังร้องเรียกให้คนช่วยอีกด้วยทำให้จำเลยเกิดโทสะที่ไม่สามารถกระทำการได้ดังใจ มิใช่แทงทำร้ายเพื่อปกปิดการกระทำผิดจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(7),80 คงผิดตามมาตรา 288,80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2775/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเอง: การใช้กำลังเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายโดยผู้อื่น
จำเลยถูกฝ่ายผู้เสียหายรุมตีทำร้าย จำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายที่บริเวณหน้าอกซ้ายครั้งเดียวในขณะนั้น แผลยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ลึกประมาณ 3 เซนติเมตรดังนี้ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1939/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความโกรธแค้นและการดักรอทำร้าย
จำเลยกับผู้ตายดื่มสุราด้วยกันที่บ้านมารดาผู้ตายและมีเรื่องทะเลาะวิวาทถึงกับท้าชกต่อยกัน แต่มีคนมาห้างจึงแยกกันไป จำเลยทราบว่าผู้ตายจะต้องกลับบ้านจึงได้มาดักรอริมถนนเพื่อทำร้ายด้วยความโกรธแค้นผู้ตายและได้ใช้มีดพกปลายแหลมแทงผู้ตายหลังจากทะเลาะวิวาทกันแล้วประมาณ 10 ชั่วโมง ดังนี้การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายก็เนื่องมาจากการทะเลาะวิวาทและจำเลยมีเวลานานพอที่จะสามารถตระเตรียมวางแผนฆ่าผู้ตายด้วยความโกรธแค้นได้ จึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1939/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความโกรธแค้นและการเตรียมการทำร้าย
จำเลยกับผู้ตายดื่มสุราด้วยกันที่บ้านมารดาผู้ตายและมีเรื่องทะเลาะวิวาทถึงกับท้าชกต่อยกัน แต่มีคนมาห้ามจึงแยกกันไป จำเลยทราบว่าผู้ตายจะต้องกลับบ้านจึงได้มาดักรอริมถนนเพื่อทำร้ายด้วยความโกรธแค้นผู้ตายและได้ใช้มีดพกปลายแหลมแทงผู้ตายหลังจากทะเลาะวิวาทกันแล้วประมาณ 10 ชั่วโมง ดังนี้การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายกันเนื่องมาจากการทะเลาะวิวาทและจำเลยมีเวลานานพอที่จะสามารถตระเตรียมวางแผนฆ่าผู้ตายด้วยความโกรธแค้นได้ จึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจากการถูกไล่ทำร้าย แม้ผู้ถูกทำร้ายไม่มีอาวุธ
ผู้เสียหายชกจำเลยล้มลงกับพื้นแล้วยังเข้าเตะซ้ำอีกโดยปราศจากเหตุผลมาก่อน แม้จะปรับความเข้าใจกันแล้ว แต่ ป. ซึ่งออกวิ่งไล่ทำร้ายพวกของจำเลยในทันทีทั้ง ๆ ที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดได้กลับมาจะเข้าทำร้ายจำเลยอีก จนผู้เสียหายต้องเข้าห้ามไว้ถึงขนาดต้องยื้อยุดฉุดกันไป ป. ก็ยังแสดงท่าทีจะเข้าทำร้ายจำเลยอีก พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่เนื่องด้วยไม่ปรากฏว่า ป. มีอาวุธอะไรเพียงแต่จะเข้าทำร้ายเท่านั้น การที่จำเลยยิง ป. แต่กระสุนพลาดไปถูกผู้เสียหาย จึงเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายกลุ่มบุคคล: ความผิดกรรมเดียว แม้มีการกระทำหลายครั้งต่อหลายคน
การที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายพวกผู้เสียหาย โดยมีเจตนาทำร้ายพวกผู้เสียหายทุกคน ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นใคร ลักษณะของเจตนาในการกระทำความผิดเป็นอันเดียว แม้จะมีการกระทำหลายหนและต่อหลายบุคคล ก็อยู่ภายในเจตนาอันนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายผู้เสียหายหลายรายถือเป็นกรรมเดียว แม้มีการกระทำหลายครั้ง
การที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายพวกผู้เสียหาย โดยมีเจตนาทำร้ายพวกผู้เสียหายทุกคน ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นใคร ลักษณะของเจตนาในการกระทำความผิดเป็นอันเดียว แม้จะมีการกระทำหลายหนและต่อหลายบุคคล ก็อยู่ภายในเจตนาอันนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว.
of 36