คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บรรยายฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 324 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานยักยอกทรัพย์โดยตัวแทน ต้องระบุชัดเจนถึงฐานะของผู้กระทำผิดในฐานะผู้มีอาชีพที่น่าเชื่อถือ
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยเป็นพนักงานธนาคารและเป็นตัวแทนของโจทก์ในการจัดเก็บหนี้สินจากลูกหนี้ของโจทก์เพื่อนำฝากเข้าบัญชีของโจทก์และจำเลยยังเป็นผู้ดูแลเงินฝากของโจทก์ด้วย แต่จำเลยได้เบียดบังเงินในบัญชีของโจทก์หรือเงินที่เก็บมาจากลูกหนี้ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยไปโดยทุจริต ทำให้โจทก์ได้ความเสียหาย ดังนี้ฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าการกระทำของจำเลยที่เป็นตัวแทนของโจทก์ตามฟ้อง เป็นการกระทำอันเกี่ยวกับการที่จำเลยเป็นพนักงานธนาคารซึ่งเป็นอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนฟ้องของโจทก์จึงไม่มีข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยกระทำผิดในฐานที่เป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนตามมาตรา 354 แม้ในคำขอท้ายฟ้องจะระบุอ้างมาตรา 354มาด้วยก็ตาม ก็เป็นการระบุเกินมาจากคำบรรยายฟ้องของโจทก์ในตอนต้นถือไม่ได้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 354.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6416/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีทำร้ายร่างกายสาหัส ต้องมีการบรรยายรายละเอียดบาดเจ็บในฟ้อง
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสอย่างไรจึงพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 297 ไม่ได้ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 295.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2756/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องและการลงโทษอาญา: ข้อหายิงปืนโดยใช่เหตุต้องระบุในฟ้อง หากไม่ได้ระบุ ศาลไม่อาจลงโทษได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นกับฐานมีและพาอาวุธปืน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80,92 และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7,8 ทวิ,72,72 ทวิ มิได้บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 ด้วย จึงถือไม่ได้ว่าประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ทั้งการกระทำความผิดตามมาตรา 376 มิใช่การกระทำซึ่งรวมอยู่ในความผิดตามที่ฟ้องอันศาลจะลงโทษจำเลยในการกระทำผิดตามที่พิจารณาได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย จึงไม่อาจลงโทษจำเลยฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องคดีอาญาและการนับโทษต่อเนื่อง จำเป็นต้องบรรยายฟ้องระบุตัวบุคคลให้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต่อมาได้ขอแก้ไขคำฟ้องว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอื่นหลายคดีรวมทั้งคดีหมายเลขแดงที่2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรี ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว แต่ภายหลังโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขคดีที่ขอให้นับโทษต่ออีก ซึ่งหลังจากศาลอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องครั้งหลังแล้ว คำฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความระบุว่า จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรี คงมีแต่คำขอท้ายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว ถือว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว ดังนี้ ศาลจะนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีดังกล่าวตามคำขอท้ายฟ้องโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวในคำบรรยายฟ้องไม่ได้ แม้จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาต่าง ๆ ตามที่โจทก์ฟ้องและขอแก้ไขคำฟ้อง ก็หมายความเพียงว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำบรรยายฟ้องเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินพิพาท: การซื้อขายที่ดิน, ครอบครองปรปักษ์, และภารจำยอม ต้องยกฟ้องหากมิได้บรรยายฟ้องตามประเด็น
ในคดีที่โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยได้กระทำการต่าง ๆ ในที่ดินที่โจทก์ซื้อมาจากผู้มีชื่อเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์นั้น เมื่อปรากฏว่าที่ดินที่โจทก์ซื้อมาเป็นที่ดินที่จำเลยยังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อยู่ โจทก์จึงไม่อาจเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้เพราะการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำในที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง แม้โจทก์จะมีคำขอท้ายฟ้องไว้ในเรื่องทางภารจำยอมด้วยก็ตามแต่เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องไว้ว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ และได้ภารจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และมาตรา 1401ตามลำดับแล้ว การกำหนดประเด็นข้อพิพาทและการนำสืบในประเด็นดังกล่าวย่อมเป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น ศาลฎีกามิอาจวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายและฐานวิ่งราวทรัพย์ ศาลฎีกาแก้ไขโทษตามองค์ประกอบความผิดที่ถูกต้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดและพาทรัพย์นั้นไป ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยฉกฉวยพาหนีไปต่อหน้าอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์เห็นได้ว่าโจทก์ไม่ได้ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานวิ่งราวทรัพย์ด้วย จะลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ไม่ได้ คงลงโทษจำเลยทั้งสองได้ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเท่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายกับฐานวิ่งราวทรัพย์: ความแตกต่างและขอบเขตการลงโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดและพาทรัพย์นั้นไป ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยฉกฉวยพาหนีไปต่อหน้าอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์เห็นได้ว่าโจทก์ไม่ได้ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานวิ่งราวทรัพย์ด้วย จะลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ไม่ได้ คงลงโทษจำเลยทั้งสองได้ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเท่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2158/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องไม่ชัดเจนเรื่องขอบเขตที่ดิน ทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นนอกฟ้อง
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านอยู่เป็นที่ดินที่อยู่นอกเขตที่ดินโฉนด ที่ 2802 ของโจทก์ ซึ่ง โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง แต่ โจทก์กลับฎีกาว่าที่ดินโฉนด ที่ 2802 ของโจทก์ติดต่อ เป็นผืนเดียว กับที่ดินเลขที่ 27 ซึ่ง โจทก์เป็นผู้ครอบครองฎีกาของโจทก์จึงเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น มิใช่เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานปล้นทรัพย์ด้วยอาวุธปืน จำเลยผิดตามบทลงโทษที่บรรยายฟ้องเท่านั้น
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้ กำลังประทุษร้ายโดย ใช้ มือรัดคอผู้เสียหายแล้วใช้ อาวุธปืนขู่เข็ญจ่อจี้ บังคับผู้เสียหายว่าในทันใดนั้นจะใช้ อาวุธปืนยิงประทุษร้ายผู้เสียหาย โดย มิได้บรรยายว่าในการปล้นทรัพย์ได้กระทำโดย ใช้ ปืนยิง ดังนั้นแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าในการปล้นทรัพย์นั้นพวกจำเลยได้ ใช้ อาวุธปืนยิงผู้เสียหายด้วย จำเลยก็คงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคสอง เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายและอาวุธปืน
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้ กำลังประทุษร้ายโดย ใช้ มือรัดคอผู้เสียหายแล้วใช้ อาวุธปืนขู่เข็ญจ่อจี้ บังคับผู้เสียหายว่าในทันใดนั้นจะใช้ อาวุธปืนยิงประทุษร้ายผู้เสียหาย โดย มิได้บรรยายว่าในการปล้นทรัพย์ได้กระทำโดย ใช้ ปืนยิง ดังนั้นแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าในการปล้นทรัพย์นั้นพวกจำเลยได้ ใช้ อาวุธปืนยิงผู้เสียหายด้วย จำเลยก็คงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง เท่านั้น.
of 33