คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บาดแผล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 339 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยไม้และมือ ส่งผลให้เกิดบาดแผลเล็กน้อย ศาลลดโทษจากทำร้ายร่างกายเป็นเพียงทำร้ายร่างกายที่ไม่ถึงอันตราย
จำเลยเพียงแต่ใช้มือตบตี และใช้ไม้ไผ่ผ่าซีกขว้างผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าไม้ไผ่ดังกล่าวมีขนาดใหญ่เล็กเพียงใด บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็เป็นเพียงรอยถลอกไม่มีโลหิตไหล อีกแห่งหนึ่งเพียงแต่บวมเมื่อกดตรงที่บวมจึงเจ็บและจะรักษาหายได้ในเวลาประมาณ 5 วัน ซึ่งเป็นเพียงการคาดคะเนของแพทย์ความจริงอาจจะหายเป็นปกติภายในเวลาไม่ถึงกำหนดที่กะประมาณไว้ก็ได้ จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากพฤติการณ์และบาดแผล
จำเลยเมาสุราใช้มีดยาวประมาณ 7-8 นิ้ว แทงไปที่ท้องของผู้เสียหาย ขณะยืนห่างผู้เสียหายประมาณ 2 เมตร ในระหว่างเกิดเหตุชุลมุนกัน สภาพเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุเช่นนั้น จำเลยไม่มีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายและไม่อาจคาดหมายได้ว่าจะแทงตรงส่วนสำคัญของร่างกาย ทั้งการแทงดังกล่าวก็ไม่ถูกผู้เสียหายด้วย ส่วนการที่จำเลยแทงผู้เสียหายครั้งที่สองในขณะที่ผู้เสียหายหันหลังวิ่งหนีนั้นก็ปรากฏว่ามีบาดแผลบริเวณไหล่ซ้ายด้านหลัง ยาวประมาณ 3 เซนติเมตรใช้เวลารักษาประมาณ 7 วัน ซึ่งเป็นบาดแผลที่มิใช่ส่วนสำคัญของร่างกายและไม่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ผู้เสียหายกับจำเลยเป็นเพื่อนบ้านกัน ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน ตามพฤติการณ์และบาดแผลที่จำเลยแทงผู้เสียหายดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกาย: เจตนาฆ่าหรือไม่ พิจารณาจากพฤติการณ์และบาดแผล
จำเลยเมาสุราใช้มีดยาวประมาณ 7-8 นิ้ว แทงไปที่ท้องของผู้เสียหาย ขณะยืนห่างผู้เสียหายประมาณ 2 เมตร ในระหว่างเกิดเหตุชุลมุนกัน สภาพเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุเช่นนั้น จำเลยไม่มีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายและไม่อาจคาดหมายได้ว่าจะแทงตรงส่วนสำคัญของร่างกาย ทั้งการแทงดังกล่าวก็ไม่ถูกผู้เสียหายด้วย ส่วนการที่จำเลยแทงผู้เสียหายครั้งที่สองในขณะที่ผู้เสียหายหันหลังวิ่งหนีนั้นก็ปรากฏว่ามีบาดแผลบริเวณไหล่ซ้ายด้านหลัง ยาวประมาณ 3 เซนติเมตรใช้เวลารักษาประมาณ 7 วันซึ่งเป็นบาดแผลที่มิใช่ส่วนสำคัญของร่างกายและไม่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ผู้เสียหายกับจำเลยเป็นเพื่อนบ้านกัน ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน ตามพฤติการณ์และบาดแผลที่จำเลยแทงผู้เสียหายดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3128/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าหรือไม่: การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าจากพฤติการณ์และบาดแผล
จำเลยไม่พอใจโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ใช้ให้บุตรจำเลยทำงานในหน้าที่คนงานเป็นเหตุ ให้บุตรจำเลยลาออกจากงาน วันเกิดเหตุจำเลยมาหาโจทก์ร่วมแสดงอาการไม่พอใจ โดยพูดจาต่อว่าโจทก์ร่วม ภริยาจำเลยได้พาจำเลยกลับไป ต่อมาจำเลยกลับมาหาโจทก์ร่วมอีกแล้วใช้เหล็กมีคมปลายแหลมแทงโจทก์ร่วม แต่ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าจำเลยตั้งใจแทงโจทก์ร่วมที่ใดอันเป็นอวัยวะสำคัญ เพียงแต่ปรากฏบาดแผลที่ปลายแขนซ้ายลึกประมาณ 2 นิ้ว รักษาเพียง 14 วันก็หาย ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่าจากการใช้ขวานทำร้าย แม้ผู้เสียหายหลบได้ บาดแผลอาจถึงแก่ชีวิตได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ขวานฟันพยายามฆ่าผู้เสียหาย จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยอ้างแต่เพียงว่า กระทำลงไปเพราะเมาสุราขาดสติสัมปชัญญะ ทั้งไม่ติดใจสืบพยานจำเลย เช่นนี้ จำเลยจะยกกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ว่าไม่เจตนาฆ่าผู้เสียหาย ไม่ได้ฟันแรงนัก ไม่ได้
จำเลยใช้ขวานด้ามยาว 12 นิ้ว คมขวานกว้าง 2.8 นิ้ว ฟันผู้เสียหายทั้งสองที่ศีรษะเต็มแรง แต่ผู้เสียหายทั้งสองหลบทัน คมขวานพลาดศีรษะแต่เกิดบาดแผลซึ่งอาจทำให้ถึงตายได้ และจำเลยยังทำท่าจะฟันซ้ำอีก เช่นนี้จำเลยมีเจตนาฆ่า การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสองมิใช่เพียงแต่ทำร้ายร่างกายเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2944/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกายด้วยขวดแตก ศาลฎีกาวินิจฉัยถึงเจตนาจากบาดแผลและตำแหน่งที่ถูกแทง
จำเลยสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกับพวกผู้เสียหาย การที่จำเลยใช้ขวดแตกแทงผู้เสียหายโดยแรง ที่บริเวณเอวซึ่งภายในประกอบด้วยอวัยวะสำคัญของร่างกาย ทำให้เกิดบาดแผลที่เอวซ้ายลึก 8เซนติเมตร และ 5 เซนติเมตรทะลุผ่านกล้ามเนื้อภายใน ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส และหากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจถึงแก่ความตายได้ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: บาดแผลเล็กน้อย ไม่แสดงเจตนาฆ่า
จำเลยใช้มีดสำหรับปอกผลไม้ใบมีดกว้างครึ่งนิ้วยาว 4 นิ้ว แทงผู้เสียหายที่ชายโครงด้านซ้าย 1 ครั้ง บาดแผลลึกเพียง 2 เซนติเมตร ยาว 1.5 เซนติเมตร แทงขณะจำเลยเมาสุราแล้วปล่อยมีดหลบหนีไป แสดงว่าไม่ต้องการแทงซ้ำ ผู้เสียหายทำแผลแล้วแพทย์ให้กลับบ้านได้และไปทำแผลอยู่ 4 วัน ก็ไม่ต้องไปอีก แสดงว่าบาดเจ็บเล็กน้อย ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยแทงโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยเจตนาทำร้ายร่างกายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2216/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจากเหตุชุลมุน: ศาลฎีกาตัดสินว่าการกระทำเป็นเพียงทำร้ายร่างกาย ไม่ถึงขั้นฆ่า
ญาติของจำเลยทะเลาะและเข้าชุลมุนกอดปล้ำกับผู้เสียหายทั้งสอง จำเลยซึ่งกำลังทำครัวอยู่เห็นเหตุการณ์ จึงได้เข้าช่วยญาติของตน ด้วยการใช้มีดทำครัวฟันผู้เสียหายทั้งสองผู้เสียหายคนหนึ่งมีบาดแผลถูกฟันที่ศีรษะ 2 แผลกว้าง0.5 เซนติเมตร ยาว 3 เซนติเมตร ลึกถึงกะโหลกศีรษะ กับมีบาดแผลอื่นที่ศีรษะซึ่งมิได้เกิดจากถูกจำเลยฟันอีก 2 แผล บาดแผลทั้งหมดแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาหายภายใน 15 วัน ส่วนผู้เสียหายอีกคนหนึ่งมีบาดแผลทั้งหมด 8 แผล แต่บาดแผลที่เกิดจากถูกจำเลยฟันมี 2 แผล แผลหนึ่งกว้าง 1 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตรลึกแค่ผิวหนัง อีกแผลหนึ่งที่กลางใบหูซ้ายขาดลึกถึงกระดูกอ่อนที่ใบหูยาวตลอดลำคอด้านซ้าย กว้าง 2 เซนติเมตรยาว 15 เซนติเมตร ลึกถึงกล้ามเนื้อแพทย์มิได้เบิกความว่าบาดแผลนี้จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย บาดแผลดังกล่าวไม่เป็นบาดแผลที่ทำให้เกิดอันตรายแก่กายสาหัส ไม่มีรายงานการชันสูตรไว้โดยเฉพาะว่ารักษาหายภายในกี่วัน จึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองจำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,91 เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมิน 'อันตรายสาหัส' จากบาดแผลถูกแทง พิจารณาความสามารถในการประกอบกรณียกิจปกติ
ผู้เสียหายถูกแทงด้วยมีดปลายแหลมที่ต้นแขนซ้ายเป็นบาดแผลขนาด 2.5 เซนติเมตร ทะลุไปอีกด้านหนึ่ง หลังเกิดเหตุประมาณ 7วัน ผู้เสียหายไปหาแพทย์เพื่อตัดไหม แพทย์บอกว่าบาดแผลเป็นปกติ และผู้เสียหายก็ไปเรียนหนังสือกับทำกิจการงานต่าง ๆได้ แม้ปรากฏว่าผู้เสียหายเป็นนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา ต้องเรียนภาคปฏิบัติคือการเล่นกีฬาที่ต้องใช้แขนและหลังเกิดเหตุแล้ว 1 เดือน ผู้เสียหายไม่อาจเล่นกีฬาได้มากเท่าบุคคลปกติเพราะยังรู้สึกเสียวที่แขน ก็เป็นเพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายขาดความสะดวกในการใช้แขนลดน้อยลงเท่านั้น หาทำให้ผู้เสียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เสียเลยทีเดียวไม่จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (8).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บาดแผลจากการถูกแทงไม่ถึงอันตรายสาหัส แม้ผู้เสียหายเป็นนักกีฬา
ผู้เสียหายถูกแทงด้วยมีดปลายแหลมที่ต้นแขนซ้ายเป็นบาดแผลขนาด 2.5 เซนติเมตรทะลุไปอีกด้านหนึ่ง หลังเกิดเหตุประมาณ 7วันผู้เสียหายไปหาแพทย์เพื่อตัดไหม แพทย์บอกว่าบาดแผลเป็นปกติ และผู้เสียหายก็ไปเรียนหนังสือกับทำกิจการงานต่าง ๆได้ แม้ปรากฏว่าผู้เสียหายเป็นนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา ต้องเรียนภาคปฏิบัติคือการเล่นกีฬาที่ต้องใช้แขนและหลังเกิดเหตุแล้ว 1 เดือน ผู้เสียหายไม่อาจเล่นกีฬาได้มากเท่าบุคคลปกติเพราะยังรู้สึกเสียวที่แขน ก็เป็นเพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายขาดความสะดวกในการใช้แขนลดน้อยลงเท่านั้น หาทำให้ผู้เสียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เสียเลยทีเดียวไม่จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8).
of 34