คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ป้องกันตนเอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 132 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมายในเหตุชุลมุน จำเลยไม่มีความผิด
โจทก์ร่วมกับพวกดื่มสุราที่ร้านของจำเลยจนมึนเมา แล้วสั่งสุราอีก ภรรยาจำเลยบอกว่าสุราหมด โจทก์ร่วมได้ลุกขึ้นไปหยิบขวดสุราของจำเลยที่โต๊ะชงกาแฟภรรยาจำเลยเข้าแย่ง โจทก์ร่วมได้ทำร้ายภรรยาจำเลย พวกของโจทก์ร่วมได้บีบคอจำเลยจนหน้าแหงนอกแอ่น จำเลยควานไปพบเหล็กเปิดขวดแล้วเหวี่ยงไป 1 ทีในขณะชุลมุนกันอยู่ ไปถูกนัยน์ตาโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตาบอด การกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นจากการป้องกันตนเองและครอบครัว เมื่อถูกบุกรุกและข่มเหง
คืนเกิดเหตุ ม.พาผู้ตายมาบ้านจำเลยเพื่อเอาตัว ป.ภริยา ม. ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยไป ได้พากันขึ้นไปบนเรือนจำเลยซึ่งจำเลยกับพวกนอนกันแล้ว ม.เรียก ป.ให้เปิดประตู ป.ไม่เปิด ม.ก็ดันประตูจะเข้าไป จำเลยลุกขึ้นขัดขวาง ม.และผู้ตายขัดขืนจะเข้าไปเอาตัว ป. ให้ได้ ดันประตูเรือนจนไม้กลอนขัดประตูหัก นับว่า ม. และผู้ตายกระทำการมิชอบ ด้วยความอุกอาจปราศจากความยำเกรงจำเลยซึ่งเป็นพ่อตาและเจ้าของบ้าน เป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยบันดาลโทสะขึ้นในขณะนั้น จึงยิงไปยัง ม.และผู้ตาย ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองและทรัพย์สินในที่อยู่อาศัยเมื่อถูกบุกรุกจนเกิดเหตุทำร้ายถึงแก่ความตาย
คืนเกิดเหตุ ม. พาผู้ตายมาบ้านจำเลยเพื่อเอาตัว ป.ภริยา ม. ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยไป ได้พากันขึ้นไปบนเรือนจำเลยซึ่งจำเลยกับพวกนอนกันแล้ว ม. เรียก ป. ให้เปิดประตูป. ไม่เปิด ม. ก็ดันประตูจะเข้าไปจำเลยลุกขึ้นขัดขวาง ม. และผู้ตายขัดขืนจะเข้าไปเอาตัว ป. ให้ได้ ดันประตูเรือนจนไม้กลอนขัดประตูหัก นับว่า ม. และผู้ตายกระทำการมิชอบ ด้วยความอุกอาจปราศจากความยำเกรงจำเลยซึ่งเป็นพ่อตาและเจ้าของบ้านเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยบันดาลโทสะขึ้นในขณะนั้นจึงยิงไปยัง ม. และผู้ตายผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: แม้แย่งมีดได้ ภยันตรายยังไม่หมดไป
ผู้ตายเดินเข้ามาหาจำเลย จำเลยถามว่ามองทำไมผู้ตายชกหน้าจำเลย 1 ทีจำเลยทรุดนั่ง ผู้ตายชักมีดเงื้อแทงจำเลยอีก จำเลยแย่งมีดได้ก็เอามีดนั้นแทงผู้ตาย 1 ที ดังนี้ แม้จำเลยจะแย่งมีดได้ ก็หาได้หมายความว่าอันตรายหมดไปไม่ ถือว่าจำเลยแทงผู้ตายในขณะที่การต่อสู้ยังมีอยู่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คดีที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยแทงผู้ตายในขณะที่การต่อสู้ยังมีอยู่ ซึ่งศาลฎีกาต้องถือตาม โจทก์ฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเอง/ทรัพย์สินจากผู้บุกรุกและการใช้กำลังสมควรแก่เหตุในสถานการณ์คับขัน
ข้อเท็จจริงได้ความว่า แถวนั้นมีผู้ร้ายชุกชุมฝ่ายผู้ตายมีพวกมาด้วยกันถึง 3 คน บุกรุกเข้ามาลักทรัพย์ในไร่จำเลย จำเลยร้องทักว่า ใคร 2 ครั้ง ฝ่ายผู้ตายก็ใช้กระบองขว้าง 2 ครั้ง พยายามที่จะทำให้จำเลยกับพวกบาดเจ็บ เป็นการใช้กำลังเพื่อประทุษร้ายจำเลยให้เป็นความสะดวกในการที่ผู้ตายจะทการลักทรัพย์ ขณะเกิดเหตุเดือนมืดมองไม่เห็นกัน จำเลยรู้ไม่ได้ว่าผู้ตายกับพวกมีปืนมีมีดติดตัวมาด้วยหรือไม่ การที่จำเลยใช้ปืนยิงต่อสู้ไปนัดเดียวแล้ววิ่งกลับบ้าน แสดงว่าจำเลยมีความกลัวผู้ร้ายอยู่มาก เห็นได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงไปในขณะที่เห็นได้ว่าภยันตรายใกล้จะถึงตัวจำเลยกับพวกอยู่แล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นไปพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาและการป้องกันตนเอง
ต่างฝ่ายต่างกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญาต่อกันแต่ถ้าความผิดที่จำเลยอ้างว่าโจทก์กระทำนั้นมิใช่เป็นความผิดอันเดียวกันหรือที่ก่อขึ้นด้วยกันหากแต่ต่างคนต่างกระทำในวาระต่างกันแล้วโจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องคดีได้
การอ้างสิทธิป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 นั้นจะต้องเป็นการป้องกันภยันตรายที่ใกล้จะถึงซึ่งจะบังเกิดขึ้นแก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันตนเอง ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
นายเสริมผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเคยไกล่เกลี่ยเรื่องจำเลยกับผู้อื่นพิพาทกันเรื่องบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ แต่ไม่ตกลงกันต่อมานายถ่ายกำนัน นายหันผู้ใหญ่บ้าน มาดูที่เกิดเหตุและพูดไกล่เกลี่ยอีก จำเลยกับคู่กรณีไม่ยอมตกลงกัน จำเลยพูดต่อหน้านายถ่ายและนายหันว่า'ผู้ใหญ่เสริมไม่มีศีลธรรม ไม่ซื่อตรง จะกินเงินผม'และศาลฟังข้อเท็จจริงว่า นายเสริมได้พูดเรียกร้องเงิน 50 บาทจากจำเลยเกี่ยวกับการพิพาทของจำเลยจริงดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาจากเหตุการณ์และสภาพร่างกายของผู้ถูกกระทำ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนา แม้จำเลยให้การรับสารภาพ หากทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันตนเอง ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นผลดีแก่จำเลยได้
จำเลยไปทวงเงินที่ผู้ตายเป็นหนี้อยู่ ผู้ตายกลับต่อยจำเลยและติดตามเข้าไปทำร้ายซ้ำเติมอีก จำเลยอายุเพียง 19 ปี รูปร่างเล็กและเตี้ยกว่าผู้ตายไม่มีทางสู้แรงปะทะของผู้ตายได้จึงใช้มีดแทงไป 1 ที บังเอิญมีดไปถูกที่สำคัญเข้า ผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองและป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงจากการถูกละเมิดทางกายภาพ
การที่หญิงมีสามีอายุ 28 ปี ถูกชายอายุ 24 ปี ฉุดกอดปล้ำต่อหน้าผู้คนโดยหญิงไม่ยินยอมโดยได้พยายามดิ้นรนขัดขวางและร้องห้าม ชายนั้นก็ยังขืนกอดและฉุดอยู่อีกเมื่อหญิงดิ้นสบัดหลุดจึงใช้มีดปลอกปากกาหมึกซึมแทงไปเพียงทีเดียวถูกช่องซี่โครงชายนั้นกว้าง 1 ซม. ยาว 2 ซม. และไปถูกอวัยวะสำคัญทำให้ชายนั้นถึงตาย ดังนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงพอสมควรแก่เหตุ ตาม ม.50.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองและทรัพย์สิน: โจทก์มีหน้าที่พิสูจน์ความผิด แม้จำเลยให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดเพื่อป้องกัน
คดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10ปีขึ้นไปแม้จำเลยจะให้การภาคเสธรับว่าได้ใช้ปืนยิงผู้ตายโดยป้องกันชีวิตและทรัพย์ก็ยังเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้เป็นที่พอใจของศาลว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง
เมื่อจำเลยนำสืบได้ว่าผู้ตายกับพวกเป็นคนร้ายปล้นโคของจำเลยและขู่ว่าจะทำร้ายจำเลย ๆ จึงใช้ปืนยิงผู้ตาย ดังนี้ย่อมถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตและทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ.
of 14