พบผลลัพธ์ทั้งหมด 266 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2055/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: การจำกัดสิทธิการโอนเช็คโดยผู้สั่งจ่าย และผลต่อการเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ
เช็คพิพาทจำเลยที่ 1 สั่งธนาคารคือจำเลยที่ 4 ให้จ่ายเงินแก่จำเลยที่ 2 หรือผู้ถือ โดยจำเลยที่ 1 ได้ขีดคร่อมและพิมพ์ข้อความว่าA/CPAYEEONLY อันได้ความเป็นทำนองเดียวกับเปลี่ยนมือไม่ได้ลงไว้ที่ด้านหน้าเช็ค แม้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ขีดฆ่าคำว่า หรือผู้ถือ ออกจำเลยที่ 2 ซึ่งมีชื่อเป็นผู้รับเงินหรือผู้ทรงก็จะต้องผูกพันตามข้อกำหนดของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 917วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 989 จำเลยที่ 2 จะโอนเช็คพิพาทให้โจทก์ด้วยการสลักหลังและส่งมอบในฐานะเป็นผู้รับเงินหรือโอนโดยการส่งมอบในฐานะผู้ถือไม่ได้เพราะมาตรา 917 วรรคสอง บัญญัติให้โอนกันได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญเพียงวิธีเดียวเพื่อการโอนไม่สมบูรณ์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่าย โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 1 ให้รับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2032/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่ลงวันที่: สิทธิผู้ทรงเช็คในการลงวันเดือนปี & ความสมบูรณ์ของเช็ค
โจทก์จำเลยเล่นแชร์วงเดียวกัน จำเลยประมูลแชร์ได้ จึงออกเช็คซึ่งยังมิได้ลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายให้แก่นายวงแชร์ไปมอบให้แก่โจทก์ยึดถือไว้ จึงเป็นการออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะให้ผูกพันชำระหนี้ได้ การที่จำเลยมอบเช็คให้แก่นายวงแชร์ ย่อมเป็นการแสดงอยู่ในตัวว่า จำเลยยินยอม ให้ผู้ทรงเช็คลงวันที่ได้เองตามที่เห็นสมควรเพื่อเรียกเก็บ เงินตามเช็คนั้น เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมมีสิทธิลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายในเช็ค เมื่อโจทก์ลง วันสั่งจ่ายในเช็คย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยสุจริตจดวันเดือนปีออกเช็คที่ถูกต้องแท้จริงลงในเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910 วรรคท้าย,989โดยไม่จำเป็นต้องให้จำเลยรู้เห็นหรือยินยอมอีก จึงเป็นเช็คที่สมบูรณ์ และไม่เป็นการขยายอายุความฟ้องร้อง เพราะอายุความที่โจทก์ผู้ทรงเช็คจะฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่ายต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่เช็คถึงกำหนดหรือวันที่ลงในเช็คตามมาตรา 1002
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3837/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกเงินตามเช็ค: ผู้ทรงเช็ค vs. ผู้สลักหลัง
เช็คพิพาทจำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ย่อมโอนไปเพียงด้วยส่งมอบให้กันตาม ป.พ.พ.มาตรา 918, 989 การที่โจทก์สลักหลังเช็คพิพาทแล้วนำไปขายลดให้แก่ธนาคารย่อมเป็นเพียงประกัน(อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตาม ป.พ.พ. มาตรา 921, 989 เมื่อเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินไม่ได้ โจทก์ได้ชำระเงินให้แก่ธนาคารและเข้าถือเอาเช็คนั้นกลับคืนมา โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงตาม ป.พ.พ. มาตรา904 จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองผู้สั่งจ่ายภายในอายุความ 1 ปี นับแต่วันเช็คถึงกำหนดตาม ป.พ.พ.มาตรา 1002 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 1003 ซึ่งมีอายุความ 6 เดือน นับแต่วันที่ผู้สลักหลังเข้าถือเอาตั๋วเงินและใช้เงิน เพราะโจทก์มิใช่ผู้สลักหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3837/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเช็ค: ผู้ทรงเช็ค (จากผู้ประกัน) มีสิทธิฟ้องภายใน 1 ปีนับจากเช็คถึงกำหนด
เช็คพิพาทจำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ย่อมโอนไปเพียงด้วยส่งมอบให้กันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 918,989 การที่โจทก์สลักหลังเช็คพิพาทแล้วนำไปขายลดให้แก่ธนาคารย่อมเป็นเพียงประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 921,989 เมื่อเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินไม่ได้ โจทก์ได้ชำระเงินให้แก่ธนาคารและเข้าถือเอาเช็คนั้นกลับคืนมา โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองผู้สั่งจ่ายภายในอายุความ 1 ปี นับแต่วันเช็คถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 1003 ซึ่งมีอายุความ 6 เดือน นับแต่วันที่ผู้สลักหลังเข้าถือเอาตั๋วเงินและใช้เงิน เพราะโจทก์มิใช่ผู้สลักหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1195/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คโดยชอบตาม ป.พ.พ. มาตรา 904 แม้มีคำพิพากษาคดีอาญาเกี่ยวกับเช็คฉบับเดียวกัน ศาลแพ่งไม่ต้องผูกพันตาม
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่สั่งจ่ายแก่ผู้ถือและโจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็คพิพาทไม่ปรากฏในคำให้การของจำเลยโดยชัดแจ้งว่า โจทก์ได้เช็คมาไว้ในความครอบครองโดยไม่ชอบอย่างไร จำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ ว่าบริษัทอ.มิได้นำเช็คชำระหนี้แก่โจทก์ จึงต้องถือว่าโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบตาม ป.พ.พ.มาตรา 904 ที่จำเลยให้การว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้นั้น ก็เป็นการกล่าวอ้างถึงมูลหนี้ระหว่างจำเลยกับ ก. โดยมิได้ให้การว่าโจทก์กับ ก. คบคิดกันฉ้อฉล จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงชอบด้วยกระบวนพิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คพิพาทและอำนาจร้องทุกข์: กรณีมอบเช็คให้ห้างหุ้นส่วนและเบิกเงินแทน
การที่ อ. รับเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือแล้วนำไปมอบให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด น. ห้างหุ้นส่วนจำกัด น. จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท และแม้ อ. จะสามารถรับเงินแทนห้างฯ ได้ ก็ในฐานะผู้แทนของห้างฯ เท่านั้น อ. จึงมิใช่ผู้เสียหาย ซึ่งจะมีอำนาจร้องทุกข์ในคดีเกี่ยวกับเช็คพิพาทตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็ค: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คโดยสุจริต แม้จะออกเช็คค้ำประกันหนี้ของผู้อื่น
จำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท ไม่ได้ให้การต่อสู้คดีว่า โจทก์ได้รับโอนเช็คนั้นมาโดยคบคิดกับบริษัท ส. ฉ้อฉลจำเลย จำเลยจึงไม่อาจยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับบริษัท ส. ขึ้นต่อสู้โจทก์ว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เพราะจำเลยออกเช็คค้ำประกันหนี้เงินยืมจากบริษัท ส. จำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คค้ำประกันหนี้: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คโดยชอบ แม้ไม่ได้เป็นหนี้โจทก์โดยตรง
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เพราะจำเลยออกเช็คค้ำประกันหนี้เงินยืมจากบริษัท ส. จำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง มิได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนเช็คโดยคบคิดกับบริษัท ส. ฉ้อฉลจำเลย จึงมิใช่ข้อต่อสู้ที่จะยกขึ้นใช้ยันโจทก์ผู้ทรงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 916 เมื่อจำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ถือและโจทก์เป็นผู้ถือเช็ค ย่อมฟังได้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คมาโดยสุจริตและเป็นผู้ทรงโดยชอบ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6218/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเช็ค, การสลักหลัง, และการเป็นผู้ทรงเช็คโดยสุจริต
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท มีจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายแล้วมอบเช็คให้แก่ผู้มีชื่อ ต่อมาผู้มีชื่อสลักหลังและส่งมอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ เมื่อเช็คถึงกำหนด ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับใช้เงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย ดังนี้เป็นการบรรยายโดยแจ้งชัด ซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาส่วนที่จำเลยจะมอบเช็คพิพาทแก่ใครเมื่อใดและผู้มีชื่อเป็นใครมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เมื่อใดนั้นเป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาต่อไป ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม เช็คพิพาทไม่ได้ลงวันออกเช็ค โจทก์รับสลักหลังด้วยการเข้าใช้เงินและรับเช็คพิพาทมาเมื่อต้นปี 2530 และลงวันที่ 19 พฤษภาคม2530 ในเช็คพิพาทเป็นกรณีที่โจทก์ในฐานะผู้ทรงทำการโดยสุจริตจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงในเช็คพิพาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 910วรรคห้า ประกอบด้วยมาตรา 989 ดังนี้ อายุความฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่าย1 ปี นับแต่วันที่ลงในเช็ค เช็คระบุชื่อผู้รับเงินย่อมโอนให้กันได้ด้วยการสลักหลังและการสลักหลังย่อมสมบูรณ์แม้ทั้งมิได้ระบุชื่อผู้รับประโยชน์ไว้ด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 919 ประกอบด้วยมาตรา 989 ดังนั้นการที่ผู้สลักหลังมิได้ระบุชื่อโอนให้แก่ใครก็มีผลสมบูรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4707/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้ใช้เงินได้ ผู้ทรงเช็คมีอำนาจฟ้อง แม้จะมีการชำระหนี้แล้ว ความผิดต่างกรรมต่างวาระ
โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทในขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายย่อมมีอำนาจที่จะนำเช็คพิพาทมาฟ้องดำเนินคดีแก่จำเลยผู้ออกเช็คพิพาทได้ หลังจากโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องคดีแล้ว ส.ได้ชำระเงินตามเช็คพิพาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์นั้นเป็นกรณีที่ความรับผิดในส่วนแพ่งเกี่ยวกับเช็คพิพาทที่มีต่อโจทก์ระงับไปเท่านั้นคดีอาญาหายกเลิกไปไม่ โจทก์ยังคงเป็นผู้เสียหายในส่วนอาญาอยู่ จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทโดยประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยที่ 2ที่ 3 ออกเช็คพิพาทในฐานะส่วนตัวต่างหากจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2ที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาท เมื่อเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงมีความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับ จำเลยที่ 2 ที่ 3 อาจมีเจตนาใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกกันได้ ความผิดสำหรับเช็คแต่ละฉบับจึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน หาใช่เป็นความผิดกรรมเดียวกันไม่