คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้เช่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมเกิดขึ้นไม่ได้สำหรับผู้เช่า แม้ใช้ทางต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี สิทธิเกิดเฉพาะเจ้าของที่ดินเท่านั้น
ภารจำยอมเป็นทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของสามยทรัพย์ การสื่อสารแห่งประเทศไทยจำเลยซึ่งเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินของกระทรวงการคลังเป็นที่ตั้งที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขได้ใช้ทางพิพาทในที่ดินของโจทก์ขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์เข้าออก มิได้เป็นการใช้แทนหรือทำในนามหรือเพื่อประโยชน์ของกระทรวงการคลังอันจะก่อให้เกิดภารจำยอมแก่สามยทรัพย์ แม้จะใช้มาเป็นเวลา 10 ปีเศษก็ไม่ก่อให้เกิดภารจำยอม จำเลยจะอ้างสิทธิว่าได้ใช้ทางพิพาทจนได้ภารจำยอมแก่กระทรวงการคลังเจ้าของที่ดินผู้ให้เช่าแล้วไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมเกิดเฉพาะเจ้าของสามยทรัพย์ ผู้เช่าไม่อาจอ้างสิทธิได้ แม้ใช้ทางเกิน 10 ปี
ภารจำยอมเป็นทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของสามยทรัพย์การใช้ทางพิพาทขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ของจำเลยที่1ซึ่งเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินของกระทรวงการคลังมิได้เป็นการใช้แทนหรือทำในนามหรือเพื่อประโยชน์ของกระทรวงการคลังอันจะก่อให้เกิดภารจำยอมในสามยทรัพย์แม้จะใช้มาเป็นเวลา10ปีเศษก็หาก่อให้เกิดภารจำยอมไม่จำเลยที่1ผู้เช่าจึงไม่อาจอ้างสิทธิว่าได้ใช้ทางพิพาทจนได้ภารจำยอมแก่กระทรวงการคลังเจ้าของที่ดินผู้ให้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมมิอาจเกิดแก่ผู้เช่า การใช้ทางเพื่อประโยชน์ตนเองไม่สร้างภารจำยอมแก่เจ้าของที่ดิน
จำเลยที่2ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยที่2รับผิดต่อโจทก์ทั้งสี่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นโดยไม่มีรายละเอียดว่านอกฟ้องนอกประเด็นอย่างไรจึงไม่เป็นฎีกาที่ชัดแจ้งทั้งปรากฏว่าศาลอุทธรณ์เห็นชอบกับศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยที่2ไม่มีอะไรให้จำเลยที่2ต้องรับผิดต่อโจทก์อันจะต้องโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่เป็นฎีกาที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัย ภาระจำยอมเป็นทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของสามยทรัพย์การใช้ทางพิพาทขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ของจำเลยที่1ซึ่งเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินของกระทรวงการคลังเท่านั้นมิได้เป็นการใช้แทนหรือทำในนามหรือเพื่อประโยชน์ของกระทรวงการคลังอันจะก่อให้เกิดภาระจำยอมในสามยทรัพย์การใช้ทางพิพาทของจำเลยที่1จึงไม่เกิดภารจำยอมแม้จะใช้มาเป็นเวลา10ปีเศษจำเลยที่1ผู้เช่าจะอ้างสิทธิว่าได้ใช้ทางพิพาทจนได้ภารจำยอมแก่เจ้าของที่ดินผู้ให้เช่าหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6452/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขับไล่ผู้เช่า: ค่าเช่าไม่เกิน 2,000 บาท ห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริง และเจ้าของรวมมีอำนาจฟ้อง
การพิจารณาว่าคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้หรือไม่ ต้องถือตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง กล่าวคือหากมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท ก็ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง โดยถือเอาค่าเช่าจริง ๆ ที่ตกลงกันไว้ในสัญญา ส่วนที่จะฟังว่าอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาทนั้น เป็นเรื่องการฟ้องผู้อาศัยหรือบุคคลอื่นซึ่งมิได้กำหนดค่าเช่ากันไว้ คดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าให้ออกจากตึกแถวพิพาท และตามสัญญาเช่ากำหนดค่าเช่าไว้ในอัตราเดือนละ 100 บาท ซึ่งไม่เกินเดือนละสองพันบาท จึงต้องห้ามคู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามบทบัญญัติดังกล่าว ส่วนที่โจทก์ฟ้องว่าหากนำตึกแถวและที่ดินไปปรับปรุงแล้วนำออกให้เช่าจะได้ค่าเช่าไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 บาท และศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจะได้ค่าเช่าประมาณอัตราเดือนละ 4,000 บาท นั้น เป็นการกำหนดค่าเสียหายในอนาคตอันเป็นส่วนหนึ่งของการฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวพิพาทเท่านั้น จะนำมาเป็นเกณฑ์พิจารณาคดีต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสองไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1359 เมื่อมีบุคคลภายนอกมายุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าของรวมคนใดคนหนึ่งอาจฟ้องร้องว่ากล่าวหรือต่อสู้คดีโดยลำพังได้ดังนั้น เมื่อโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของรวมในตึกแถวพิพาทที่ให้จำเลยเช่าไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไป โจทก์ที่ 1 ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้ แม้จำเลยจะไม่ได้ทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทจากโจทก์ที่ 1ก็ตาม แต่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าช่วงตึกแถวพิพาทจากโจทก์ที่ 2ย่อมต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าเดิมคือโจทก์ที่ 1 โดยตรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 545 ดังนั้น เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดและโจทก์ทั้งสองบอกกล่าวให้จำเลยออกไปจากตึกแถวพิพาทแล้วจำเลยก็มีหน้าที่ต้องส่งคืนตึกแถวพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสองการที่จำเลยยังคงครอบครองตึกแถวพิพาทต่อไปอีกย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสอง ทำให้โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทไม่อาจใช้ประโยชน์จากตึกแถวพิพาทได้และโจทก์ที่ 2ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยไม่สามารถส่งคืนตึกแถวพิพาทให้แก่โจทก์ที่ 1 ได้ ฟ้องโจทก์ได้แสดงให้เห็นอยู่ในตัวแล้วว่าโจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายอย่างไร เป็นฟ้องที่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสองแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3785-3789/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาเช่า: การที่โจทก์ไม่ได้รับค่าเช่าจากผู้เช่าที่วางทรัพย์มีเงื่อนไข ไม่ใช่ความผิดจำเลย
โจทก์ได้ยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าผู้เช่าทั้งห้ารายนำเงินค่าเช่าไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดีทำให้โจทก์ไม่สามารถรับเงินค่าเช่าที่วางไว้ได้ ข้ออ้างของโจทก์ดังกล่าวเกิดจากการที่ผู้เช่าทั้งห้ารายทำสัญญาเช่ากับโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่ากลับนำเงินค่าเช่าไปวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์กลางโดยกำหนดเงื่อนไขเพื่อจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ที่แท้จริงตามคำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งเป็นการกระทำของผู้เช่าทั้งห้ารายไม่ใช่การกระทำของจำเลย การที่โจทก์ไม่สามารถรับเงินค่าเช่าได้เพราะมีเงื่อนไขดังกล่าวที่ผู้เช่าทั้งห้ารายกำหนดไว้ มิใช่เพราะจำเลยไปคัดค้านการขอรับเงินค่าเช่าของโจทก์แต่อย่างใด ทั้งจำเลยได้ทำสัญญาเช่ากับผู้เช่าทั้งห้ารายมาก่อนการวางทรัพย์ จำเลยไม่ได้กระทำละเมิดหรือโต้แย้งสิทธิโจทก์ อันเป็นเหตุให้โจทก์รับเงินค่าเช่าจากสำนักงานวางทรัพย์กลางไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3785-3789/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องจำเลย กรณีผู้เช่าวางทรัพย์เพื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ที่แท้จริง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ได้ยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าผู้เช่าทั้งห้ารายนำเงินค่าเช่าไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลางกรมบังคับคดีทำให้โจทก์ไม่สามารถรับเงินค่าเช่าที่วางไว้ได้ข้ออ้างของโจทก์ดังกล่าวเกิดจากการที่ผู้เช่าทั้งห้ารายทำสัญญาเช่ากับโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่ากลับนำเงินค่าเช่าไปวางณสำนักงานวางทรัพย์กลางโดยกำหนดเงื่อนไขเพื่อจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ที่แท้จริงตามคำพิพากษาถึงที่สุดซึ่งเป็นการกระทำของผู้เช่าทั้งห้ารายไม่ใช่การกระทำของจำเลยการที่โจทก์ไม่สามารถรับเงินค่าเช่าได้เพราะมีเงื่อนไขดังกล่าวที่ผู้เช่าทั้งห้ารายกำหนดไว้มิใช่เพราะจำเลยไปคัดค้านการขอรับเงินค่าเช่าของโจทก์แต่อย่างใดทั้งจำเลยได้ทำสัญญาเช่ากับผู้เช่าทั้งห้ารายมาก่อนการวางทรัพย์จำเลยไม่ได้กระทำละเมิดหรือโต้แย้งสิทธิโจทก์อันเป็นเหตุให้โจทก์รับเงินค่าเช่าจากสำนักงานวางทรัพย์กลางไม่ได้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3785-3789/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องจำเลย กรณีผู้เช่าวางทรัพย์เพื่อชำระหนี้เจ้าหนี้อื่น โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ได้ยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าผู้เช่าทั้งห้ารายนำเงินค่าเช่าไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลางกรมบังคับคดีทำให้โจทก์ไม่สามารถรับเงินค่าเช่าที่วางไว้ได้ข้ออ้างของโจทก์ดังกล่าวเกิดจากการที่ผู้เช่าทั้งห้ารายทำสัญญาเช่ากับโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่ากลับนำเงินค่าเช่าไปวางณสำนักงานวางทรัพย์กลางโดยกำหนดเงื่อนไขเพื่อจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ที่แท้จริงตามคำพิพากษาถึงที่สุดซึ่งเป็นการกระทำของผู้เช่าทั้งห้ารายไม่ใช่การกระทำของจำเลยการที่โจทก์ไม่สามารถรับเงินค่าเช่าได้เพราะมีเงื่อนไขดังกล่าวที่ผู้เช่าทั้งห้ารายกำหนดไว้มิใช่เพราะจำเลยไปคัดค้านการขอรับเงินค่าเช่าของโจทก์แต่อย่างใดทั้งจำเลยได้ทำสัญญาเช่ากับผู้เช่าทั้งห้ารายมาก่อนการวางทรัพย์จำเลยไม่ได้กระทำละเมิดหรือโต้แย้งสิทธิโจทก์อันเป็นเหตุให้โจทก์รับเงินค่าเช่าจากสำนักงานวางทรัพย์กลางไม่ได้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3508/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะผู้เช่าช่วงและการขับไล่: การยินยอมให้เช่าช่วงทำให้ผู้เช่าช่วงมีสิทธิ
คำร้องของผู้ร้องกล่าวอ้างว่า โจทก์อนุญาตให้จำเลยต่อเติมตึกแถวและให้จำเลยนำไปให้ผู้อื่นเช่าภายในกำหนดสัญญาเช่าเดิมระหว่างโจทก์และจำเลย ต่อมาผู้ร้องได้เช่าตึกแถวพิพาทจากจำเลย โดยผู้ร้องได้ช่วยออกเงินช่วยก่อสร้างให้แก่จำเลยเป็นเงิน 100,000 บาท เท่ากับผู้ร้องกล่าวอ้างว่าโจทก์ยินยอมให้จำเลยนำตึกแถวพิพาทบางส่วนไปให้ผู้อื่นเช่าช่วง ข้ออ้างของผู้ร้องเช่นนี้หากไต่สวนได้ความจริงฐานะของผู้ร้องย่อมเป็นผู้เช่าช่วงตึกแถวโดยชอบ โจทก์ย่อมไม่อาจขับไล่ผู้ร้องในฐานะบริวารของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3071/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีขับไล่ผู้เช่านาต้องเป็นไปตามเงื่อนไขพ.ร.บ.เช่าที่ดินฯ หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก่อนฟ้อง ถือไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยเป็นผู้เช่านาตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524เมื่อโจทก์รับโอนที่ดินแปลงดังกล่าวจึงต้องรับโอนทั้งสิทธิและหน้าที่แม้คชก.จังหวัดจะวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีสิทธิซื้อที่ดินดังกล่าวจากโจทก์และถึงที่สุดแล้วก็ตามแต่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเลิกทำนาหรือขับไล่จำเลยโดยมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯก่อนโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3071/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีขับไล่ผู้เช่านา: ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.เช่าที่ดินฯ ก่อนฟ้อง
โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินจะฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่านาเลิกทำนาหรือขับไล่จำเลยได้ก็ต่อเมื่อได้ปฎิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524กรณีสิ้นระยะเวลาการเช่านาแล้วและผู้ให้เช่านาใช้สิทธิบอกเลิกการเช่านาตามมาตรา37กรณีหนึ่งหรือกรณีผู้ให้เช่านาใช้สิทธิบอกเลิกการเช่านาก่อนสิ้นกำหนดระยะเวลาการเช่านาตามมาตรา31อีกกรณีหนึ่งทั้งสองกรณีดังกล่าวอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคชก.ตำบลจะวินิจฉัยซึ่งคำวินิจฉัยคชก.ตำบลอาจอุทธรณ์ไปยังคชก.จังหวัดและศาลได้ตามมาตรา56และมาตรา57ตามลำดับเมื่อคชก.จังหวัดวินิจฉัยถึงที่สุดว่าจำเลยไม่มีสิทธิที่ดินพิพาทคืนจากโจทก์เพราะมิได้ใช้สิทธิขอซื้อคืนภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้วโจทก์ก็มาฟ้องขอให้จำเลยเลิกทำนาโดยมิได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามกรณีดังกล่าวโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
of 59