พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4525/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับคำร้องสอดและการพิจารณาคดีใหม่เมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้รับคำร้องสอด
ศาลฎีกาพิพากษาให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความในคดีได้แล้วผู้ร้องสอดย่อมมีสิทธิเสมือนหนึ่งว่าตนได้ฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ การพิจารณาพิพากษาคดีจึงต้องกระทำโดยมีคู่ความทั้งสามฝ่าย การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาพิพากษาคดีไปโดยไม่มีผู้ร้องสอดเข้ามาในคดี เป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาศาลฎีกามีอำนาจสั่งยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง แล้วให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้ ในกรณีที่ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง แล้วให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(2) นั้น ศาลฎีกามีอำนาจสั่งคืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และฎีกาที่เสียมาทั้งหมดให้แก่คู่ความ ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4357/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยขาดนัด – เหตุผลสมควร & การอ้างหลักฐานใหม่
คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยอ้างว่า ถ้าจำเลยนำพยานมาสืบจะทำให้จำเลยชนะคดี เนื่องจากโจทก์ย้ายไปอยู่ที่อื่นโจทก์ไม่ฟ้องคดีภายในอายุความ โจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองที่พิพาทโจทก์ได้ขายที่พิพาทให้จำเลยแล้ว โจทก์ได้เช่าที่นาของจำเลยทำกินซึ่งมีความหมายอยู่ในตัวว่าถ้ามีการพิจารณาใหม่จำเลยจะชนะคดีเป็นคำขอที่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้ว เหตุที่จำเลยอ้างว่าจำเลยขาดนัดเพราะติดต่อหาทนายความไม่ได้และเมื่อหาทนายความได้แล้วทนายความก็ติดว่าความคดีอื่นในวันนัดถึง 3 คดี จึงยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีไม่ทันนั้น แม้จะไต่สวนได้ความจริงเช่นนั้น ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความบกพร่องของทนายจำเลยและการขาดนัดพิจารณาคดีโดยจงใจ ศาลไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่
แม้ในวันนัดสืบพยานโจทก์ อัยการในฐานะทนายจำเลยได้ไปป่วยท้องเดินอยู่ที่จังหวัดอื่น แต่ปรากฏว่าทนายจำเลยไม่ได้คิดเรื่องงานเลย ไม่ได้โทรศัพท์สอบถามไปยังตัวความหรือผู้บังคับบัญชาทั้งเมื่อกลับมาทราบว่าศาลได้พิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวแล้วก็กลับปล่อยเวลาล่วงเลยไปถึง 25 วัน จึงมายื่นขอพิจารณาคดีใหม่ ดังนี้เป็นการไม่เอาใจใส่ในหน้าที่และเป็นความบกพร่องของทนายจำเลยเอง กรณีนี้จึงต้องถือว่าการขาดนัดพิจารณาของจำเลยเป็นไปโดยจงใจ และไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2152/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นกำหนด 6 เดือนในการขอพิจารณาคดีใหม่: เฉพาะจำเลยที่ถูกบังคับคดี
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก ตอนท้ายที่ห้ามมิให้ยื่นคำขอพิจารณาคดีใหม่ เมื่อพ้นกำหนด 6 เดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่นนั้น หมายถึงเฉพาะจำเลยที่ถูกยึดทรัพย์หรือจำเลยที่ถูกบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 1เป็นผู้ที่ถูกยึดทรัพย์ แต่จำเลยที่ 3 ไม่เคยถูกยึดทรัพย์หรือมีการบังคับคดีมาก่อน ข้อกำหนด 6 เดือนจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงขอให้พิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทขอพิจารณาคดีใหม่หลังจำเลยเสียชีวิต แม้ศาลตัดสินแล้ว คดีไม่ถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยการขาดนัด หากจำเลยไม่มรณะก็ย่อมมีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุดตามมาตรา 147 การขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะตามมาตรา 42 และ 43 นั้น หากคู่ความมรณะภายหลังศาลพิพากษาคดีแล้วก็ไม่มีกรณีที่จะต้องเลื่อนการนั่งพิจารณาในระหว่างนี้หากคดียังไม่ถึงที่สุดทายาทของผู้มรณะก็ยังคงมีสิทธิขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะได้มิใช่ว่าเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วสิทธิขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะสิ้นไปด้วย คดีนี้โจทก์ฟ้องขอมีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินร่วมกับจำเลยหากทรัพย์สินที่โจทก์ฟ้องขอมีชื่อเป็นเจ้าของร่วมเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว ทรัพย์สินดังกล่าวทั้งหมดย่อมเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทของจำเลย จึงเป็นกรณีสิทธิในทรัพย์สินมิใช่สิทธิเฉพาะตัว ผู้ร้องอ้างว่าเป็นทายาทของจำเลยร้องขอเข้ามาแทนที่จำเลยเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ ผู้ร้องคัดค้านในคำร้องขอพิจารณาใหม่ว่า ศาลได้พิพากษาคดีไปฝ่ายเดียวโดยจำเลยไม่ทราบ ต่อมาจำเลยถูกฆ่าตาย ผู้ร้องเพิ่งทราบว่าจำเลยถูกโจทก์ฟ้อง ซึ่งหากศาลได้ให้โอกาส ผู้ร้องในการเสนอพยานหลักฐานเพื่อหักล้างคำพยานโจทก์แล้ว คดีย่อมฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทครึ่งหนึ่ง เป็นการคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่าไม่ถูกต้อง อย่างไร หากพิจารณาใหม่แล้วศาลอาจพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างไป จากที่ได้พิพากษาไปแล้ว คำร้องขอพิจารณาใหม่จึงชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ในคดีล้มละลาย: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ใช้ดุลพินิจชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้ตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ซึ่งศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาโดยจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จำเลยยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาคดีใหม่หรืออนุญาตให้จำเลยดำเนินการเองเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นโต้แย้งการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 146 ชั้นนี้เป็นเรื่องระหว่างจำเลยกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และโจทก์ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีส่วนนี้ ไม่จำเป็นต้องส่งสำเนาฎีกาของจำเลยให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่: ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงถูกต้องและคดีมีทุนทรัพย์น้อยกว่าสองหมื่นบาท จึงไม่อุทธรณ์ได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำร้องบรรยายว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยชอบ อ้างเหตุว่าไม่ทราบ อ่านหนังสือไม่ออกไม่เป็นเหตุให้พิจารณาใหม่ได้นั้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยโดยอาศัยข้อเท็จจริง เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาท จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 ส่วนที่ฎีกาว่าคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ได้กล่าวไว้โดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้วนั้น แม้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นข้อกฎหมาย แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติแล้วว่าไม่มีเหตุที่จะพิจารณาคดีใหม่ ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งคำบังคับตามคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ และกำหนดเวลาการยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ในคดีล้มละลาย
ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2531 ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหมายเรียกไปยังจำเลยทั้งสองเพื่อให้ไปให้การเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สิน โดยปิดหมายดังกล่าวที่ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 ที่ 2เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2531 และวันที่ 21 กรกฎาคม 2531 ตามลำดับในหมายเรียกระบุชัดว่า จำเลยทั้งสองถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดถือได้ว่าเป็นการส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลยทั้งสองในวันดังกล่าวโดยชอบแล้ว จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2531 เกินกำหนด 15 วันล่วงพ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ย่อมไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6405/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีแพ่งเนื่องจากคดีล้มละลาย และการขอพิจารณาคดีใหม่
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำเลยร้องขอพิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในอีกคดีหนึ่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้เข้ามาว่าคดีแทนจำเลยศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีโดยมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ในคดีล้มละลาย ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีล้มละลายใหม่ มีผลให้คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นอันเพิกถอนไปในตัว ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 209ประกอบด้วย พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 จำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป ศาลฎีกายังไม่มีอำนาจวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ขอให้ศาลฎีกาสั่งศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6405/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากล้มละลายและการขอพิจารณาคดีใหม่ ศาลฎีกาไม่มีอำนาจรับฎีกา
ศาลชั้นต้นยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ให้จำหน่ายคดีเนื่องจากจำเลยถูกฟ้องล้มละลายและศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ต่อมาศาลแพ่งอนุญาตให้พิจารณาคดีล้มละลายใหม่ คำสั่งพิทักษ์เด็ดขาดเป็นอันเพิกถอนไปในตัวตาม ป.วิ.พ. มาตรา 209 ประกอบด้วย พระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 153 จำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป การที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่ ศาลฎีกายังไม่มีอำนาจรับฎีกาจำเลยไว้วินิจฉัย พิพากษายกฎีกาจำเลย