พบผลลัพธ์ทั้งหมด 94 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1722/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต การพิจารณา 'โรงงาน' ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
จำเลยทำการแปรรูปไม้ที่ในสวนกล้วย โดยตั้งเป็นโรง 2 ห้อง ทำค้างเลื่อยให้คนเลื่อยไม่ได้ 4 คู่ ทำการเลื่อยไม้แล้วเป็นอันมาก ที่ส่งออกไปที่อื่นเจ้าพนักงานจับได้เป็นไม้กระดาน 103 แผ่น ยังมีปึกไม้อยู่ตามบริเวณโรงงานอีกกว่า 200 แผ่น ไม้เหลี่ยม 6 เหลี่ยม ไม้สักกว่า 20 ท่อน ดังนี้ ต้องถือว่าที่ทำการเลื่อยไม้ของจำเลยเป็น " โรงงานแปรรูปไม้ " ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 4 (13) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีไม้หวงห้าม: ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 69 ต้องระวางโทษปรับหรือจำคุก มีอายุความ 5 ปี
มีไว้ในครอบครองซึ่งไม่หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปทั้งมิได้มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับไว้ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 69 ข้างท้าย อันมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ฯลฯ นั้น การฟ้องคดีอยู่ในอายุความ 5 ปีตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 78 (3) มิใช่มาตรา 78 (4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด และการตั้งโรงค้าไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ไม้ของกลางในคดีเกี่ยวแก่ตั้งโรงค้าไม้แปรรูป และมีไม้แปรรูปเป็นจำนวนเกิน 0.20 เมตรลูกบาศก์ไว้ในครอบครองไม่ได้รับอนุญาตเป็นของต้องริบ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้สักแปรรูปกลายเป็นล้อเกวียนแล้ว ไม่ถือเป็นไม้แปรรูปตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ไม้สักได้กลายสภาพเป็นสิ่งของ คือล้อเกวียนไปแล้ว จึงไม่ใช่ไม้แปรรูปตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ 2484 มาตรา 4 (4)
โจทก์ฎีกาว่า วงล้อของกลางหามีเครื่องประกอบพร้อมทุกอย่างอันจะเรียกว่าวงล้อตามความหมายที่เข้าใจกันไม่ จึงยังไม่กลายสภาพมาเป็นสิ่งของ คือล้อเกวียน ดังนี้ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง จึงต้องห้าม
โจทก์ฎีกาว่า วงล้อของกลางหามีเครื่องประกอบพร้อมทุกอย่างอันจะเรียกว่าวงล้อตามความหมายที่เข้าใจกันไม่ จึงยังไม่กลายสภาพมาเป็นสิ่งของ คือล้อเกวียน ดังนี้ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง จึงต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1518/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีซุงแปรรูปโดยชอบด้วยกฎหมาย: ข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484
จำเลยซื้อซุงเหลี่ยมเนื้อไม้ 2.90 เมตรลูกบาศก์จากผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ตัดพันไม้ซึ่งผู้ขายเลื่อยปีกทำเป็นซุงเหลี่ยมก่อนเคลื่อนที่จากที่ทำไม้ การกระทำของผู้ขายเข้าข้อยกเว้นไม่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามมาตรา 50 ข้อ 1 พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 การที่จำเลยมีซุงเหลี่ยมรายนี้ไว้ในครอบครอง จึงไม่มีผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบไม้แปรรูปที่ได้มาจากการกระทำผิดพ.ร.บ.ป่าไม้ ศาลพิพากษาริบทั้งหมด ไม่จำกัดปริมาณ
ไม่ที่จำเลยมีไว้หรือได้มาเนื่องจากการกะทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้นั้น สาลริบได้ และริบทั้งหมด ไม่ไช่ฉเพาะที่เกิน 0.20 เมตรลูกบาตร
อ้างดีกาที่ 178/2486
อ้างดีกาที่ 178/2486
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบไม้จากการกระทำผิดพ.ร.บ.ป่าไม้ ศาลริบได้ทั้งหมด ไม่จำกัดปริมาณ
ไม้ที่จำเลยมีไว้หรือได้มาเนื่องจากการกระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้นั้นศาลริบได้ และริบทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะที่เกิน 0.20 เมตรลูกบาศก์ (อ้างฎีกาที่178/2486)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5861/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ จากประกาศ คสช. และการพิจารณาความผิดหลายกรรมต่างกัน กรณีไม้พะยูง
คดีนี้ โจทก์อุทธรณ์ว่า ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 106/2557 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2557 ซึ่งได้ประกาศและให้มีผลบังคับใช้ทันทีตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2557 เป็นต้นไป ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 7 และมาตรา 48 ความในวรรคสองของมาตรา 69 และมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และความในลำดับที่ 53 ในช่องประเภท ก. ไม้หวงห้ามธรรมดาของบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ.2530 และให้ใช้บทบัญญัติตามความในวรรคหนึ่งของมาตรา 7 และมาตรา 48 ความในวรรคสองของมาตรา 69 และมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ที่แก้ไขใหม่ มีผลให้ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับไม้พะยูงตามฟ้อง ฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป นับตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2557 เป็นต้นไป ต้องถูกลงโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 7 วรรคหนึ่ง, 48 วรรคหนึ่ง, 69 วรรคสอง (1), 73 วรรคสอง (1) ซึ่งความผิดทั้งสองฐานต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสองล้านบาท ที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง, 69 วรรคหนึ่ง, 73 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทบัญญัติเดิม และพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป ให้จำคุกกระทงละ 3 เดือน และปรับกระทงละ 5,000 บาท จึงเป็นโทษที่ต่ำกว่าอัตราโทษตามกฎหมายที่ใช้บังคับขณะกระทำความผิด ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยโดยปรับบทลงโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 7 วรรคหนึ่ง, 48 วรรคหนึ่ง, 69 วรรคสอง (1), 73 วรรคสอง (1) ที่แก้ไขเพิ่มเติมตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 106/2557 โดยไม่รอการลงโทษแก่จำเลย อันเป็นการอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ปรับบทกฎหมายและลงโทษจำเลยตามฟ้องเสียใหม่ให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 7 วรรคหนึ่ง, 48 วรรคหนึ่ง, 69 วรรคสอง (1), 73 วรรคสอง (1) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะกระทำความผิด และมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสองล้านบาท สูงกว่าระวางโทษตามบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ย่อมถือได้ว่าโจทก์อุทธรณ์ในทำนองขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยแล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 4 จึงชอบที่จะพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยได้
การที่จำเลยมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและการที่จำเลยมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป ลักษณะความผิดในแต่ละข้อหาอาศัยเจตนาในการกระทำความผิดแตกต่างแยกจากกันได้ จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ไม้พะยูงของกลางเป็นไม้หวงห้ามที่มีราคาแพงมีความต้องการในตลาดสูง แม้มีจำนวนไม่มากแต่ก็เป็นการทำลายทรัพยากรที่สำคัญของประเทศ เป็นเหตุให้สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติถูกทำลาย ประกอบกับปัจจุบันปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนมีมากมีผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกจำเลย
การที่จำเลยมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและการที่จำเลยมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป ลักษณะความผิดในแต่ละข้อหาอาศัยเจตนาในการกระทำความผิดแตกต่างแยกจากกันได้ จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ไม้พะยูงของกลางเป็นไม้หวงห้ามที่มีราคาแพงมีความต้องการในตลาดสูง แม้มีจำนวนไม่มากแต่ก็เป็นการทำลายทรัพยากรที่สำคัญของประเทศ เป็นเหตุให้สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติถูกทำลาย ประกอบกับปัจจุบันปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนมีมากมีผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13933/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินไม่มีเอกสิทธิ ครอบครองก่อนกฎหมายใช้บังคับ เป็นป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ การเข้ายึดถือครอบครองเป็นความผิด
ที่ดินเกิดเหตุไม่มีเอกสารสิทธิในที่ดินใด ๆ และไม่มีการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ จึงเป็นที่ดินที่ยังมิได้มีบุคคลได้มาตามกฎหมายที่ดิน และเป็นป่าตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4 (1) ที่บัญญัติว่า "ป่า" หมายความว่า ที่ดินที่ยังมิได้มีบุคคลได้มาตามกฎหมายที่ดิน
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 เพราะที่ดินเกิดเหตุเป็นป่า ไม่ใช่ให้รับผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 เพราะที่ดินเกิดเหตุเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ความเป็นป่าหรือความเป็นป่าสงวนแห่งชาติก็ต่างกันไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายคนละฉบับ ดังนั้น ไม่ว่าจะมีการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ โดยผลแห่ง พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มาตรา 26 (4) หรือไม่ก็ตาม หามีผลให้ที่ดินเกิดเหตุพ้นสภาพความเป็นป่าไปด้วยไม่
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 เพราะที่ดินเกิดเหตุเป็นป่า ไม่ใช่ให้รับผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 เพราะที่ดินเกิดเหตุเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ความเป็นป่าหรือความเป็นป่าสงวนแห่งชาติก็ต่างกันไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายคนละฉบับ ดังนั้น ไม่ว่าจะมีการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ โดยผลแห่ง พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มาตรา 26 (4) หรือไม่ก็ตาม หามีผลให้ที่ดินเกิดเหตุพ้นสภาพความเป็นป่าไปด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6611/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ถือเป็นไม้หวงห้ามตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 7 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ไม้สักและไม้ยางทั่วไปในราชอาณาจักรไม่ว่าจะขึ้นอยู่ในที่ใดเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม้ชนิดอื่นในป่าจะให้เป็นไม้หวงห้ามประเภทใด ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา" ดังนั้นไม้ยางที่เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. จะต้องเป็นไม้ยางที่ขึ้นอยู่ในราชอาณาจักร ส่วนไม้เต็งและไม้แดงซึ่งเป็นไม้อื่นจะเป็นไม้หวงห้ามก็จะต้องเป็นไม้ในป่า ซึ่งตามนิยามคำว่า "ป่า" ในมาตรา 4(1) ให้หมายความว่า ที่ดินที่ยังมิได้มีบุคคลได้มาตามกฎหมายที่ดิน จึงต้องแปลความว่าไม้เต็งและไม้แดงจะเป็นไม้หวงห้ามต้องเป็นไม้ในราชอาณาจักร คดีนี้ไม้ยางไม้เต็งและไม้แดงของกลางมิได้เป็นไม้ในราชอาณาจักร แต่เป็นไม้ที่นำเข้าจากประเทศสหภาพพม่า จึงไม่ใช่ไม้หวงห้าม ดังนั้น แม้จำเลยจะมีไม้แปรรูปของกลางไว้ในครอบครอง การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 48 แต่อย่างใด เพราะกรณีต้องด้วยข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 50 (4) ที่บัญญัติว่า บทบัญญัติมาตรา 48 มิให้ใช้บังคับในกรณีมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองที่มิใช่ไม้หวงห้าม ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225