คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 823 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6022/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากทำร้ายร่างกายเป็นเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้ การฟ้องต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่1และที่3ร่วมกันเป็นตัวการทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297,83ทางพิจารณาได้ความว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายเพราะมีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปโดยมีจำเลยที่1และที่3ร่วมอยู่ในที่ชุลมุนด้วยสาระสำคัญในการกระทำความผิดที่พิจารณาได้ความคือการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปแต่ตามฟ้องไม่มีข้อความตอนใดบรรยายถึงข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของความผิดฐานเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปอันเป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้รับอันตรายสาหัสซึ่งจะมีผลให้ลงโทษจำเลยที่1และที่3ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา299ได้ต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฎตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญจึงลงโทษจำเลยที่1และที่3ตามทางพิจารณาที่ได้ความไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 ของฟ้อง กรณีบรรยายเหตุประมาทชัดแจ้งเพียงพอ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ลูกจ้างโจทก์ได้ขับรถบรรทุกของโจทก์ออกจากห้องชั่งน้ำหนักมาจอดรอที่ไหล่ทางเพื่อออกสู่ถนนสายเลี่ยงเมือง ได้มีรถบรรทุกขับโดยจำเลยที่ 1 ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังว่ามีรถบรรทุกของโจทก์จอดรอเพื่อออกสู่ถนนสายเลี่ยงเมืองอยู่ เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนบริเวณด้านหน้าของรถบรรทุกของโจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นฟ้องที่ได้บรรยายถึงเหตุที่อ้างว่าจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อไว้ชัดแจ้งเพียงพอที่จะให้จำเลยที่ 2และที่ 3 เข้าใจได้แล้ว สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ ในขณะเกิดเหตุเป็นอย่างไรโจทก์อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณาฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนในการบรรยายฟ้องประมาทเลินเล่อเพียงพอให้จำเลยเข้าใจได้ ฟ้องชอบตามมาตรา 172
โจทก์บรรยายฟ้องว่าลูกจ้างโจทก์ได้ขับรถบรรทุกของโจทก์ออกจากห้องชั่งน้ำหนักมาจอดรอที่ไหล่ทางเพื่อออกสู่ถนนสายเลี่ยงเมือง ได้มีรถบรรทุกขับโดยจำเลยที่1ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังว่ามีรถบรรทุกของโจทก์จอดรอเพื่อออกสู่ถนนสายเลี่ยงเมืองอยู่เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนบริเวณด้านหน้าของรถบรรทุกของโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นฟ้องที่ได้บรรยายถึงเหตุที่อ้างว่าจำเลยที่1ประมาทเลินเล่อไว้ชัดแจ้งเพียงพอที่จะให้จำเลยที่2และที่3เข้าใจได้แล้วสำหรับรายละเอียดต่างๆในขณะเกิดเหตุเป็นอย่างไรโจทก์อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณาฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5230/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาเกินคำขอในฟ้อง: ศาลอุทธรณ์มิอาจกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์มิได้เรียกร้อง
โจทก์ฟ้องเรียกเอาค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระค่าติดตามยึดรถพิพาทและค่าซ่อมรถพิพาทโดยมิได้เรียกร้องเอาค่าขาดประโยชน์ในการที่จำเลยครอบครองรถพิพาทอยู่นับแต่วันที่จำเลยผิดนัดจนถึงวันที่โจทก์ติดตามยึดรถพิพาทคืนมาได้แต่อย่างใดแสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์เรียกค่าเสียหายในส่วนนี้จึงมิได้บรรยายฟ้องขอมาการที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยใช้ค่าประโยชน์ให้แก่โจทก์เดือนละ50,000บาทเป็นระยะเวลา7เดือนจึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าและนอกเหนือจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4263/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องผู้รับประกันภัย: เพียงพอหรือไม่เมื่อระบุความรับผิดชอบในบันทึกประจำวัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่1เป็นผู้ขับรถบรรทุกซึ่งได้ประกันภัยไว้กับจำเลยที่2ชนกับรถบรรทุกของโจทก์โดยประมาทเป็นเหตุให้รถบรรทุกของโจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยทั้งสองต้องร่วมรับผิดในความเสียหายดังกล่าวโดยจำเลยที่2ต้องรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยแม้ตามคำฟ้องจะมิได้กล่าวถึงนิติสัมพันธ์ระหว่างจำเลยที่1กับผู้เอาประกันภัยก็ตามแต่ในบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารท้ายคำฟ้องมีข้อความระบุว่าในเบื้องต้นผู้รับประกันภัยรถของทั้งสองฝ่ายมารับรู้โดยผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกซึ่งมีจำเลยที่1เป็นคนขับยินดีเป็นฝ่ายรับผิดชอบในค่าเสียหายเนื่องจากความประมาทของผู้ขับรถและนัดหมายให้ไปรับเงินกับจำเลยที่2เป็นการเพียงพอที่จะทำให้เข้าใจได้แล้วว่าโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่2รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยรถบรรทุกคันที่จำเลยที่2ได้รับประกันภัยจึงไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าจำเลยที่2ได้รับประกันภัยจากผู้ใดและผู้ใดเป็นผู้เอาประกันภัยหรือจำเลยที่1ผู้ขับรถบรรทุกคันที่ประกันภัยนั้นมีนิติสัมพันธ์อย่างใดกับผู้เอาประกันเพราะเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์สามารถจะนำสืบในชั้นพิจารณาต่อไปฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกค่าเบี้ยประกันภัย: รายละเอียดไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง, ประเด็นข้อหาต่างกันไม่เป็นฟ้องซ้อน, การยกข้อต่อสู้ในชั้นฎีกา
ในการฟ้องเรียกให้จำเลยที่ 1 ชำระเบี้ยประกันภัยที่จะต้องส่งมอบแก่โจทก์ตามสัญญาตัวแทน และให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันนั้น โจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่า รถยนต์ที่รับประกันภัยแต่ละคันราคาเท่าใด จำนวนเบี้ยประกันภัยแต่ละคันเป็นเงินเท่าใด เพราะเป็นรายละเอียดที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ไม่ทำให้ฟ้องเคลือบคลุม
คดีแรกโจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าเบี้ยประกันภัยที่จำเลยที่ 1 เก็บมาจากลูกค้าของโจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ใช้เงินตามเช็ค ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนเรียกเก็บเบี้ยประกันภัยจากลูกค้าของโจทก์แล้วไม่นำส่งให้โจทก์ เป็นการฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาตัวแทนไม่นำส่งเบี้ยประกันภัยที่เรียกเก็บจากลูกค้าให้โจทก์ สภาพแห่งข้อหาของทั้งสองคดีต่างกัน แม้มูลหนี้จะสืบเนื่องมาจากเบี้ยประกันภัยเช่นเดียวกันก็ตาม ฟ้องโจทก์คดีนี้ก็ไม่เป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อน
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบต้นฉบับเอกสาร ต้องห้ามมิให้รับฟัง จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยค้างส่งเบี้ยประกันภัยนั้น ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้ค้างส่งเบี้ยประกันภัยแก่โจทก์ตามฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ข้อนี้จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ประเด็นข้อนี้จึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยไม่มีสิทธิยกขึ้นในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3546/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีเช็คต้องระบุหนี้ที่จำเลยออกเช็คชำระว่ามีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย มิฉะนั้นฟ้องไม่ชอบ
ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4การออกเช็คที่จะเป็นความผิดนั้นจะต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายด้วยหนี้ตามเช็คจะมีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดแม้ว่าจำเลยจะสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้แก่ผู้ถือก็ตามโจทก์ก็จะต้องบรรยายว่าจำเลยได้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายด้วยเมื่อคำฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงจึงขาดองค์ประกอบของความผิดตามมาตรานี้คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2512/2539 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องเช็คและการออกเช็คโดยบุคคลอื่น การฟ้องตาม พ.ร.บ.เช็คไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำตามกฎหมายเป๊ะ
การบรรยายฟ้องตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 นั้น ไม่จำเป็นต้องใช้คำตามบทบัญญัติดังกล่าวทุกถ้อยคำ การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยลงชื่อสั่งจ่ายเช็คตามฟ้องมอบให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้า ย่อมพอเข้าใจได้ว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามสัญญาซื้อขายสินค้าและจำเลยสั่งจ่ายเช็คดังกล่าวเพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าตามสัญญาซื้อขายนั้นเป็นการบรรยายข้อเท็จจริงเพื่อแสดงว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายแล้ว เป็นคำฟ้องที่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)
ปัญหาที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยังไม่ได้วินิจฉัย เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรย่อมวินิจฉัยไปได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวน
รายการวันที่และจำนวนเงินที่ลงในเช็คนั้นจำเลยหาจำต้องเขียนลงไว้ในเช็คด้วยลายมือของจำเลยไม่ จำเลยอาจให้บุคคลอื่นเขียนหรือพิมพ์ข้อความดังกล่าวให้ก็ได้ หากข้อความถูกต้องตรงกับเจตนาของจำเลยในการออกเช็คนั้นและจำเลยลงลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายแล้วก็เป็นการออกเช็คที่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาตามฟ้อง: การส่งหมายที่ถูกต้อง แม้ไม่ตรงกับทะเบียนบ้าน
แม้ภูมิลำเนาของจำเลยตามที่โจทก์ระบุในฟ้องจะมิใช่ภูมิลำเนาของจำเลยตามที่ปรากฏในสำเนาทะเบียนบ้าน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลนำหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลยโดยวิธีปิดหมายตามที่อยู่ที่โจทก์ระบุในคำฟ้อง จำเลยก็แต่งทนายความให้ไปศาลแทน หลังจากนั้นจำเลยไม่เคยโต้แย้งว่าที่อยู่ตามฟ้องไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลย เพิ่งจะโต้แย้งในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาถือได้ว่าภูมิลำเนาตามฟ้องเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลย การส่งหมายที่ภูมิลำเนาตามฟ้องจึงเป็นการส่งโดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานขู่เข็ญ: โจทก์ต้องระบุรายละเอียดการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยจ้องปืนเล็งจะยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า มิได้บรรยายว่าจำเลยใช้อาวุธปืนจ้องเล็งยิงผู้เสียหายจนทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวหรือตกใจในการขู่เข็ญอีกทั้งคำขอท้ายฟ้องก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 292 ไว้ด้วย จึงถือว่าโจทก์ไม่มีความประสงค์ให้ลงโทษ ศาลจะลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวไม่ได้
of 83