คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องเคลือบคลุม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 411 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3911/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องอาญาทำร้ายร่างกาย: การบรรยายฟ้องถึงพวกของผู้กระทำผิดและรายละเอียดการทำร้าย ไม่ถือว่าฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กับพวกฝ่ายหนึ่ง และจำเลยที่ 2และที่ 3 กับพวกอีกฝ่ายหนึ่ง ได้สมัครใจทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันโดยจำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันใช้มีดปลายแหลมและท่อนไม้เป็นอาวุธแทงฟันและตีกับใช้กำลังกายชกต่อยเตะทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2 และที่ 3กับพวกหลายครั้ง ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกร่วมกันใช้เก้าอี้นั่งและเหล็กแป๊บเป็นอาวุธตี และใช้กำลังกายชกต่อยเตะทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 1 กับพวกหลายครั้งเช่นกัน ย่อมแสดงว่าจำเลยสองฝ่ายต่างสมัครใจทำร้ายซึ่งกันและกัน ซึ่งแต่ละฝ่ายมีพวกตั้งแต่สองคนขึ้นไป ได้ร่วมกันเป็นตัวการกระทำความผิดในการทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเป็นการบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ที่เกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยแต่ละฝ่ายเข้าใจข้อหาได้ดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3534/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกกล่าวเลิกจ้าง, ฟ้องเคลือบคลุม, ค่าเดินทางกลับ: ประเด็นความชอบธรรมและการเรียกร้องสิทธิในคดีแรงงาน
จำเลยจ่ายเงินเดือนแก่โจทก์ทุกวันสิ้นเดือน การที่จำเลยแจ้งโจทก์เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2534 ให้โจทก์ออกจากงานในวันที่30 พฤศจิกายน 2534 จึงเป็นการบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนจะถึงกำหนดจ่ายสินจ้างประจำเดือนตุลาคม 2534 เพื่อให้มีผลเป็นการเลิกจ้างเมื่อถึงกำหนดการจ่ายสินจ้างครั้งถัดไปคือวันที่ 30 พฤศจิกายน 2534เป็นการบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าที่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582 แล้ว เมื่อคำบรรยายฟ้องของโจทก์ระบุเพียงว่า สัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยให้โจทก์มีวันหยุดพักผ่อนประจำปีปีละ 3 สัปดาห์ และขอให้จำเลยรับผิดชอบเงินเดือนในส่วนที่ชดเชยการไม่ได้ใช้วันหยุดพักผ่อนประจำปี จำนวน 16,650 บาท โดยมิได้บรรยายเลยว่าโจทก์มิได้หยุดพักผ่อนประจำปีในปีใดบ้าง ปีละกี่วัน ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่ไม่แจ้งชัด ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31,35เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่ก่อให้เกิดประเด็นเรื่องค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนประจำปี การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าวและพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ จึงไม่ชอบ จำเลยจ้างโจทก์มาจากประเทศอิตาลีโดยออกค่าเดินทางจากประเทศอิตาลีมายังกรุงเทพมหานคร จำเลยมีหนังสือเลิกจ้างถึงโจทก์โดยเสนอจะให้เงินค่าตั๋วเครื่องบินกลับไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตกหรือประเทศยุโรป โจทก์ไม่ตกลงตามเงื่อนไขในข้อเสนอดังกล่าว ดังนี้ การที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าตั๋วเดินทางกลับไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตกหรือประเทศยุโรปจึงมิใช่เป็นการเรียกร้องค่าเดินทางกลับถิ่นที่จำเลยจ้างโจทก์มาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 586

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3427/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดหากฟ้องไม่ระบุความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับผู้เอาประกัน
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุ แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า ม.ขับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะอะไร หรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับจำเลยที่ 1ผู้เอาประกันภัยอันจะเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดในการละเมิดของ ม. เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายถึงเหตุที่จะให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดแล้ว จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนซึ่งจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ จึงไม่ต้องรับผิดด้วย ฟ้องของโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 3 จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 318/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุมและสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล กรณีศาลไม่อนุญาตเลื่อนคดีและมีคำพิพากษาในวันเดียวกัน
โจทก์บรรยายฟ้องสรุปได้ว่า จำเลยนำเข้าเครื่องอะไหล่อุปกรณ์วิทยุ จากประเทศญี่ปุ่น และสำแดงราคาของสินค้าไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเพื่อเสียภาษีอากร พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 เห็นว่า ไม่มีรายละเอียดราคาท้องตลาดสำหรับสินค้าของจำเลย จึงให้จำเลยวางเงินประกันภายหลังได้มีการตรวจสอบราคาจากการนำเข้าของรายอื่นแล้ว ปรากฏว่าราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงไว้ต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาด เจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินค่าภาษีอากรที่จำเลยต้องชำระเพิ่ม แต่จำเลยไม่ชำระ การบรรยายฟ้องดังนี้ จึงแสดงถึงสภาพข้ออ้างและข้อหาตลอดจนการที่โจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิไว้อย่างชัดแจ้ง ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี และมีคำพิพากษาไปในวันเดียวกัน ทำให้จำเลยไม่มีเวลาหรือโอกาสโต้แย้งคำสั่งได้ จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์โดยไม่ต้องโต้แย้งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 318/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องภาษีอากรไม่เคลือบคลุม การไม่อนุญาตเลื่อนคดีมีเหตุผลจากจำเลยมิได้สนใจดำเนินคดี
ข้อกำหนดคดีภาษีอากร ฉบับลงวันที่ 30 มกราคม 2529 ข้อ 8 โจทก์บรรยายฟ้องสรุปได้ว่า เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2523จำเลยนำเข้าเครื่องอะไหล่อุปกรณ์วิทยุจากประเทศญี่ปุ่น และสำแดงราคาของสินค้าไว้ในใบขนสินค้าขาเข้า และแบบแสดงรายการการค้าลงวันที่ 17 ธันวาคม 2524 เป็นเงิน 161,780.06 บาท เพื่อเสียอากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาล พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 เห็นว่าไม่มีรายละเอียดราคาท้องตลาดสำหรับสินค้าของจำเลย จึงให้จำเลยวางเงินประกันไว้ 10,000 บาท ภายหลังได้มีการตรวจสอบราคาจากการนำเข้าของรายอื่น แล้วปรากฏว่าราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงไว้ต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดที่มีราคา 359,173.29บาท เจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินค่าภาษีอากรที่จำเลยจะต้องชำระเพิ่มขึ้น แต่จำเลยไม่ชำระ การบรรยายฟ้องดังนี้จึงแสดงถึงสภาพข้ออ้างและข้อหาตลอดจนการที่ถูกโต้แย้งสิทธิไว้อย่างชัดแจ้งจำเลยสามารถเข้าใจคำฟ้องและต่อสู้คดีได้ถูกต้องชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 17แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม การอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีของศาลภาษีอากรกลางเป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ซึ่งปกติจำเลยจะต้องโต้แย้งคำสั่งของศาลเพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อไป แต่ในกรณีที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและมีคำพิพากษาในวันเดียวกันทำให้จำเลยไม่มีระยะเวลาหรือโอกาสโต้แย้งคำสั่งได้ จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์โดยไม่ต้องโต้แย้งได้ จำเลยมิได้อุทธรณ์การประเมินในส่วนของภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล ทั้งในชั้นพิจารณาของศาล จำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 ทำให้จำเลยไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลย และในวันนัดชี้สองสถานจำเลยทราบนัดแล้วก็ไม่มาศาล อีกทั้งนับจากวันที่จำเลยยื่นคำให้การจนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์เป็นเวลาถึงสองเดือนเศษ ซึ่งเป็นระยะเวลานานพอควร จำเลยควรที่จะติดตามและสอบถามถึงวันนัดที่จำเลยมีวันว่างเพื่อจะได้ขอเลื่อนคดีเสียก่อนนั้นได้ แต่ตามพฤติการณ์ของจำเลยกลับปรากฏว่า จำเลยไม่เอาใจใส่และสนใจดำเนินคดีเท่าที่ควร ที่ศาลภาษีอากรกลางไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีเป็นผลมาจากความบกพร่องของจำเลยเอง จึงเป็นการใช้ดุลยพินิจที่มีเหตุผลสมควรแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม – หนังสือรับสภาพหนี้ไม่ชัดเจน – จำเลยไม่เข้าใจข้อหา – ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยทำหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ไว้ให้แก่โจทก์ ซึ่งจำเลยซื้อสินค้าเชื่อไปจากโจทก์ 12,000 บาท ตามหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ท้ายฟ้อง แต่หนังสือดังกล่าวมีข้อความเพียงว่า "วันหลังกลับคำพูดยอดหนี้หนึ่งหมื่นสองพันบาท ให้เรียกกันว่าหมาในที่สาธารณะชนได้ตลอดเวลาโดยไม่ถือหมิ่นประมาท" ซึ่งไม่มีตอนไหนเลยที่ระบุว่าจำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์เมื่อใด มีอะไรบ้างและจำนวนเท่าไร และจำเลยจะชำระหนี้จำนวนนี้แก่โจทก์หรือไม่ จะชำระอย่างไร เมื่อใด ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม – ขาดรายละเอียดการซื้อขายและชำระหนี้ ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหา
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยทำหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ไว้ให้แก่โจทก์ ซึ่งจำเลยซื้อสินค้าเชื่อไปจากโจทก์จำนวนเงิน 12,000 บาท ตามหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ท้ายฟ้องแต่หนังสือดังกล่าวมีข้อความเพียงว่า "วันหลังกลับคำพูดยอดหนี้หนึ่งหมื่นสองพันบาท ให้เรียกกันว่าหมาในที่สาธารณะชนได้ตลอดเวลาโดยไม่ถือหมิ่นประมาท" ซึ่งไม่มีตอนไหนเลยที่ระบุว่าจำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์เมื่อใด มีอะไรบ้าง จำนวนเท่าไร และจำเลยจะชำระหนี้จำนวนนี้ให้แก่โจทก์หรือไม่ จะชำระอย่างไร เมื่อใดดังนี้จำเลยย่อมไม่อาจเข้าใจฟ้องของโจทก์ได้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 977/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม, หักบัญชีเกินวงเงิน, สัญญาค้ำประกัน, บังคับจำนอง: ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
การพิจารณาว่าฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ ต้องพิจารณาจากการบรรยายฟ้องเท่านั้น ไม่ต้องเอาทางนำสืบมาพิจารณาด้วย คำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 1 ระบุให้โจทก์นำหนี้สินความรับผิดชอบไม่ว่าประเภทใด ๆ มาหักบัญชีได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เป็นข้อตกลงที่จำเลยที่ 1ยอมให้โจทก์หักบัญชีมิใช่เฉพาะแต่เงินในบัญชีเท่านั้น ถึงแม้ในบัญชีของจำเลยที่ 1 ไม่มีเงิน โจทก์ก็อาจนำหนี้สินอื่นมาหักจากบัญชีได้ ปัญหาว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 เพียงใด เป็นการบังคับตามสัญญาค้ำประกันที่โจทก์กล่าวอ้างและนำสืบ แม้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 จะไม่ยกขึ้นว่ากล่าวต่อสู้ ศาลก็จะต้องยกขึ้นวินิจฉัยให้อยู่แล้ว และถึงแม้ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้โดยไม่ย้อนสำนวน คำบอกกล่าวบังคับจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 728 ไม่จำต้องบอกกล่าววิธีบังคับจำนองไปในคำบอกกล่าวด้วย คำแก้ฎีกาจะขอให้ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กำหนดให้ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนน้อยเกินไปไม่ได้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 538/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและฟ้องเคลือบคลุม: การมอบอำนาจและกรรมสิทธิ์รถยนต์
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า รถยนต์แท็กซี่ของโจทก์ที่ถูกชนส่วนไหนของรถที่ได้รับความเสียหาย เสียค่าซ่อมแซมเป็นเงินเท่าใดโจทก์ไม่ต้องกล่าวมาในคำฟ้องว่าชิ้นส่วนของรถที่ได้รับความเสียหายนั้น รายการใดเป็นการเปลี่ยนอุปกรณ์ รายการใดเป็นการซ่อมของเดิม ในแต่ละรายการเป็นเงินเท่าใด รายละเอียดดังกล่าวเป็นเรื่องที่คู่ความนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์ที่ 1 ฟ้องแทนโจทก์ที่ 2 และแนบหนังสือมอบอำนาจมาในท้ายฟ้อง โดยหนังสือมอบอำนาจระบุชัดแจ้งว่าโจทก์ที่ 2 มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 1 ฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ แม้หนังสือมอบอำนาจมีโจทก์ที่ 2 ลงชื่อฝ่ายเดียว โจทก์ที่ 1 มิได้ลงชื่อในฐานะผู้รับมอบอำนาจด้วยก็ใช้ได้ เพราะไม่มีกฎหมายบังคับให้ผู้รับมอบอำนาจต้องลงชื่อด้วย รถยนต์แท็กซี่คันเกิดเหตุโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ซื้อมาก่อนเกิดเหตุโจทก์ที่ 1 จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แม้โจทก์ที่ 1 จะโอนใส่ชื่อโจทก์ที่ 2 ในทะเบียนเป็นเจ้าของรถยนต์ดังกล่าวเพื่อความจำเป็นในทางธุรกิจกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ก็ยังเป็นของโจทก์ที่ 1 อยู่เพราะทะเบียนรถยนต์มิใช่ทะเบียนกรรมสิทธิ์ โจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องขับไล่: แม้รายละเอียดฟ้องไม่สมบูรณ์ แต่ศาลไม่ถือว่าฟ้องเคลือบคลุม หากจำเลยสามารถต่อสู้คดีได้ และการนำสืบไม่เกินขอบเขตคำฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยขออาศัยที่ดินพิพาทจากโจทก์เมื่อเดือนธันวาคม 2526 แต่ไม่บรรยายว่าขณะนั้นโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทได้อย่างไร และที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยขออาศัยเป็นเวลาก่อนที่โจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทขัดแย้งกันนั้นโจทก์บรรยายฟ้องถึงการเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท จำเลยเป็นผู้อาศัยโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้วจำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหายเป็นการแสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาคำขอบังคับ และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้นแล้ว ข้อที่ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองอย่างไร เมื่อใด เป็นเพียงรายละเอียดที่อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ส่วนที่ฟ้องขัดแย้งกันบ้างเป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่อาจผิดพลาดได้ เมื่ออ่านคำฟ้องทั้งฉบับก็พอเข้าใจได้ทั้งจำเลยก็สามารถให้การสู้คดีได้แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์ฟ้องอ้างว่าซื้อที่ดินพิพาทจาก น. แต่นำสืบว่าจำเลยขายฝากที่ดินพิพาทให้ น. ต่อมาจำเลยกู้เงินโจทก์เพื่อนำไปชำระหนี้ไถ่ถอนการขายฝากจาก น. และตกลงว่าเมื่อไถ่ถอนการขายฝากแล้วจำเลยจะโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ โดยโจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายกันไว้ ครั้นเมื่อจำเลยนำเงินชำระหนี้ น. แล้ว จำเลยไม่มีเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝาก โจทก์จำเลยและ น.จึงตกลงกันให้ น. โอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งการซื้อที่ดินพิพาทจาก น. ว่ามีขั้นตอนอย่างไร จนผลสุดท้ายเกิดการโอนที่ดินพิพาทระหว่าง น. กับโจทก์ โดยผลจากการที่โจทก์เป็นผู้ออกเงิน ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นตามฟ้อง
of 42