พบผลลัพธ์ทั้งหมด 254 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5054/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้มีดแทงหลายครั้ง ศาลพิพากษายืนความผิดฐานพยายามฆ่า
ขณะที่โจทก์ร่วมนอนรอดูโทรทัศน์ จำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมใบมีดยาว 6 นิ้ว กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร แทงโจทก์ร่วมที่ราวนมซ้ายอย่างแรงโจทก์ร่วมกอดปล้ำต่อสู้กับจำเลย จำเลยได้ใช้มีดแทงทำร้ายโจทก์ร่วมอีกหลายทีถูกศีรษะ เอว และสะบัก เป็นบาดแผลหลายแห่ง ขณะทำร้ายจำเลยพูดด้วยว่า "กูพยายามจะฆ่ามึงมานานแล้วทีนี้ถึงสำเร็จ" เฉพาะบาดแผลที่ราวนมซ้ายลึกถึงเนื้อปอด มีลมออกมาจากบาดแผล อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงโจทก์ร่วมที่อวัยวะสำคัญ เกิดบาดแผลฉกรรจ์ และขณะแทงทำร้ายจำเลยพูดในทำนองเคียดแค้นจะเอาชีวิตโจทก์เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม เมื่อโจทก์ร่วมไม่ตายจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4373/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการซื้อขายโดยตัวแทน: ศาลพิพากษาตามประเด็นข้อพิพาทที่กำหนด แม้มีรายละเอียดการซื้อผ่านตัวแทน
คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยซื้อตู้เย็นรายพิพาทจากโจทก์หรือไม่ การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าจำเลยซื้อตู้เย็นรายพิพาทโดยมีบุคคลอื่นเป็นผู้สั่งซื้อแทนจำเลยนั้น เป็นการวินิจฉัยตรงตามประเด็นข้อพิพาทดังที่ได้กำหนดไว้แล้ว ถึงแม้จะฟังว่าบุคคลนั้นได้สั่งซื้อตู้เย็นรายพิพาทแทนจำเลย ก็เป็นการวินิจฉัยในรายละเอียดซึ่งคู่ความสามารถนำสืบอธิบายข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นข้อพิพาทได้ เพราะในการติดต่อทำสัญญาซื้อขายกัน อาจกระทำโดยตนเองหรือโดยมีตัวแทนไปติดต่อทำสัญญาซื้อขายแทนก็ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3981/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาและการแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลต้องพิพากษาตามรูปคดี
โจทก์มีหน้าที่นำพยานเข้าสืบก่อน เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันนัด โดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้อง ถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาซึ่งศาลอาจสั่งจำหน่ายคดีเสียได้ แต่การที่จำเลยที่ 1 แถลงไม่ติดใจสืบพยาน แม้มิได้แถลงให้ชัดแจ้งว่าจำเลยตั้งใจจะให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป ก็ถือได้ว่าจำเลยตั้งใจจะให้ศาลทำการพิจารณาต่อไป ศาลจึงต้องมีคำพิพากษา ไม่ชอบที่จะสั่งจำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2337/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานและการแก้ไขคำให้การ: ศาลพิพากษาได้แม้จำเลยไม่ขอแก้ไขคำให้การก่อนฟังคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการชี้สองสถานกับวันนัดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษา ดังนี้ จำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2337/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการแก้ไขคำให้การก่อนศาลพิพากษา และผลของการงดสืบพยาน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการชี้สองสถานกับวันนัดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษา ดังนี้ จำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้า/ตกลงกันในประเด็นคดี: ศาลต้องพิพากษาตามข้อตกลงเมื่อเงื่อนไขสำเร็จ
ก่อนสืบพยานคู่ความแถลงร่วมกันว่าหากเสียงส่วนใหญ่ของผู้จัดการมรดกซึ่งมีอยู่ 5 คนรวมทั้งคู่ความยอมตกลงจ่ายเงินมรดกให้แก่โจทก์ตามจำนวนที่โจทก์ฟ้อง จำเลยทั้งสองก็ยอมจ่ายให้และโจทก์ไม่ติดใจเรียกดอกเบี้ยดังนี้ ถือได้ว่ามีลักษณะเป็นคำท้าหรือมีการตกลงกันในประเด็นแห่งคดีโดยมิได้มีการถอนฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 เมื่อปรากฏว่าผู้จัดการมรดกเสียงข้างมากยอมตกลงจ่ายเงินมรดกให้โจทก์เงื่อนไขจึงสำเร็จครบถ้วนตามข้อตกลง ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องพิพากษาให้เป็นไปตามข้อตกลงนั้น การที่ศาลชั้นต้นยังไกล่เกลี่ยคู่ความให้ตกลงกันและดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปอีกเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลย่อมมีอำนาจเพิกถอนกระบวนพิจารณานั้นได้และพิพากษาให้เป็นไปตามที่ตกลงท้ากัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้า/คำท้าในคดีแพ่ง: ศาลต้องพิพากษาตามข้อตกลงเมื่อเงื่อนไขสำเร็จ
ก่อนสืบพยานคู่ความแถลงร่วมกันว่าหากเสียงส่วนใหญ่ของผู้จัดการมรดกซึ่งมีอยู่ 5 คนรวมทั้งคู่ความยอมตกลงจ่ายเงินมรดกให้แก่โจทก์ตามจำนวนที่โจทก์ฟ้อง จำเลยทั้งสองก็ยอมจ่ายให้และโจทก์ไม่ติดใจเรียกดอกเบี้ยดังนี้ ถือได้ว่ามีลักษณะเป็นคำท้าหรือมีการตกลงกันในประเด็นแห่งคดีโดยมิได้มีการถอนฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 เมื่อปรากฏว่าผู้จัดการมรดกเสียงข้างมากยอมตกลงจ่ายเงินมรดกให้โจทก์เงื่อนไขจึงสำเร็จครบถ้วนตามข้อตกลง ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องพิพากษาให้เป็นไปตามข้อตกลงนั้น การที่ศาลชั้นต้นยังไกล่เกลี่ยคู่ความให้ตกลงกันและดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปอีกเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลย่อมมีอำนาจเพิกถอนกระบวนพิจารณานั้นได้และพิพากษาให้เป็นไปตามที่ตกลงท้ากัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาล้มละลายหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แม้มีการอุทธรณ์คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
พ.ร.บ.ล้มละลาย ฯ มาตรา 61 เป็นบทบังคับให้ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายทันที เมื่อได้ดำเนินคดีตามขั้นตอนของมาตราดังกล่าวครบถ้วนแล้วส่วนปัญหาที่จำเลยฎีกาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาไม่กระทบกระเทือนถึงการที่ศาลชั้นต้นจะดำเนินคดีล้มละลายต่อไปตามขั้นตอน เพราะคดีล้มละลายต้องกระทำโดยเร่งด่วน ตามมาตรา 13 หากต่อมาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเปลี่ยนแปลงไป คำพิพากษาให้จำเลยล้มละลายก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพราะการล้มละลายเริ่มต้นมีผลตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 62.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5973/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลพิพากษายืนความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ไม่ไผ่กลมตันมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร ยาว 1 เมตร ตีผู้เสียหายถึง 10 ครั้ง ผู้เสียหายถูกตีที่ศีรษะด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายจนกะโหลกศีรษะด้านหลังร้าว สมองกระทบกระเทือน สลบไปนานประมาณ 5 ชั่วโมง แสดงว่าจำเลยตีโดยแรงประกอบกับขณะที่ตีผู้เสียหายจำเลยพูดว่าถ้าตีไม่ตายจะยิงซ้ำให้ตาย และหลังจากผู้เสียหายสลบ จำเลยยังถือไม้ไผ่เข้าไปและพูดว่าจะตีให้ตายอีกหลายครั้ง แต่มีคนห้ามไว้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3489/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินชำระหลังศาลพิพากษา ไม่ถือเป็นการยอมความ หรือเหตุให้คดีเลิกกันตามกฎหมายเช็ค
การที่จำเลยนำเงินตามจำนวนในเช็คมาวางต่อศาลภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดี และโจทก์ขอรับเงินจำนวนนั้นไปแล้ว โดยไม่ได้ความว่ามีข้อตกลงกับโจทก์ให้ระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเช็ค ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความอันเป็นเหตุให้สิทธิการฟ้องคดีอาญาระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (2) และจำเลยมิได้นำเงินดังกล่าวชำระแก่โจทก์หรือธนาคารภายใน 15 วัน นับแต่วันที่โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทราบว่าธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินจึงทำให้คดีเลิกกันพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค มาตรา 5 วรรคท้าย