พบผลลัพธ์ทั้งหมด 139 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันทรัพย์สิน: การยิงเพื่อหยุดยั้งการลักทรัพย์ในเวลากลางคืนและสถานการณ์เร่งด่วน
พฤติการณ์ที่เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันทรัพย์สินที่พอสมควรแก่เหตุ: การยิงเพื่อหยุดยั้งการลักทรัพย์
พฤติการณ์ที่เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: จำเลยถูกทำร้ายจึงใช้มีดป้องกันตนเอง
จำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องในการวิวาท เป็นแต่ผู้ยืนดูอยู่ข้างนอก ผู้ตายมาตีจำเลย 2-3 ที่แล้วยังจะตีซ้ำอีก จำเลยจำต้องป้องกันตัวและไม่มีโอกาศที่จะมัวเลือกหาอาวุธอื่นใดมาใช้ได้ทัน จึงต้องใช้อาวุธมีดที่มีอยู่แทงสวนไป ในการที่จำเลยแทงผู้ตายไปในขณะกำลังฉุกละหุก เช่นนี้ หามีเวลาจะเลือกว่าจะแทงให้ถูกตรงไหนไม่ การที่แทงไปถูกท้องเป็นการบังเอิญ หาใช่จำเลยตั้งใจเอาชีวิตผู้ตายไม่และจำเลยแทงผู้ตายเพียงทีเดียวเท่านั้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวไม่เกินสมควรแก่เหตุ จำเลยได้รับยกเว้นโทษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยสมควรแก่เหตุ: การใช้มีดป้องกันการทำร้ายร่างกายฉุกเฉิน
จำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องในการวิวาท เป็นแต่ผู้ยืนดูอยู่ข้างนอก ผู้ตายมาตีจำเลย 2-3 ที่แล้วยังจะตีซ้ำอีก จำเลยจำต้องป้องกันตัวและไม่มีโอกาสที่จะมัวเลือกหาอาวุธอื่นใดมาใช้ได้ทัน จึงต้องใช้อาวุธมีดที่มีอยู่แทงสวนไป ในการที่จำเลยแทงผู้ตายไปในขณะกำลังฉุกละหุกเช่นนี้ หามีเวลาจะเลือกว่าจะแทงให้ถูกตรงไหนไม่การที่แทงไปถูกท้องเป็นการบังเอิญ หาใช่จำเลยตั้งใจเอาชีวิตผู้ตายไม่ และจำเลยแทงผู้ตายเพียงทีเดียวเท่านั้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวไม่เกินสมควรแก่เหตุจำเลยได้รับยกเว้นโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2074/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ เมื่อถูกไล่ติดตามโดยบุคคลที่เข้าใจว่าเป็นคนร้ายและมีอาวุธ
ผู้ตายถือปืนวิ่งไล่ติดตามจำเลยมาในลักษณะอาการซึ่งจำเลยเข้าใจว่าเป็นคนร้าย จนได้ร้องบอกกล่าวว่าคนร้ายไล่ยิงตนเช่นนี้ ย่อมทำให้จำเลยคิดเห็นไปว่าผู้ตายมีเจตนาจะฆ่าจำเลยมาแต่แรกแล้ว เมื่อจำเลยหนีหลบไปแล้วกลับมาเจอผู้ตายเข้าอีกในสถานที่คับขัน ห่างกันเพียงประมาณ 7 วา ขณะนั้นผู้ตายมีปืนติดตัวอยู่ถึง 2 กระบอกถ้าจะวิ่งก็อาจจะถูกผู้ตายยิงตายในเวลาฉุกละหุกกระทันหันเช่นนี้จำเลยได้ตัดสินใจยิงไปก่อนที่ปืนของผู้ตายจะลั่นมาถูกจำเลยจะตำหนิว่าจำเลยด่วนตัดสินใจยิงผู้ตายไปก่อนน่าจะไม่ถูกต้อง ถ้าผู้ใดตกอยู่ในลักษณะการคับขันอย่างจำเลยและคิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายจะยิงจำเลยทันทีทันใดโดยจำเลยไม่มีทางหลบหนีดังคดีนี้แล้ว การที่จำเลยตัดสินใจยิงผู้ตายเสียก่อนเป็นการกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของจำเลยพอสมควรแก่เหตุเพื่อให้พ้นภยันตรายซึ่งกำลังเผชิญหน้าจำเลยอยู่ในขณะนั้น จะมัวรอให้ผู้ตายยกปืนขึ้นจ้องจะยิงจำเลยเสียก่อนแล้วจึงยิงโต้ตอบ อาจไม่ทันได้ป้องกันชีวิตของตนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวที่สมควรแก่เหตุ เมื่อถูกทำร้ายและมีภัยอันตรายใกล้เข้ามา
ได้ความว่าผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายบิดาจำเลย จำเลยเข้าห้ามโดยไม่มีอาวุธติดตัว ผู้ตายตามไปจะทำร้ายจำเลย จนจำเลยถอยหนีไปจนมุมไม่มีทางหนีไปอีกแล้วพอดีจำเลยพบมีดวางอยู่ จึงเอามีดกวัดแกว่งและร้องห้ามผู้ตายไม่ให้เข้ามา ผู้ตายยังขืนเข้าไปจึงถูกมีดที่หน้าผากผู้ตายไม่ล้มเอามือซ้ายปิดท้ายทอยส่วนมือขวายังถือมีดเงื้อง่าอยู่ จำเลยเอามีดเหวี่ยงไปอีกที่หนึ่งถูกท้ายทอยแล้วโดดหนี ผู้ตายอยู่ต่อมา 5-6 วันก็ตายเพราะบาดแผลนั้น ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้วินิจฉัยเป็นการป้องกันชีวิตพอสมควรแก่เหตุ เพราะการกระทำของจำเลยทั้ง 2 ครั้งเป็นการกระทำต่อเนื่องในขณะเดียวกัน การที่ผู้ตายถูกฟันครั้งแรก จะให้จำเลยซึ่งอยู่ในฐานะเช่นนั้นคาดหมายว่าผู้ตายได้รับบาดเจ็บเพียงไรและจะหวนกลับมาทำร้ายอีกหรือไม่ย่อมไม่ได้ และที่จำเลยเหวี่ยงมีดไปยังท้ายทอยอีก 1 ทีเป็นการกระทำเพื่อให้โอกาสจำเลยหลีกพ้นจากภัยอันผู้ตายเป็นผู้ก่อแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: พิจารณาพฤติการณ์ต่อเนื่องเมื่อมีการขัดขืนและทำร้าย
การที่ผู้ตายทำร้ายแล้วขัดขืนไม่ยอมให้จับ ผู้ตายแกว่งมีดจะแทงผู้เข้าจับ ๆ ถอยล้มลง ผู้ตายจะเข้าแทง ทันใดนั้นจำเลยจะเข้าตีผู้ตาย ๆ ถือมีดจะมาแทงจำเลยผู้เข้าจับคนนั้นจึงตีผู้ตายล้มลงกำลังผู้ตายจะลุกขึ้นจำเลยก็ตีศรีษะอีก 1 ที ถึงตายดังนี้จะเห็นได้ว่าการที่จำเลยตีผู้ตายครั้งหลังขณะที่ล้มอยู่นี้เป็นการกระทำที่เกี่ยวพันกระชั้นชิดกันจึงต้องพิจารณาพฤติการณ์รวมกันไปจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: การใช้กำลังเพื่อป้องกันการประทุษร้ายที่เกิดขึ้นทันที
ผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อนและที่สุดท้าทายจะทำร้ายจำเลยก่อน ดังนี้แม้จะปรากฎว่าจำเลยว่า เอาก็เอาเป็นทำนองสมัครใจกระทำร้ายกันแต่จำเลยก็ยังยืนอยู่เฉย มิได้เตรียมการจะต่อสู้ ต่อเมื่อผู้ตายตีจำเลยด้วยไม้ตะบองและยังจะตีซ้ำอีกจำเลยจึงใช้มีดฟันเอาที่หนึ่งแล้วมิได้ซ้ำอีก เช่นนี้เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจากการทำร้ายและการลวนลาม
ผู้เสียหายเมาสุราแล้วขึ้นไปลวนลามภรรยาจำเลยบนเรือนและทำร้ายจำเลยจำเลยจึงต่อสู้ แล้วโดดหนี ผู้เสียหายกลับแสดงอาการจะทำร้ายอีก จำเลยจึงทำร้ายผู้เสียหายรวม13 แห่งถึงสาหัส ดังนี้ถือว่า จำเลยได้กระทำการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัว: การใช้ขวานเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายด้วยมีดพก ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าเป็นการกระทำที่สมควรแก่เหตุ
จำเลยและผู้ตายได้พูดเถียงกัน ผู้ตายชักมีดพกยาว 1 คืบเศษ จำเลยลุกขึ้นยืน ผู้ตายลุกขึ้นยืน จำเลยถอยไปข้างฝาและหยิบขวานที่เหน็บฝาไว้ พอผู้ตายเดินเข้ามา จำเลยก็ใช้ขวานทุบศีรษะผู้ตาย 1 ที ผู้ตายล้มลงและถึงแก่ความตายนั้น การกระทำของจำเลยเพื่อป้องกันชีวิตของจำเลยให้พ้นภยันตราย ซึ่งเกิดขึ้นโดยผิดกฎหมาย ไม่ควรลงอาญาแก่จำเลยตาม มาตรา 50