คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญชาติไทย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 162 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2037/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนสัญชาติไทยจากประกาศคณะปฏิวัติ และการกระทำของเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย
แม้โจทก์จะเกิดในราชอาณาจักรไทยแต่โจทก์ก็เกิดระหว่างที่บิดามารดาของโจทก์เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและเข้ามาโดยไม่ชอบตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองโจทก์จึงถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่337ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1(2) และ (3) แล้วดังนั้นการที่จำเลยจดชื่อโจทก์ลงในทะเบียนคนญวนอพยพและยึดบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ไว้ จึงเป็นการกระทำตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2557/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญชาติไทยตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ต้องเป็นการโต้แย้งการเข้าเมือง ไม่ใช่การถอนสัญชาติโดยชอบ
การขอพิสูจน์ว่าตนมีสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองนั้น ผู้ขอจะต้องเป็นคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยอ้างว่าเป็นคนมีสัญชาติไทย แต่ถูกพนักงานเจ้าหน้าที่โต้แย้งเกี่ยวกับการเข้ามาในราชอาณาจักรว่าเป็นคนต่างด้าวจึงจะร้องขอพิสูจน์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ และเมื่อไม่พอใจคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ก็มีสิทธิร้องขอต่อศาลให้พิจารณา โดยยื่นคำร้องต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้
ผู้ร้องเป็นชายสัญชาติไทยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับหญิงสัญชาติญวนรับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยเพียงชั่วคราว มีบุตรเกิดด้วยกัน ทางจังหวัดสั่งถอนสัญชาติไทยของบุตร ผู้ร้องจะใช้สิทธิทางศาลตาม พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 57 ขอพิสูจน์สัญชาติของบุตรไม่ได้ เมื่อเป็นการโต้แย้งสิทธิเกี่ยวกับสัญชาติของบุตรผู้เยาว์ ก็ชอบที่จะฟ้องผู้โต้แย้งสิทธิเป็นคดีมีข้อพิพาทต่อศาลได้ ปัญหานี้แม้ผู้คัดค้านมิได้ยกขึ้นโต้แย้งแต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญชาติไทย: การพิสูจน์สถานะบุคคล การถอนสัญชาติ และผลกระทบต่อผู้เกิดจากมารดาคนญวนอพยพ
ฟ้องอ้างว่าโจทก์มีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยแล้วถูกทางราชการตำรวจภูธรอำเภอท่าอุเทนซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยบังคับให้โจทก์ทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพ ดังนี้เป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ในฐานะเป็นคนมีสัญชาติไทยตามกฎหมายแพ่ง โจทก์มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 7 ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตาม พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 มาตรา 7(3) เกิดจากมารดาคือโจทก์ที่ 1 เป็นคนญวนอพยพได้รับอนุญาตให้เข้าอยู่ในราชอาณาจักรไทยเพียงชั่วคราว ส่วนบิดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสฉะนั้นโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 7 จึงถูกถอนสัญชาติไทยแล้วตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ข้อ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2450/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำว่า 'บิดา' ในประกาศคณะปฏิวัติเรื่องถอนสัญชาติ ต้องตีความตามกฎหมายว่าหมายถึงบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1 ที่ว่า ให้ถอนสัญชาติไทยของบรรดาบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาเป็นคนต่างด้าว หรือมารดาเป็นคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย และในขณะที่เกิดบิดาหรือมารดานั้นเป็นผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองนั้น คำว่า "บิดา" ในประโยคที่ว่า "บิดาเป็นคนต่างด้าว" กฎหมายมิได้กล่าวว่าให้หมายรวมทั้งบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย กฎหมายบทนี้เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการถอนสิทธิของบุคคลจึงต้องตีความโดยเคร่งครัด คำว่า "บิดา" ในที่นี้เป็นคำในกฎหมาย จึงต้องตีความว่าหมายถึงบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
บ. คนสัญชาติญวนซึ่งเป็นบิดาโจทก์มิได้เป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายกับมารดาโจทก์ซึ่งเป็นคนสัญชาติไทย บ. จึงมิใช่เป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ โจทก์ซึ่งมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 7 (3) จึงไม่ถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญชาติไทยต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และเสียค่าธรรมเนียมก่อน จึงมีสิทธิขอให้ศาลพิจารณา
พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 57 ได้บัญญัติถึงขั้นตอนของการร้องขอพิสูจน์การมีสัญชาติไทยไว้ว่า ผู้ที่จะขอพิสูจน์ว่าตนมีสัญชาติไทย จะต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเสียค่าธรรมเนียมเสียก่อนต่อเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งประการใดแล้ว ผู้นั้นไม่พอใจคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่จะร้องขอให้ศาลพิจารณาก็ได้ ผู้ร้องซึ่งประสงค์จะขอพิสูจน์สัญชาติไทย จึงต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายดังกล่าวเสียก่อน เมื่อผู้ร้องไม่เคยยื่นคำขอพิสูจน์สัญชาติไทยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และเสียค่าธรรมเนียม ผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนมีสัญชาติไทย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญชาติไทยต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อน จึงจะสามารถขอให้ศาลพิจารณาได้
พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 57 ได้บัญญัติถึงขั้นตอนของการร้องขอพิสูจน์การมีสัญชาติไทยไว้ว่า ผู้ที่จะขอพิสูจน์ว่าตนมีสัญชาติไทย จะต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และเสียค่าธรรมเนียมเสียก่อนต่อเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งประการใดแล้วผู้นั้นไม่พอใจคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่จะร้องขอให้ศาลพิจารณาก็ได้ผู้ร้องซึ่งประสงค์จะขอพิสูจน์สัญชาติไทย จึงต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายดังกล่าวเสียก่อนเมื่อผู้ร้องไม่เคยยื่นคำขอพิสูจน์สัญชาติไทยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และเสียค่าธรรมเนียมผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนมีสัญชาติไทย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3470/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งสัญชาติเท็จเพื่อออกบัตรประจำตัวประชาชนเป็นความผิดซ้ำ แม้เคยได้รับบัตรมาแล้ว
ตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2505 มาตรา 5 ได้บัญญัติให้ผู้มีสิทธิที่จะขอให้นายทะเบียนออกบัตรประจำตัวประชาชนได้ต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย เมื่อจำเลยเป็นคนต่างด้าวจึงไม่มีสิทธิที่จะขอมีบัตรประจำตัวประชาชนได้โดยชอบด้วยกฎหมาย การที่จำเลยอ้างและนำหลักฐานแสดงต่อนายทะเบียน เพื่อขอมีบัตรประจำตัวประชาชนจึงเป็นการแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงาน แม้จำเลยจะเคยมีบัตรประจำตัวประชาชนที่นายทะเบียนเคยออกให้มาก่อน เพราะหลงเชื่อว่าจำเลยมีสัญชาติไทยก็ตาม ก็หาใช่เป็นข้ออ้างที่จะนำมาใช้เพื่อขอให้มีการทำบัตรใหม่แทนฉบับเดิมที่หมดอายุ ซึ่งได้มาโดยไม่ถูกต้องและฝ่าฝืนกฎหมายนั้นไม่
การอ้างสัญชาติของจำเลยต่อนายทะเบียนในครั้งก่อน และครั้งหลังแม้จะเป็นการอ้างและนำหลักฐานแสดงความเป็นสัญชาติไทยอันเป็นเท็จ ในลักษณะเดียวกันก็ตาม แต่ก็เป็นการอ้างและนำหลักฐานแสดงเท็จต่อนายทะเบียนคนละเวลาต่างกรรมต่างวาระกัน เป็นการกระทำความผิดซ้ำขึ้นมาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3449/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนสัญชาติไทยต้องเป็นไปตามประกาศคณะปฏิวัติ การโต้แย้งสิทธิฟ้องร้องได้โดยไม่ต้องรอขั้นตอนทะเบียนราษฎร์
เมื่อคำสั่งของจำเลยที่สั่งถอนสัญชาติไทยของโจทก์เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยได้ โดยไม่จำต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติทะเบียนราษฎร์ก่อนอีก
ว. บิดาโจทก์เป็นคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมือง และมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยชอบด้วยกฎหมาย จดทะเบียนสมรสในประเทศไทยกับมารดาโจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวอพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และเกิดบุตรคือโจทก์ในประเทศไทย ดังนี้ หาใช่เป็นกรณีที่โจทก์เกิดจากมารดาซึ่งเป็นคนต่างด้าว แต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายไม่โจทก์จึงมิใช่บุคคลประเภทหนึ่งประเภทใดที่จะต้องถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3449/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนสัญชาติไทยต้องเป็นไปตามประกาศคณะปฏิวัติ และต้องพิจารณาถึงสถานะบิดา-มารดาที่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อคำสั่งของจำเลยที่สั่งถอนสัญชาติไทยของโจทก์เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยได้ โดยไม่จำต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติทะเบียนราษฎร์ก่อนอีก
ว. บิดาโจทก์เป็นคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมือง และมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยชอบด้วยกฎหมาย จดทะเบียนสมรสในประเทศไทยกับมารดาโจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวอพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และเกิดบุตรคือโจทก์ในประเทศไทย ดังนี้ หาใช่เป็นกรณีที่โจทก์เกิดจากมารดาซึ่งเป็นคนต่างด้าว แต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายไม่โจทก์จึงมิใช่บุคคลประเภทหนึ่งประเภทใดที่จะต้องถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนสัญชาติไทยจากประกาศคณะปฏิวัติ: 'บิดา' หมายถึงบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ที่ให้ถอนสัญชาติไทยของบรรดาบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยมีบิดาเป็นคนต่างด้าวตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้นั้น หมายถึงบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นเมื่อคนต่างด้าวมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ จึงไม่อาจถอนสัญชาติไทยของโจทก์ได้
of 17