คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิทธิเช่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 142 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927-1957/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าหมดอายุ สิทธิเช่าต่อขึ้นอยู่กับความยินยอมของผู้ให้เช่า ไม่ผูกพันตามสัญญาเดิม
ข้อความในสัญญาเช่าที่ว่า เมื่อหมดอายุสัญญาเช่านี้ผู้เช่ามีความประสงค์เช่าต่อต้องทำหนังสือสัญญาเช่ากันใหม่ภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันหมดอายุสัญญาเช่า. หากพ้นกำหนดผู้เช่าไม่ไปทำสัญญาเช่าต่อ. ถือว่าผู้เช่าสละสิทธินั้น. หาได้มีความหมายว่า โจทก์จะต้องยินยอมให้จำเลยทำสัญญาต่ออายุการเช่าใหม่ไม่. เพราะไม่มีข้อความแสดงว่าผู้ให้เช่าจำต้องยอมให้ผู้เช่าทำการเช่าตามกำหนดเวลาและเงื่อนไขของสัญญาเดิมแต่อย่างใด. ดังนี้ โจทก์จึงไม่มีความผูกพันที่จะต้องให้จำเลยเช่าต่อ. แม้จำเลยจะได้แจ้งความประสงค์ต่อโจทก์แล้วก็ตาม.
แม้สัญญานี้จะเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่ง แต่เมื่อจำเลยมิได้แสดงให้ศาลเห็นว่าสัญญาต่างตอบแทนรายนี้มีกำหนดเวลาการเช่าเกินกว่า 3 ปี. สัญญาต่างตอบแทนนี้จึงมีกำหนดเวลาเพียง 3 ปี เท่าที่ปรากฏในสัญญาเช่านั้นเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าทรัพย์หลังถูกยึด: สิทธิเช่าไม่ผูกพันผู้ซื้อจากการบังคับคดี
จำเลยเช่าห้องพิพาทภายหลังที่ห้องพิพาทถูกยึดในการบังคับคดีในคดีก่อนจากลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนั้น แม้โจทก์รับโอนห้องพิพาทจากผู้ซื้อในการบังคับคดีภายหลังที่จำเลยได้เช่าห้องพิพาทแล้วดังนี้ ห้องพิพาทได้ถูกยึดและขายโดยไม่มีการเช่าติดไปด้วย จำเลยไม่สามารถอ้างการเช่าขึ้นยันโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ขายห้องพิพาทได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305 เพราะการเช่าของจำเลยเป็นสิทธิที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ก่อให้เกิดขึ้นในทรัพย์สินภายหลังที่ถูกยึดแล้ว ผู้ซื้อและรับโอนต่อไปจึงได้ทรัพย์สินที่ซื้อไปโดยปลอดจากการเช่าจำเลยจะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 มาใช้ในกรณีนี้ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305 ไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าโดยสุจริตหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าทรัพย์หลังถูกยึด: สิทธิการเช่าย่อมไม่ผูกพันผู้ซื้อในการบังคับคดี
จำเลยเช่าห้องพิพาทภายหลังที่ห้องพิพาทถูกยึดในการบังคับคดีในคดีก่อนจากลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนั้น. แม้โจทก์รับโอนห้องพิพาทจากผู้ซื้อในการบังคับคดีภายหลังที่จำเลยได้เช่าห้องพิพาทแล้ว. ดังนี้ ห้องพิพาทได้ถูกยึดและขายโดยไม่มีการเช่าติดไปด้วย. จำเลยไม่สามารถอ้างการเช่าขึ้นยันโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ขายห้องพิพาทได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305.เพราะการเช่าของจำเลยเป็นสิทธิที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ก่อให้เกิดขึ้นในทรัพย์สินภายหลังที่ถูกยึดแล้ว. ผู้ซื้อและรับโอนต่อไปจึงได้ทรัพย์สินที่ซื้อไปโดยปลอดจากการเช่า.จำเลยจะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 มาใช้ในกรณีนี้ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา305. ไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าโดยสุจริตหรือไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้เช่าช่วงเมื่อสัญญาเช่าที่ดินสิ้นสุด: ผู้เช่าช่วงไม่มีสิทธิอ้างกฎหมายคุ้มครองค่าเช่ากับผู้ให้เช่าเดิม
จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ปลูกอาคาร เมื่อครบกำหนดต้องรื้อไป ผู้เช่าอาคาร(ห้องแถว) ของจำเลยไม่ได้เช่าที่ดินของโจทก์ จึงเป็นการอาศัยสิทธิของจำเลยเท่านั้นและตกอยู่ในฐานะบริวารของจำเลยจะอ้างความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯและพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ ยันโจทก์ไม่ได้
กรณีสัญญาเช่าที่ดินครบกำหนดกับกรณีที่เลิกสัญญาเช่าก่อนครบกำหนด เป็นเรื่องทำนองเดียวกันคือผู้ให้เช่ามีสิทธิเรียกร้องเอาที่ดินที่ให้เช่าคืน (อ้างฎีกาที่337/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ห้องเช่าเพื่อค้าไม่เป็นเคหะควบคุม สิทธิเช่าไม่อ้างอิง พ.ร.บ.ควบคุมเคหะ ผู้เช่าละเมิดสิทธิเจ้าของ
จำเลยเช่าห้องพิพาททำการค้าและได้ประกอบการค้าด้วยจึงไม่เป็นเคหะควบคุม และไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ
เมื่อห้องพิพาทมิใช่เคหะควบคุม แม้จำเลยจะได้แจ้งความจำนงขอเช่าไปให้โจทก์ทราบตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ การกระทำของจำเลยก็ไม่ผูกมัดโจทก์ เพราะกรณีนี้ไม่อยู่ในบทบังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้
เมื่อจำเลยอยู่ในที่เช่าโดยไม่มีสัญญาเช่าหรือสิทธิอะไรตามกฎหมาย โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยออกไปเมื่อไรก็ย่อมทำได้ ไม่จำเป็นต้องทำการบอกกล่าวกันก่อนแต่ประการใด
เมื่อปรากฏว่าจำเลยขืนอยู่ในห้องพิพาทโดยไม่มีสิทธิที่จะอ้างอิงแต่อย่างใดถือได้ว่าจำเลยได้ละเมิดสิทธิโจทก์และโจทก์ได้รับความเสียหายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 593/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือและไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า สิทธิการเช่าไม่สามารถใช้ต่อสู้คดีขับไล่ได้
จำเลยเช่าห้องโจทก์โดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ และไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ เมื่อโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยอาศัย ดังนี้ จำเลยจะอ้างการเช่ามาต่อสู้โจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้เช่าช่วงในที่ดินเมื่อผู้เช่าหลักหมดสิทธิ – ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พรบ.ควบคุมค่าเช่า
เมื่อผู้เช่าที่ดินมาปลูกสร้างโรงเรือนให้คนอื่นเช่าหมดสิทธิในที่ดินแล้ว เจ้าของที่ดินย่อมฟ้องห้ามผู้เช่าโรงเรือนมิให้เข้าไปครอบครองสิ่งใด ๆ ในที่ดินได้ กรณีเช่นนี้ไม่ถือว่าผู้เช่าโรงเรือนนั้นเป็นผู้เช่าช่วงที่ดินจากเจ้าของที่จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้เช่าช่วงเมื่อผู้เช่าเดิมหมดสิทธิ – ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เมื่อผู้เช่าที่ดินมาปลูกสร้างโรงเรือนให้คนอื่นเช่าหมดสิทธิในที่ดินแล้ว เจ้าของที่ดินย่อมฟ้องห้ามผู้เช่าโรงเรือนมิให้เข้าไปครอบครองสิ่งใด ๆ ในที่ดินได้ กรณีเช่นนี้ไม่ถือว่าผู้เช่าโรงเรือนนั้นเป็นผู้เช่าช่วงที่ดินจากเจ้าของที่จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707-1708/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กฎหมายชลประทานคุ้มครองสาธารณสมบัติเหนือกว่าสิทธิเช่าเอกชน
บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง ฯ มีวัตถุประสงค์จะคุ้มครองสาธารณสมบัติของแผ่นดินอันเป็นกฎหมายที่มุ่งคุ้มครองสาธารณชนส่วนพระราชบัญญัติควบุคมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฯ เป็นกฎหมายที่มุ่งคุ้มครองสาธารณชนจึงมีผลบังคับเหนือกว่ากฎหมายที่คุ้มครองเอกชน การที่พระราชบัญญัติการชลประทานหลวงบัญญัติห้ามปลูกสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดรุกล้ำคันคลอง ชานคลองนั้น แม้จำเลยจะเช่าที่ดินกรมชลประทานปลูกเรือนอยู่อาศัยมาก่อนก็ตามก็ย่อมไม่ได้รับยกเว้นที่จะคงอยู่ต่อไป และไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฯ ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1583/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีสิทธิเป็นบุคคลในครอบครัวของผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ต้องมีการอยู่อาศัยร่วมกันจริง
โจทก์มิได้ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องที่โจทก์ให้จำเลยเช่าหรือที่โจทก์ให้จำเลยอาศัย แต่เป็นคดีที่ฟ้องขับไล่จำเลย ในฐานที่จำเลยฉวยโอกาสเข้าอยู่ในห้องพิพาทแทนผู้เช่าเดิมซึ่งตาย โดยจำเลยไม่มีอำนาจ เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
จำเลยซึ่งเป็นน้องผู้เช่าได้ย้ายทะเบียนสำมะโนครัว เป็นผู้อยู่ในห้องพิพาทก่อนผู้เช่าตาย 1 ปีเศษ แต่จำเลยไม่ได้เข้ามาอยู่ร่วมกับผู้เช่า จำเลยเพิ่งมาปรนนิบัติผู้เช่าเมื่อผู้เช่าป่วยและตาย การกระทำของจำเลยไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะเป็นบุคคลในครอบครัวของผู้เช่าซึ่งอาศัยอยู่ในทรัพย์สินที่เช่าขณะผู้เช่าตาย ตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ มาตรา 17
of 15