พบผลลัพธ์ทั้งหมด 138 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2604/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเดิมสิ้นสุด แต่จำเลยยังชำระค่าเช่าให้โจทก์ต่อเนื่อง โจทก์ยังมีสิทธิฟ้องขับไล่ได้
เดิมจำเลยเข้าอยู่ในตึกแถวพิพาทก็โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่ากับโจทก์ต่อมาเมื่อสัญญานั้นสิ้นกำหนดเวลาแล้วและก่อนที่จำเลยจะทำสัญญาเช่าจากบริษัท ฮ. จำเลยยังคงอยู่ในตึกแถวพิพาทและชำระค่าเช่าให้โจทก์ตลอดมา แม้บริษัท ฮ. เป็นผู้เช่าตึกแถวพิพาทจากสำนักพระราชวัง (สำนักงานพระคลังข้างที่)เมื่อ พ.ศ.2516แต่ขณะนั้นจำเลยก็ยังเป็นผู้เช่าจากโจทก์และชำระค่าเช่าให้โจทก์ตลอดมาเช่นกันจำเลยจึงอยู่ในตึกแถวพิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่าจากโจทก์ต่อมาแม้การเช่าของโจทก์ซึ่งได้รับโอนสิทธิจากผู้ให้เช่าคนก่อน ๆ จะสิ้นกำหนดเวลาลงแล้วโจทก์ย่อมฟ้องจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2368/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก: โจทก์มีสิทธิขอรวมในคดีมีข้อพิพาทได้ ไม่ต้องแยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก เป็นคดีมีข้อพิพาทคำขอท้ายฟ้องมีหลายข้อด้วยกัน โดยเฉพาะคำขอให้จำเลยพ้นจากการเป็นผู้จัดการมรดกย่อมหมายถึงขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 ซึ่งโจทก์มีสิทธิร้องขอรวมมาในคดีนี้ได้ ไม่จำต้องแยกไปร้องขอในคดีเดิม แม้ศาลชั้นต้นจะเห็นว่า ศาลไม่อาจสั่งเพิกถอนคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกได้ แม้ศาลชั้นต้นจะเห็นว่า ศาลไม่อาจสั่งเพิกถอนคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกได้ ก็ยังต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำขอข้ออื่นของโจทก์อยู่อีก จะงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียทั้งหมดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2368/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก: โจทก์มีสิทธิขอรวมในคดีมีข้อพิพาท แม้ศาลชั้นต้นจะไม่อาจเพิกถอนได้ ก็ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงอื่น
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกเป็นคดีมีข้อพิพาท คำขอท้ายฟ้องมีหลายข้อด้วยกันโดยเฉพาะคำขอให้จำเลยพ้นจากการเป็นผู้จัดการมรดกย่อมหมายถึงขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727ซึ่งโจทก์มีสิทธิร้องขอรวมมาในคดีนี้ได้ไม่จำต้องแยกไปร้องขอในคดีเดิม แม้ศาลชั้นต้นจะเห็นว่าศาลไม่อาจสั่งเพิกถอนคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกได้ ก็ยังต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำขอข้ออื่นของโจทก์อยู่อีก จะงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียทั้งหมดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีหลังฎีกา: สิทธิโจทก์ในการรับชำระหนี้ แม้จำเลยมิได้ขอทุเลาการบังคับ
จำเลยแพ้คดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ในชั้นฎีกาจำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 247 คือการยื่นฎีกาไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ย่อมที่จะขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอันที่จะได้รับชำระหนี้หรือทรัพย์สินที่ลูกหนี้นำมาวางและออกใบรับให้ กับมีอำนาจที่จะยึดหรืออายัดและยึดถือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้ และมีอำนาจที่จะเอาทรัพย์สินเช่นว่านี้ออกขายทอดตลาด ทั้งมีอำนาจที่จะจำหน่ายทรัพย์สินหรือเงินรายได้จากการนั้น และดำเนินวิธีการบังคับทั่ว ๆ ไปตามที่ศาลได้กำหนดไว้ในหมายบังคับคดี คดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะจ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ไปจึงเป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดี เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ขอทุเลาการบังคับเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ต้องจ่ายเงินให้โจทก์ไป
การบังคับคดีเป็นอำนาจและหน้าที่ของศาลชั้นต้น ถึงแม้จำเลยที่ 1 ไม่ขอทะเลาการบังคับ ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจดำเนินการบังคับคดีไปตามปกติ เช่นจะสั่งงดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) ก็ทำได้ ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้น
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอันที่จะได้รับชำระหนี้หรือทรัพย์สินที่ลูกหนี้นำมาวางและออกใบรับให้ กับมีอำนาจที่จะยึดหรืออายัดและยึดถือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้ และมีอำนาจที่จะเอาทรัพย์สินเช่นว่านี้ออกขายทอดตลาด ทั้งมีอำนาจที่จะจำหน่ายทรัพย์สินหรือเงินรายได้จากการนั้น และดำเนินวิธีการบังคับทั่ว ๆ ไปตามที่ศาลได้กำหนดไว้ในหมายบังคับคดี คดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะจ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ไปจึงเป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดี เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ขอทุเลาการบังคับเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ต้องจ่ายเงินให้โจทก์ไป
การบังคับคดีเป็นอำนาจและหน้าที่ของศาลชั้นต้น ถึงแม้จำเลยที่ 1 ไม่ขอทะเลาการบังคับ ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจดำเนินการบังคับคดีไปตามปกติ เช่นจะสั่งงดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) ก็ทำได้ ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีและการยื่นบัญชีพยาน: ศาลมีอำนาจพิจารณาการขอเลื่อนก่อน และโจทก์ยังคงสิทธิยื่นบัญชีพยานได้หลังการเลื่อน
ในวันนับสือพยานซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าป่วย ทนายจำเลยแถลงว่าไม่ค้าน แต่ค้านว่าโจทก์ไม่ยื่นบัญชีพยานก่อนสืบพยานโจทก์ 3 วัน ขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ดังนี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคำร้องขอเลื่อนเสียก่อน ส่วนการยื่นบัญชีระบุพยานเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 อีกชั้นหนึ่ง หลังจากที่ศาลมีคำสั่งเรื่องการขอเลื่อนคดีแล้วจะถือว่าโจทก์หมดสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเสียในชั้นนี้ยังไม่ได้
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนสืบพยาน 3 วัน ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และนัดสืบพยานจำเลยต่อไป ครั้นสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้ การที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษารับบัญชีระบุพยานโจทก์และดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไป ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าขอให้มีการสืบพยานโจทก์ด้วย และการที่จะมีการสืบพยานโจทก์ได้ก็จะต้องให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียก่อน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงหาเกินคำขอของโจทก์ที่อุทธรณ์ไม่
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนสืบพยาน 3 วัน ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และนัดสืบพยานจำเลยต่อไป ครั้นสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้ การที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษารับบัญชีระบุพยานโจทก์และดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไป ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าขอให้มีการสืบพยานโจทก์ด้วย และการที่จะมีการสืบพยานโจทก์ได้ก็จะต้องให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียก่อน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงหาเกินคำขอของโจทก์ที่อุทธรณ์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2741/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับของจำเลยมีผลผูกพัน แม้สัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาท จำเลยฎีกาโต้แย้งข้อหนึ่งว่าสัญญาเช่าบ้านพิพาทไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ เมื่อฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยเช่าบ้านพิพาท จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาเช่าบ้านกับโจทก์จริง ดังนั้น โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องใช้สัญญาเช่าบ้านที่พิพาทอ้างอิงก็ได้เพราะคดีรับฟังได้ตามคำรับของจำเลยอยู่แล้วว่าจำเลยเป็นผู้เช่าบ้านพิพาทจากโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอเลื่อนคดีของโจทก์เนื่องจากทนายติดพิจารณาคดีอื่น ศาลอนุญาตเลื่อนได้ตามกฎหมาย
ทนายโจทก์ติดพิจารณาคดีอื่นซึ่งนัดไว้ก่อน เป็นความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ จึงขอเลื่อนเป็นครั้งแรก โจทก์มีสิทธิขอเลื่อนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ศาลสั่งให้เลื่อนได้ครั้งเดียวไม่เกิน 1 เดือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้: การชำระหนี้ผิดนัดและสิทธิของโจทก์ในการฟ้องร้อง
หนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำให้แก่โจทก์ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน จำเลยมิได้ชำระหนี้ให้ครบตามกำหนดเป็นเวลาถึง 8 เดือน จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดตามประมวลกฎหมายกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง แม้จะปรากฏว่าในเวลาต่อมาจำเลยได้ส่งเงินที่ค้างชำระอยู่นั้นทั้งหมดไปให้โจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมรับแล้วนำคิดมาฟ้องก็ตาม จะถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้
บันทึกข้อความท้ายหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยมีว่า "การชำระงวดนั้นข้าพเจ้านายชัย ชิดชอบ ขอรับรองว่าเมื่อทางโรงงานสามารถจำหน่ายหินได้เป็นเงินก้อนหรือทางบริษัทเอื้อวิทยาสามารถให้ทางโรงงาน ศิลาชัยส่งหิน 3 ให้การรถไฟได้ จะส่งชำระแทนจนครบจำนวนที่ค้างหนี้ เพราะถือว่าบริษัทได้มีความกรุณามาก ขอยืนยันรับสภาพหนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ" แล้วจำเลยลงชื่อไว้ท้ายบันทึกดังกล่าวแต่ฝ่ายเดียว เช่นนี้เป็นเพียงคำรับรองยืนยันการชำระหนี้ของจำเลยฝ่ายเดียวต่อโจทก์เท่านั้น มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยที่จะเลือกชำระหนี้ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งบุคคลธรมดาได้ทำขึ้นเป็นใบรับรองหนี้เป็นตราสารที่ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร แม้ไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
บันทึกข้อความท้ายหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยมีว่า "การชำระงวดนั้นข้าพเจ้านายชัย ชิดชอบ ขอรับรองว่าเมื่อทางโรงงานสามารถจำหน่ายหินได้เป็นเงินก้อนหรือทางบริษัทเอื้อวิทยาสามารถให้ทางโรงงาน ศิลาชัยส่งหิน 3 ให้การรถไฟได้ จะส่งชำระแทนจนครบจำนวนที่ค้างหนี้ เพราะถือว่าบริษัทได้มีความกรุณามาก ขอยืนยันรับสภาพหนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ" แล้วจำเลยลงชื่อไว้ท้ายบันทึกดังกล่าวแต่ฝ่ายเดียว เช่นนี้เป็นเพียงคำรับรองยืนยันการชำระหนี้ของจำเลยฝ่ายเดียวต่อโจทก์เท่านั้น มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยที่จะเลือกชำระหนี้ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งบุคคลธรมดาได้ทำขึ้นเป็นใบรับรองหนี้เป็นตราสารที่ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร แม้ไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้: การชำระหนี้ตามกำหนด และสิทธิของโจทก์ในการฟ้องร้องเมื่อจำเลยผิดนัด
หนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำให้แก่โจทก์ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน จำเลยมิได้ชำระหนี้ให้ครบตามกำหนดเป็นเวลาถึง 8 เดือน จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง แม้จะปรากฏว่าในเวลาต่อมาจำเลยได้ส่งเงินที่ค้างชำระอยู่นั้นทั้งหมดไปให้โจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมรับแล้วนำคดีมาฟ้องก็ตาม จะถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้
บันทึกข้อความท้ายหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยมีว่า 'การชำระงวดนั้นข้าพเจ้านายชัยชิดชอบ ขอรับรองว่าเมื่อทางโรงงานสามารถจำหน่ายหินได้เป็นเงินก้อนหรือทางบริษัทเอื้อวิทยาสามารถให้ทางโรงงานศิลาชัยส่งหิน 3 ให้การรถไฟได้ จะส่งชำระแทนจนครบจำนวนที่ค้างหนี้ เพราะถือว่าบริษัทได้มีความกรุณามาก ขอยืนยันรับสภาพหนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ' แล้วจำเลยลงชื่อไว้ท้ายบันทึกดังกล่าวแต่ฝ่ายเดียว เช่นนี้เป็นเพียงคำรับรองยืนยันการชำระหนี้ของจำเลยฝ่ายเดียวต่อโจทก์เท่านั้น มิใช่เรื่องที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยที่จะเลือกชำระหนี้ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งบุคคลธรรมดาได้ทำขึ้น เป็นใบรับรองหนี้เป็นตราสารที่ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร แม้ไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
บันทึกข้อความท้ายหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยมีว่า 'การชำระงวดนั้นข้าพเจ้านายชัยชิดชอบ ขอรับรองว่าเมื่อทางโรงงานสามารถจำหน่ายหินได้เป็นเงินก้อนหรือทางบริษัทเอื้อวิทยาสามารถให้ทางโรงงานศิลาชัยส่งหิน 3 ให้การรถไฟได้ จะส่งชำระแทนจนครบจำนวนที่ค้างหนี้ เพราะถือว่าบริษัทได้มีความกรุณามาก ขอยืนยันรับสภาพหนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ' แล้วจำเลยลงชื่อไว้ท้ายบันทึกดังกล่าวแต่ฝ่ายเดียว เช่นนี้เป็นเพียงคำรับรองยืนยันการชำระหนี้ของจำเลยฝ่ายเดียวต่อโจทก์เท่านั้น มิใช่เรื่องที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยที่จะเลือกชำระหนี้ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งบุคคลธรรมดาได้ทำขึ้น เป็นใบรับรองหนี้เป็นตราสารที่ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร แม้ไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2651/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีแพ่งไม่กระทบสิทธิโจทก์ในการดำเนินคดีอาญาคดีความผิดต่อส่วนตัว
โจทก์ฟ้องคดีอาญาขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ไว้แล้ว ต่อมาได้ไปฟ้องคดีแพ่งเรียกให้จำเลยชำระเงินตามเช็คฉบับพิพาทนั้นอีกสำนวนหนึ่ง แล้วได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งโดยจำเลยยอมใช้เงินตามเช็คฉบับพิพาทให้แก่โจทก์ ศาลได้มี คำพิพากษาตามยอมแล้ว เมื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความ ได้ระบุไว้ชัดว่า โจทก์ยอมตามที่จำเลยยอมเลิกคดีเฉพาะส่วนแพ่งแสดงชัดว่าโจทก์จำเลยมิได้ประสงค์ที่จะยอมเลิกคดีอาญาต่อกัน จึงไม่เป็นผลให้สิทธิของโจทก์ที่จะดำเนินคดีอาญาระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2)