พบผลลัพธ์ทั้งหมด 174 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2504/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและแจ้งการขายทอดตลาดโดยการปิดประกาศหน้าศาลชอบด้วยกฎหมายเมื่อส่งโดยวิธีปกติไม่ได้ และการขายทอดตลาดในราคาที่สมควร
จำเลยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามฟ้อง แต่พนักงานเดินหมาย ส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้ไม่ได้ เพราะบ้านเลขที่ดังกล่าวถูกรื้อ ไปแล้ว ศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้ประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้จำเลย หลังจากนั้นในการแจ้งวันนัด ตลอดจนการแจ้งการยึดทรัพย์และวันขายทอดตลาดทำโดยการปิดประกาศที่หน้าศาลถือได้ว่าการส่งหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาด ให้จำเลย ไม่สามารถทำได้โดยวิธีธรรมดา ดังนี้ที่ศาลชั้นต้นอนุญาต ให้ส่งหนังสือดังกล่าวโดยการปิดประกาศหน้าศาล เป็นการใช้ดุลพินิจ สั่งโดยชอบ ถือว่าจำเลยทราบวันขายทอดตลาดแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทรวม 3 ครั้งเป็นเวลาเกือบ 5 เดือน ครั้งสุดท้ายมีผู้เข้าสู้ราคา 5 คน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแก่ผู้ให้ราคาสูงสุดเป็นเงิน 2,680,000 บาท สูงกว่าราคาประเมิน ที่จำเลยอ้างว่าที่ดินพิพาทมีราคาไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาทก็เป็นเพียงการคาดคะเน เมื่อไม่ปรากฏว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมาย ถือว่าการขายทอดตลาด ชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2238/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาใหม่กรณีส่งหมายเรียกไม่ชอบ การขาดนัด และกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่า โจทก์ได้ยื่นคำแถลงเท็จต่อศาลขอประกาศทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องรวมทั้งวันนัดสืบพยานโจทก์แก่จำเลย ตลอดจนขอให้ศาลประกาศให้จำเลยทราบคำบังคับที่หน้าศาล โดยอ้างว่าไม่ทราบที่อยู่ของจำเลย ศาลหลงเชื่อจึงอนุญาตให้ประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ ซึ่งไม่ใช่หนังสือพิมพ์ที่แพร่หลายในหมู่ประชาชน จำเลยไม่ทราบการให้จำเลยยื่นคำให้การแก้คดี การนัดสืบพยานโจทก์และการประกาศคำบังคับ หากได้ความว่าเป็นความจริงดังที่จำเลยอ้าง การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องรวมทั้งวันนัดสืบพยานโจทก์ ตลอดจนการส่งคำบังคับแก่จำเลยก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อไม่มีการส่งคำบังคับโดยชอบ จำเลยย่อมยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เมื่อใดก็ได้ หาตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 วรรคหนึ่ง ไม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยโดยอ้างว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เกินกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 โดยยังมิได้วินิจฉัยว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหรือไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องของจำเลยและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องรวมทั้งวันนัดสืบพยานโจทก์แก่จำเลยไม่ชอบ จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยโดยอ้างว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เกินกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 โดยยังมิได้วินิจฉัยว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหรือไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องของจำเลยและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องรวมทั้งวันนัดสืบพยานโจทก์แก่จำเลยไม่ชอบ จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5898/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่อยู่ไม่ถูกต้อง และการพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยมิได้จงใจขาดนัด
แม้ที่อยู่ของจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องจะเป็นภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสองตามหลักฐานทางทะเบียน แต่เมื่อโจทก์ทราบดีแล้วว่าจำเลยที่ 1 ขายกิจการให้ตน และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ได้ไปพักอยู่ที่อื่นซึ่งถือได้ว่าเป็นสำนักทำการงานของจำเลยทั้งสองแล้ว การที่โจทก์แถลงขอให้ศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองโดยวิธีการปิดหมายตามภูมิลำเนา ที่ปรากฏทางทะเบียน ทั้ง ๆ ที่ทราบดีว่าจำเลยทั้งสองมิได้อยู่ที่บ้านดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ จำเลยทั้งสองมิได้จงใจขาดนัดและมีเหตุสมควรให้พิจารณาคดีใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5898/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกโดยมิชอบเมื่อโจทก์ทราบที่อยู่ปัจจุบันของจำเลย มีเหตุสมควรให้พิจารณาคดีใหม่
แม้ที่อยู่ของจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องจะเป็นภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสองตามหลักฐานทางทะเบียน แต่เมื่อโจทก์ทราบดีแล้วว่าจำเลยที่ 1 ขายกิจการให้ตน และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ได้ไปพักอยู่ที่อื่นซึ่งถือได้ว่าเป็นสำนักทำการงานของจำเลยทั้งสองแล้ว การที่โจทก์แถลงขอให้ศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองโดยวิธีการปิดหมายตามภูมิลำเนาที่ปรากฏทางทะเบียน ทั้ง ๆ ที่ทราบดีว่าจำเลยทั้งสองมิได้อยู่ที่บ้านดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ จำเลยทั้งสองมิได้จงใจขาดนัดและมีเหตุสมควรให้พิจารณาคดีใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4004/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกโดยปิดประกาศในวันหยุดราชการ และการพิสูจน์เจตนาขาดนัดยื่นคำให้การ
การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องได้กระทำโดยการปิดหมายในวันหยุดราชการที่ป้ายประกาศของที่ว่าการอำเภอซึ่งมีไว้สำหรับปิดประกาศข่าวสารให้ประชาชนทราบ หมายเรียกและสำเนาคำฟ้องอาจถูกบุคคลอื่นดึงเอาไปก็เป็นได้จำเลยเป็นหน่วยราชการเมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฎว่าจำเลยได้รับหมายเรียกหรือพบเห็นหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่ปิดไว้ จึงต้องฟังว่าจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียก ณ ภูมิลำเนาที่เปลี่ยนแปลง การส่งทางประกาศชอบด้วยกฎหมายเมื่อไม่สามารถส่งตามภูมิลำเนาเดิมได้
โจทก์ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยตามภูมิลำเนาในคำฟ้องตามที่จำเลยระบุไว้ในสัญญากู้เงิน แต่การส่ง ณสถานที่ดังกล่าวไม่อาจกระทำได้เพราะจำเลยย้ายภูมิลำเนาและโจทก์ไม่อาจค้นหาภูมิลำเนาใหม่ได้ เพราะไม่ปรากฎว่าจำเลยได้แจ้งย้ายเข้าและย้ายออกจากบ้านที่แจ้งไว้โดยทางทะเบียนจึงเป็นกรณีที่ไม่อาจส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยได้ การที่ศาลมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตลอดจนแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลย โดยวิธีประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ตามที่โจทก์ขอ จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4400/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่ไม่สำเร็จ และสิทธิของโจทก์ในการดำเนินการ
ในวันที่โจทก์ยื่นคำฟ้องศาลชั้นต้นมิได้สั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย แต่มีคำสั่งว่า รับคำฟ้อง หมายส่งสำเนาให้จำเลย ถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง คำสั่งดังกล่าวมีความหมายว่าโจทก์ได้ทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในวันส่งนั้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยโจทก์ไม่ได้นำส่ง แล้วรายงานว่าส่งไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานว่า "รอโจทก์แถลง" โดยไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าส่งไม่ได้ โจทก์ย่อมไม่มีโอกาสทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) อันจะเป็นการทิ้งฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4400/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง หากส่งไม่ได้ ศาลต้องแจ้งโจทก์เพื่อให้ดำเนินคดีต่อ โจทก์ไม่ได้ทิ้งฟ้อง
ในวันที่โจทก์ยื่นคำฟ้องศาลชั้นต้นมิให้สั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย โจทก์จึงมีสิทธิที่จะนำส่งหรือไม่ก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคสองซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2527 มาตรา 5 ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยโจทก์ไม่ได้นำส่งแล้วรายงานว่า ส่งไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานว่า "รอโจทก์แถลง"โดยไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าส่งไม่ได้ โจทก์ย่อมไม่มีโอกาสทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องโดยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4400/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่โจทก์ไม่ได้นำส่งเอง ศาลต้องแจ้งผลการส่งให้โจทก์ทราบก่อนจะถือว่าทิ้งฟ้อง
ในวันที่โจทก์ยื่นคำฟ้องศาลชั้นต้นมิได้สั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย แต่มีคำสั่งว่า รับคำฟ้องหมายส่งสำเนาให้จำเลย ถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง คำสั่งดังกล่าวมีความหมายว่าโจทก์ได้ทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในวันส่งนั้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยโจทก์ไม่ได้นำส่ง แล้วรายงานว่าส่งไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานว่า "รอโจทก์แถลง" โดยไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าส่งไม่ได้ โจทก์ย่อมไม่มีโอกาสทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) อันจะเป็นการทิ้งฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4276/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียก/สำเนาคำฟ้องที่ผิดที่อยู่ และผลกระทบต่อการขาดนัดยื่นคำให้การ/ไม่มาศาล
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88,90การยื่นบัญชีระบุพยานและการส่งสำเนาเอกสารนั้นใช้บังคับเฉพาะการสืบพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้ออ้างข้อเถียงในประเด็นแห่งคดีที่พิพาทไม่ใช้บังคับในการไต่สวนคำร้องที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทในคดี ก่อนฟ้องคดีโจทก์รู้ว่าจำเลยอยู่บ้านเลขที่ 1274/27 ดังนั้นเมื่อส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่บ้านเลขที่ 1274/115อันเป็นสำนักทำการงานของจำเลยไม่ได้โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลย ณ บ้านเลขที่ 1274/27อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลย การที่ศาลอนุญาตให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยทราบคำฟ้องและวันนัดสืบพยาน กรณีมีเหตุที่จะให้พิจารณาใหม่