พบผลลัพธ์ทั้งหมด 355 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจารและการข่มขืน ถือเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ ต้องลงโทษทุกกระทง
การที่ผู้เสียหายขออนุญาตมารดาไปนอนค้างที่บ้านนางสาว ศ.ยังไม่ถือว่าพ้นจากอำนาจปกครองของบิดามารดาเมื่อจำเลยขับรถจักรยานยนต์รับผู้เสียหายในระหว่างทางจากรถจักรยานยนต์ของ น.แล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายย่อมเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาผู้เสียหายและตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา318วรรคสามก็มิได้บัญญัติไว้ว่าผู้กระทำความผิดจะต้องมีเจตนาโดยทุจริตซึ่งเป็นเจตนาพิเศษแต่อย่างใด เมื่อจำเลยมีเจตนาพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารถือได้ว่าความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารสำเร็จนับแต่จำเลยเริ่มพรากผู้เสียหายแล้วแม้จำเลยจะยังไม่ได้กระทำการข่มขืนกระทำชำเราก็ตามการที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราหลังจากนั้นจึงเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งซึ่งต่างกรรมต่างวาระกับความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันเป็น2กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1627/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์, อำนาจปกครอง, และความผิดฐานอนาจาร: การกระทำต่อผู้เยาว์โดยไม่ยินยอม
นางสาว ก. ผู้เสียหาย อายุ 15 ปีเศษ ไม่ได้พักอาศัยอยู่กับมารดา เพราะมารดานำไปฝากให้อยู่กับผู้อื่นก็ไม่ถือว่าพ้นจากอำนาจปกครองของมารดา การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปโดยมารดามิได้ยินยอม ย่อมเป็นการล่วงอำนาจปกครองของมารดาแม้ผู้เสียหายจะสมัครใจยินยอมก็ถือไม่ได้ว่าได้รับความยินยอมจากมารดา การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปเสียจากมารดา การกระทำเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282 และ 319 นั้น หมายความถึงการกระทำที่ไม่สมควรในทางเพศต่อร่างกายของบุคคลอื่น ซึ่งต้องเป็นการกระทำต่อเนื้อตัวของบุคคลโดยตรง จะกระทำในที่รโหฐานหรือสาธารณสถาน ก็ไม่มีผลที่แตกต่างกัน การที่ชายอื่นร่วมประเวณีกับผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ที่ถูกจำเลยพาไปในห้อง ของโรงแรมแม้จะเป็นที่มิดชิดแต่ก็เป็นการกระทำที่ไม่สมควร ในทางเพศต่อร่างกายของผู้เสียหายจึงเป็นการกระทำเพื่ออนาจาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจารและการกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจาร
ผู้เสียหายทั้งสี่มีอายุอยู่ระหว่างตั้งแต่ 12 ปี ถึง 16 ปี อยู่ในความปกครองของบิดามารดา จำเลยทั้งสามชักชวนให้ผู้เสียหายทั้งสี่ไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในภาคใต้แล้วพาไปประกอบอาชีพโสเภณี การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการร่วมกันพรากผู้เสียหายทั้งสี่ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจาร ทั้งผู้เสียหายทั้งสี่เพียงแต่เต็มใจไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคใต้ มิได้เต็มใจไปค้าประเวณี จึงถือไม่ได้ว่าผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า จำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสอง 1 กรรมและมาตรา 283 วรรคสาม 3 กรรม และฐานพรากเด็กและผู้เยาว์ตาม ป.อ.มาตรา 317 วรรคสาม 3 กรรม และมาตรา 319 วรรคหนึ่ง 1 กรรม แต่โจทก์บรรยายฟ้องโดยไม่มีรายละเอียดให้เห็นว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรม ศาลจะลงโทษจำเลยทั้งสามให้แต่ละกรรมนอกเหนือจากคำฟ้องและคำขอของโจทก์หาได้ไม่จึงลงโทษจำเลยทั้งสามตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสาม กรรมเดียว
แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า จำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสอง 1 กรรมและมาตรา 283 วรรคสาม 3 กรรม และฐานพรากเด็กและผู้เยาว์ตาม ป.อ.มาตรา 317 วรรคสาม 3 กรรม และมาตรา 319 วรรคหนึ่ง 1 กรรม แต่โจทก์บรรยายฟ้องโดยไม่มีรายละเอียดให้เห็นว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรม ศาลจะลงโทษจำเลยทั้งสามให้แต่ละกรรมนอกเหนือจากคำฟ้องและคำขอของโจทก์หาได้ไม่จึงลงโทษจำเลยทั้งสามตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสาม กรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร – การกระทำผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจาร และการลงโทษตามบทบัญญัติที่โจทก์ฟ้อง
ผู้เสียหายทั้งสี่มีอายุอยู่ระหว่างตั้งแต่12ปีถึง16ปีอยู่ในความปกครองของบิดามารดาจำเลยทั้งสามชักชวนให้ผู้เสียหายทั้งสี่ไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในภาคใต้แล้วพาไปประกอบอาชีพโสเภณีการกระทำดังกล่าวจึงเป็นการร่วมกันพรากผู้เสียหายทั้งสี่ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจารทั้งผู้เสียหายทั้งสี่เพียงแต่เต็มใจไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคใต้มิได้เต็มใจไปค้าประเวณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา283วรรคสอง1กรรมและมาตรา283วรรคสาม3กรรมและฐานพรากเด็กและผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา317วรรคสาม3กรรมและมาตรา319วรรคหนึ่ง1กรรมแต่โจทก์บรรยายฟ้องโดยไม่มีรายละเอียดให้เห็นว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรมศาลจะลงโทษจำเลยทั้งสามให้แต่ละกรรมนอกเหนือจากคำฟ้องและคำขอของโจทก์หาได้ไม่จึงลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา283วรรคสามกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3758/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพาผู้อื่นไปกระทำอนาจารโดยไม่ยินยอม แม้เริ่มด้วยความสมัครใจก็ถือเป็นความผิด
วันเกิดเหตุมีงานศพที่วัดวังมะปราง บิดามารดาผู้เสียหายและผู้เสียหายไปช่วยงานศพที่วัด ดังนี้ การที่จำเลยพาผู้เสียหายอายุ 17 ปี ออกจากวัดวังมะปราง แม้ในตอนแรกผู้เสียหายจะสมัครใจไปด้วย แต่การพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารและปลุกปล้ำกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายโดยผู้เสียหายมิได้ยินยอมด้วยนั้น ถือว่าผู้เสียหายมิได้เต็มใจไปด้วย จำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา278, 318 วรรคสาม
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีอายุ 19 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ไม่ถูกต้อง เพราะอายุที่ถือเป็นเกณฑ์ตามบทกฎหมายดังกล่าว คือ อายุขณะที่กระทำความผิด ซึ่งขณะกระทำผิดจำเลยอายุ 17 ปีเศษ ยังอ่อนเยาว์ต่อความรู้สึกผิดชอบสมควรลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีอายุ 19 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ไม่ถูกต้อง เพราะอายุที่ถือเป็นเกณฑ์ตามบทกฎหมายดังกล่าว คือ อายุขณะที่กระทำความผิด ซึ่งขณะกระทำผิดจำเลยอายุ 17 ปีเศษ ยังอ่อนเยาว์ต่อความรู้สึกผิดชอบสมควรลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3758/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำอนาจารโดยไม่ได้รับความยินยอม แม้ผู้เสียหายจะไปด้วยความสมัครใจแต่ถูกพาไปเพื่อประสงค์ต่อการกระทำผิด อายุผู้กระทำผิดขณะกระทำความผิดเป็นสำคัญ
วันเกิดเหตุมีงานศพที่วัดวังมะปราง บิดามารดาผู้เสียหายและผู้เสียหายไปช่วยงานศพที่วัดดังนี้การที่จำเลยพาผู้เสียหายอายุ17ปีออกจากวัดวังมะปราง แม้ในตอนแรกผู้เสียหายจะสมัครใจไปด้วยแต่การพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารและปลุกปล้ำกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายโดยผู้เสียหายมิได้ยินยอมด้วยนั้นถือว่าผู้เสียหายมิได้เต็มใจไปด้วยจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา278,318วรรคสาม ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีอายุ19ปีลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา76ไม่ถูกต้องเพราะอายุที่ถือเป็นเกณฑ์ตามบทกฎหมายดังกล่าวคืออายุขณะที่กระทำความผิดซึ่งขณะกระทำผิดจำเลยอายุ17ปีเศษยังอ่อนเยาว์ต่อความรู้สึกผิดชอบสมควรลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำอนาจารและการพรากผู้เยาว์: ไม่เข้าข่ายพยายามกระทำชำเรา
จำเลยพาผู้เสียหายไปที่ป่าละเมาะและใช้อวัยวะเพศของจำเลยทิ่มตำอวัยวะเพศของผู้เสียหายกับใช้นิ้วชี้ใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย แล้วใช้มือของจำเลยชักอวัยวะเพศของตนจนสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง โดยไม่มีเจตนากระทำชำเราผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายและพรากผู้เสียหายไปจากบิดามารดาผู้ดูแลเท่านั้น หาใช่เป็นความผิดฐานพยายามกระทำชำเราผู้เสียหายไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำอนาจารเด็กชายและการพรากผู้เยาว์ ศาลฎีกาตัดสินว่าพฤติการณ์ไม่ถึงขั้นพยายามข่มขืน
จำเลยพาผู้เสียหายไปที่ป่าละเมาะและใช้อวัยวะเพศของจำเลยทิ่มตำอวัยวะเพศของผู้เสียหายกับใช้นิ้วชี้ใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายแล้วจำเลยสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองจึงเป็นการพรากผู้เสียหายไปจากบิดามารดาผู้ดูแลและกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายเท่านั้นหาใช่เป็นความผิดฐาน พยายามกระทำชำเราผู้เสียหายไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำอนาจารและการพรากผู้เยาว์: การพิจารณาเจตนาในการกระทำความผิดทางเพศ
จำเลยพาผู้เสียหายไปที่ป่าละเมาะและใช้อวัยวะเพศของจำเลยทิ่มตำอวัยวะเพศของผู้เสียหายกับใช้นิ้วชี้ใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายแล้วใช้มือของจำเลยชักอวัยวะเพศของตนจนสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองโดยไม่มีเจตนากระทำชำเราผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายและพรากผู้เสียหายไปจากบิดามารดาผู้ดูแลเท่านั้นหาใช่เป็นความผิดฐานพยายามกระทำชำเราผู้เสียหายไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6419/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร แม้สำคัญผิดในอายุ แต่ยังคงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์
การที่เด็กหญิง ข.หลบหนีออกจากบ้านเพียงไปดูภาพยนตร์ซึ่งไม่ห่างไกลจากบ้านที่อยู่ เมื่อภาพยนต์เลิกแล้วก็คงกลับบ้านหากไม่ถูกจำเลยพาไป อำนาจในการปกครองดูแลของ จ. หาได้สิ้นสุดลงไม่ การที่จำเลยพาเด็กหญิง ข.ไปอยู่ที่อื่นหลายวันถือได้ว่าเป็นการพรากเด็กหญิง ข. ออกจาก จ.โดยปราศจากเหตุอันสมควร ระหว่างที่พาเด็กหญิง ข.ไปพักในที่ต่าง ๆ จำเลยได้กระทำชำเราเด็กหญิง ข. อันเป็นการกระทำอนาจารด้วย แม้ขณะเกิดเหตุเด็กหญิง ข. จะมีอายุ 13 ปี แต่เด็กหญิง ข.มีรูปร่างสมบูรณ์กว่าเด็กปกติทั่วไปจนจำเลยสำคัญผิดว่ามีอายุ 17 ปี จำเลยย่อมได้รับประโยชน์ ตาม ป.อ.มาตรา 62 วรรคแรก จำเลยจึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่ออนาจารตาม ป.อ. มาตรา 319 วรรคแรก