พบผลลัพธ์ทั้งหมด 111 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าหน้าที่สั่งรื้ออาคารต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์กฎหมาย และสิทธิของผู้ยื่นขออนุญาต
ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 มาตรา 11 ทวิ ซึ่งได้แก้ไขโดยพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2504 และมาตรา 12 ทวิ มิได้บัญญัติโดยเด็ดขาดว่าคำสั่งของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหรือคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์เกี่ยวแก่การก่อสร้างอาคาร ให้เป็นที่สุด และเห็นได้ว่าได้ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจสั่งการอย่างอื่นได้ด้วย เช่น จะสั่งแต่เพียงให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยไม่ต้องรื้อแทนก็ได้ (อ้างฎีกาที่ 1219/2504) วัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารซึ่งปรากฏในคำปรารภมีว่า เพื่อต้องการควบคุมเพื่อประโยชน์ในความมั่นคง แข็งแรง การอนามัย การสุขาภิบาล การป้องกันอัคคีภัยและการผังเมือง ส่วนการให้ขออนุญาตก่อสร้างนั้นเป็นแต่เพียงวิธีดำเนินการ มิใช่วัตถุประสงค์โดยตรง จึงไม่ใช่นโยบายของกฎหมายว่าเพียงแต่ไม่ขออนุญาตก็ต้องสั่งให้รื้อ โดยไม่คำนึงว่าอาคารนั้นผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ถ้าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสั่งให้รื้อถอนอาคารของโจทก์โดยไม่ปรากฏว่าได้ก่อสร้างผิดวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร ฯ ก็อาจเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนคำสั่งนั้นเสียได้ และเมื่อโจทก์ได้บรรยายมาในฟ้องแล้วว่า คำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะสั่งให้รื้อถอนอาคารของโจทก์โดยไม่พิจารณาตรวจคำขออนุญาตปลูกอาคารของโจทก์ หรือให้เหตุผลว่าอาคารของโจทก์ปลูกสร้างขึ้นไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดของกฎหมายอย่างใด จึงเป็นฟ้องที่ต้องรับไว้พิจารณา
คำสั่งจะรื้อถอนอาคารของจำเลยมีถึงภริยาโจทก์ แต่โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้ให้ภริยาโจทก์ยื่นขออนุญาตปลูกอาคารรายนี้ จึงแสดงว่าโจทก์ได้ให้ภริยาเป็นผู้ยื่นคำขออนุญาตแทนโจทก์ ทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468 และ 1469 โจทก์ก็มีอำนาจจัดการสินบริคณห์และมีสิทธิฟ้องคดีเพื่อประโยชน์แก่สินบริคณห์ คำสั่งของจำเลยจึงกระทบกระเทือนสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ซึ่งเป็นสามี การกระทำของจำเลยจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2509)
คำสั่งจะรื้อถอนอาคารของจำเลยมีถึงภริยาโจทก์ แต่โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้ให้ภริยาโจทก์ยื่นขออนุญาตปลูกอาคารรายนี้ จึงแสดงว่าโจทก์ได้ให้ภริยาเป็นผู้ยื่นคำขออนุญาตแทนโจทก์ ทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468 และ 1469 โจทก์ก็มีอำนาจจัดการสินบริคณห์และมีสิทธิฟ้องคดีเพื่อประโยชน์แก่สินบริคณห์ คำสั่งของจำเลยจึงกระทบกระเทือนสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ซึ่งเป็นสามี การกระทำของจำเลยจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1502/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างอาคารและยกกรรมสิทธิ์ให้เจ้าของที่ดิน: สิทธิเช่าจนครบกำหนด
สัญญาซึ่งจำเลยตกลงเช่าที่ดินของโจทก์เพื่อปลูกสร้างอาคารทำการค้าและให้เช่า เมื่อครบ 20 ปีแล้ว ให้อาคารตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์นั้นเป็นสัญญาต่างตอบแทน มิใช่สัญญาเช่าธรรมดา ฉะนั้น เมื่อจำเลยปลูกสร้างอาคารตามสัญญาแล้ว จำเลยก็มีสิทธิจะได้เช่าที่ดินของโจทก์ต่อไปจนครบ 20 ปีตามที่ได้ตกลงกันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เตาอบในอาคารไม่ใช่การก่อสร้างอาคารตามกฎหมาย หากไม่ได้ขยายพื้นที่อาคารเดิม
เตาอบขนมปังไม่เป็นอาคารตามความหมายของพ.ร.บ. ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 มาตรา 4 และประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ 3/2493 จำเลยได้ต่อเติม ขยายเตาอบให้ใหญ่ขึ้นภายในห้องของจำเลย ตัวอาคารมิได้กว้างออกไปจากเดิม จึงไม่เป็นการปลูกสร้างอาคารที่จะต้องขออนุญาตตามกฎหมายการกระทำของจำเลยจังยังไม่เป็นความผิดฐานต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เตาอบขนมปังไม่ใช่ 'อาคาร' ตามกฎหมายควบคุมการก่อสร้าง การต่อเติมภายในไม่ถือเป็นการปลูกสร้าง
เตาอบขนมปังไม่เป็นอาคารตามความหมายของพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2479 มาตรา 4 และประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ 3/2493 จำเลยได้ต่อเติมขยายเตาอบให้ใหญ่ขึ้นภายในห้องของจำเลย ตัวอาคารมิได้กว้างออกไปจากเดิม จึงไม่เป็นการปลูกสร้างอาคารที่จะต้องขออนุญาตตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นความผิดฐานต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อเติมพื้นอาคารนอกฝาผนังอิฐ ไม่ถือเป็นการขยายพื้นที่อาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร
ตลาดสดของจำเลยเทปูนซิเมนต์เป็นพื้น มีหลังคาคลุมรอบ 4 ด้านด้านยาวของตลาดมีกันสาดอยู่หน่อยหนึ่ง และมีฝาผนังอิฐกั้น จำเลยได้เทซิเมนต์ต่อจากฝาผนังอิฐออกไปกว้าง 2 เมตรครึ่ง ยาวตามตัวตลาด 50 เมตรเศษ เช่นนี้ไม่ถือว่า จำเลยเพิ่มเติมหรือขยายพื้นอาคารตลาดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร 2479 ม.7 (2) เพราะตลาดนั้นมีฝาผนังอิฐนจึงไม่ใช่เป็นการเพิ่มเติมหรือขยายพื้นอาคาร และไม่ใช่เป็นพื้นเดียวกับพื้นตลาดนั้นเลย แม้จำเลยจะไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่ผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคารฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อเติมพื้นที่นอกอาคารเดิมที่แยกจากตัวอาคารด้วยผนังอิฐ ไม่ถือเป็นการขยายพื้นที่อาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร
ตลาดสดของจำเลยเทปูนซิเมนต์เป็นพื้น มีหลังคาคลุมรอบ4 ด้าน ด้านยาวของตลาดมีกันสาดอยู่หน่อยหนึ่ง และมีฝาผนังอิฐกั้น จำเลยได้เทซิเมนต์ต่อจากฝาผนังอิฐออกไปกว้าง 2 เมตรครึ่ง ยาวตามตัวตลาด 50 เมตรเศษ เช่นนี้ไม่ถือว่า จำเลยเพิ่มเติมหรือขยายพื้นอาคารตลาดตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร 2479 มาตรา 7(2) เพราะตลาดนั้นมีฝาผนังอิฐกั้นอยู่ การเทปูนต่อเติมออกไปจากฝาผนังอิฐจึงไม่ใช่เป็นการเพิ่มเติมหรือขยายพื้นอาคาร และไม่ใช่เป็นพื้นเดียวกับพื้นตลาดนั้นเลย แม้จำเลยจะไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่ผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฝากั้นห้องเช่าเป็นส่วนควบของอาคารหรือไม่ พิจารณาจากสภาพทรัพย์และจารีตประเพณี
ฝากั้นห้องจะเป็นส่วนควบของอาคารที่จำเลยเช่าจากโจทก์มาทำโรงแรมหรือไม่ จะต้องพิจารณาถึงสภาพของทรัพย์อย่างหนึ่งหรือตามจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นอีกอย่างหนึ่งว่าฝาที่กั้นเป็นห้องนั้นเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของอาคารที่จำเลยเช่าจากโจทก์หรือไม่ หากตามสภาพของฝาที่กั้นเป็นห้องเป็นทรัพย์ที่อาจแยกออกจากตัวอาคารได้ โดยมิได้เป็นการทำลายอาคารหรือทำให้อาคารบุบสลายหรือเปลี่ยนแปลงรูปทรงแต่อย่างใด ฝากั้นเป็นห้องหาเป็นสาระสำคัญของอาคารไม่ และโจทก์มิได้นำสืบถึงจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น ฝากั้นห้องนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นส่วนควบของอาคาร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ส่วนควบของอาคาร: ฝากั้นห้องเป็นสาระสำคัญหรือไม่ พิจารณาจากสภาพทรัพย์และจารีตประเพณี
ฝากั้นห้องจะเป็นส่วนควบของอาคารที่จำเลยเช่าจากโจทก์มาทำโรงแรมหรือไม่ จะต้องพิจารณาถึงสภาพของทรัพย์อย่างหนึ่งหรือตามจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นอีกอย่างหนึ่งว่าฝาที่กั้นเป็นห้องนั้นเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของอาคารที่จำเลยเช่าจากโจทก์หรือไม่ หากตามสภาพของฝาที่กั้นเป็นห้องเป็นทรัพย์ที่อาจแยกออกจากตัวอาคารได้โดยมิได้เป็นการทำลายอาคารหรือทำให้อาคารบุบสลายหรือเปลี่ยนแปลงรูปทรงแต่อย่างใด ฝากั้นเป็นห้องหาเป็นสาระสำคัญของอาคารไม่ และโจทก์มิได้นำสืบถึงจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นฝากั้นห้องนั้นก็ไม่ถือเป็นส่วนควบของอาคาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รั้วเก็บถ่านติดทางสาธารณะเข้าข่าย 'อาคาร' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร
รั้วกั้นไว้สำหรับเก็บถ่านเพื่อการค้าอยู่ติดต่อกับทางสาธารณะย่อมเป็น " อาคาร " ตาม ม.4 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2479.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รั้วเก็บถ่านติดทางสาธารณะเข้าข่าย 'อาคาร' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร
รั้วกั้นไว้สำหรับเก็บถ่านเพื่อการค้าอยู่ติดต่อกับทางสาธารณะย่อมเป็น'อาคาร' ตาม มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2479