คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อายุ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 100 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743-746/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับอายุเพื่อการรับราชการทหาร: เกณฑ์อายุ 17 ปีบริบูรณ์และการมีหน้าที่ลงบัญชี
การนับอายุตาม พ.ร.บ.รับราชการทหารนั้นท่านให้นับ 1 ในปี พ.ศ.ที่เกิดเป็น+ไป
ท่านเกิดปี พ.ศ.2464 มีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ใน พ.ศ.2480 ซึ่งจะต้องไปขึ้นทะเบียนทหารในปีนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2477

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอายุ 'เด็ก' ตาม พ.ร.บ.ประถมศึกษา และอำนาจบังคับให้เล่าเรียนเมื่ออายุเกิน 14 ปี
ผู้ที่มีอายุเกินกว่า 14 ปี ไม่ควรจะเรียกว่าเด็กต่อไปตาม พ.ร.บ.ประถมศึกษาและเจ้าพนักงานไม่มีอำนาจบังคับให้เล่าเรียน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุ 19 ปี ไม่นับเป็นเด็กตามกฎหมาย และคำรับสารภาพที่มีข้อแก้ตัวไม่สมควรได้รับปราณี
จำเลยอายุ19ปีไม่นับว่าเปนเด็กตาม ม.58 วิธีพิจารณาอาญาคำรับสารภาพโดยมีข้อแก้ตัวไม่ควรได้รับปราณีตาม ม.59

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชั่งน้ำหนักพยาน: อายุ, สภาพจิตใจ, และความน่าเชื่อถือของคำให้การ
ลักษณพะยาน เด็กฟังได้เพียงใดผู้ใหญ่อายุ 64 ฟังได้เพียงใด เมื่อมีเหตุอื่นทำให้ความจำลดน้อยลงการชั่งน้ำหนักคำพะยาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862-863/2471

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษฐานปราณีย์ในคดีฆ่าคนตาย: พฤติการณ์ร้ายแรงเกินกว่าจะลดโทษได้
ฆ่าคนตายเหตุปราณีย์ดุลพินิจในการลดโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9285/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในอายุผู้เสียหาย ขาดเจตนาความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร
เมื่อจำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายพ้นวัยผู้เยาว์ โดยเข้าใจว่าผู้เสียหายมีอายุเกินกว่า 18 ปี แล้ว จึงเป็นการสำคัญผิดในข้อเท็จจริงเรื่องอายุอันเป็นองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 318 วรรคแรก การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนากระทำความผิดฐานดังกล่าวตาม ป.อ. มาตรา 59 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7390/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุจำเลยขณะกระทำผิดกระทบต่อการลงโทษฐานกระทำอนาจาร ศาลฎีกายกอายุเป็นเหตุให้ไม่ลงโทษ
จำเลยเกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2537 จำเลยกระทำความผิดฐานกระทำอนาจาร 2 กระทงในปี 2549 ดังนั้นจำเลยจึงมีอายุกว่าสิบปีแต่ยังไม่เกินสิบห้าปี จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ ตาม ป.อ. มาตรา 74 แต่ศาลมีอำนาจที่จะดำเนินการตาม ป.อ. มาตรา 74 (1) ถึง (5) ได้ ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอายุของจำเลยผิดจากพยานหลักฐานในสำนวน และลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยในความผิดฐานดังกล่าวตาม ป.อ. มาตรา 75 แล้วลงโทษจำเลยโดยเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปรับการฝึกอบรม ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 มาตรา 104 (2) จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงฟังข้อเท็จจริงใหม่แทนข้อเท็จจริงของศาลล่างทั้งสองได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (3) (ก) ประกอบมาตรา 247 และ ป.วิ.อ. มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3597/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เปลี่ยนแปลงวิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนเป็นจำคุกหลังอายุครบ 24 ปี จากเดิมคือควบคุมและอบรม
จำเลยทั้งสองอายุครบ 24 ปี ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้ใช้บังคับแก่จำเลยทั้งสองไว้จึงไม่เหมาะสม ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาในการกำหนดวิธีการสำหรับเด็กหรือเยาวชนซึ่งศาลคำนึงถึงพฤติการณ์เฉพาะเรื่องตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 119 ประกอบมาตรา 142 แม้โจทก์จะไม่อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาก็มีอำนาจจะเปลี่ยนแปลงวิธีการให้เหมาะสมได้เพราะมิใช่การเปลี่ยนแปลงโทษ จึงไม่ใช่การเพิ่มเติมโทษ ซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. 212 และมาตรา 225 เมื่อพิจารณาความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว อาศัยอำนาจตามมาตรา 142 วรรคท้ายเปลี่ยนแปลงวิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนใหม่เป็น หลังจากจำเลยทั้งสองอายุครบ 24 ปีแล้วให้ส่งตัวจำเลยทั้งสองไปจำคุกไว้ในเรือนจำมีกำหนด 2 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำชำเราเด็กหญิงอายุเกิน 13 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี โดยความยินยอม และการสมรสเพื่อเลี่ยงโทษทางอาญา
ฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายโดยไม่ยินยอม ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในสำนวนเช่นนั้น จึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่าจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายโดยผู้เสียหายยินยอม ดังนั้น เมื่อจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายขณะผู้เสียหายอายุกว่าสิบสามปีแต่ยังไม่เกินสิบห้าปี โดยผู้เสียหายยินยอม ย่อมเป็นกรณีตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคท้าย ที่ใช้บังคับในขณะเกิดเหตุ ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวมีความหมายว่า ในกรณีชายและเด็กหญิงมีอายุไม่ครบสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ ยังไม่อาจที่จะสมรสกัน หากจะสมรสกันต้องมีคำสั่งศาลอนุญาตให้ทำการสมรสได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1448 และมีผลทำให้ชายผู้กระทำความผิดในคดีอาญานั้นไม่ต้องรับโทษ คดีนี้ได้ความว่าขณะที่จำเลยและผู้เสียหายจดทะเบียนสมรสกัน ทั้งจำเลยและผู้เสียหายมีอายุเกินสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้ว จำเลยและผู้เสียหายย่อมจดทะเบียนสมรสกันได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1448 โดยไม่ต้องรับอนุญาตจากศาลก่อน อย่างไรก็ตาม จำเลยกับผู้เสียหายเพิ่งจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2553 เพราะเห็นว่าจะได้ลดโทษลงและตกลงกันว่าจะจดทะเบียนหย่ากันภายหลังที่ศาลพิพากษาแล้ว เช่นนี้ ย่อมถือไม่ได้ว่าทั้งสองฝ่ายมีเจตนาที่แท้จริงที่จะจดทะเบียนสมรสกันอันจะมีผลตามกฎหมายทำให้จำเลยไม่ต้องรับโทษตามนัยแห่ง ป.อ. มาตรา 277 วรรคท้ายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5307/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนคดีเยาวชนและครอบครัว: ศาลอุทธรณ์ต้องโอนไปยังศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนฯ เมื่อข้อเท็จจริงเรื่องอายุเพิ่งปรากฏ
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 มาตรา 15 มุ่งประสงค์ที่จะให้คดีเยาวชนและครอบครัวได้รับการพิจารณาโดยต่อเนื่อง จึงมิให้การพิจารณาพิพากษาคดีโดยศาลที่ไม่มีอำนาจต้องเสียไป โดยให้ศาลนั้นๆ โอนคดีไปยังศาลที่มีอำนาจเพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไป ซึ่งศาลที่รับโอนคดีจะเป็นศาลใดนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาคดีนั้นว่าอยู่ในศาลชั้นใดหากอยู่ในศาลชั้นต้นก็ต้องโอนคดีไปยังศาลเยาวชนและครอบครัว หากอยู่ในชั้นอุทธรณ์ก็ต้องโอนคดีไปยังศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา สำหรับคดีนี้ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยอายุไม่เกิน 18 ปี บริบูรณ์ ขณะกระทำความผิดนั้นไม่ได้ปรากฏต่อศาลชั้นต้น การที่ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาไปนั้นย่อมเป็นการชอบด้วยบทบัญญัติมาตราดังกล่าว แต่เมื่อข้อเท็จจริงเรื่องอายุของจำเลยเพิ่งปรากฏต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 ดังนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ต้องโอนคดีไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 2 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นโอนคดีไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดระยองจึงไม่ถูกต้อง
of 10