พบผลลัพธ์ทั้งหมด 129 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการยักยอกทรัพย์: พฤติการณ์บ่งชี้เจตนาจากการใช้เงินผิดหน้าที่
เจตนาทุจริตของจำเลยศาลไม่อาจหยั่งรู้ควมในใจอันแท้จริงได้ นอกจากจะอนุโลมโดยอาศัยเหตุผลทั่ว ๆ ไปตามที่ปรากฎในท้องสำนวน
ผู้เสียหายมอบเงินจำเลยให้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ของผู้เสียหายจำเลยเอาไปใช้ส่วนตัวเสียบางส่วนแม้จะได้ไปบอกเจ้าหนี้ว่า ผู้เสียหายได้มอบเงินมาชำระครบแล้วแต่จำเลยเอาไปใช้เสียบางส่วน คงส่งให้แต่ส่วนที่เหลือ รับจะใช้คืนให้โดยไม่ต้องไปทวงจากผู้เสียหายอีก พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยเอาเงินรายนี้ไปใช้โดยเจตนาทุจริต คดีนี้จำเลยมีหน้าที่จะนำเงินไปมอบให้เจ้าหนี้ตามที่รับมอบมา เงินแม้จะเป็นธนบัตรเปลี่ยนมือให้หากจำเลยเอาไปใช้เมื่อถึงคราวจะนำไปให้เจ้าหนี้จำเลยก็ต้องพร้อมที่จะมอบเงินในจำนวนนั้นให้แก่เจ้าหนี้ทันที มิใช่หวังเอาเองอย่างเลื่อนลอยว่าเจ้าหนี้คงจะยอมเปลี่ยนตัวลูกหนี้ให้อนึ่งการไปบอกความจริงแก่เจ้าหนี้ดังกล่าวเป็นการสารภาพผิดมิใช่การแสดงความบริสุทธิ์ของจำเลย
ผู้เสียหายมอบเงินจำเลยให้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ของผู้เสียหายจำเลยเอาไปใช้ส่วนตัวเสียบางส่วนแม้จะได้ไปบอกเจ้าหนี้ว่า ผู้เสียหายได้มอบเงินมาชำระครบแล้วแต่จำเลยเอาไปใช้เสียบางส่วน คงส่งให้แต่ส่วนที่เหลือ รับจะใช้คืนให้โดยไม่ต้องไปทวงจากผู้เสียหายอีก พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยเอาเงินรายนี้ไปใช้โดยเจตนาทุจริต คดีนี้จำเลยมีหน้าที่จะนำเงินไปมอบให้เจ้าหนี้ตามที่รับมอบมา เงินแม้จะเป็นธนบัตรเปลี่ยนมือให้หากจำเลยเอาไปใช้เมื่อถึงคราวจะนำไปให้เจ้าหนี้จำเลยก็ต้องพร้อมที่จะมอบเงินในจำนวนนั้นให้แก่เจ้าหนี้ทันที มิใช่หวังเอาเองอย่างเลื่อนลอยว่าเจ้าหนี้คงจะยอมเปลี่ยนตัวลูกหนี้ให้อนึ่งการไปบอกความจริงแก่เจ้าหนี้ดังกล่าวเป็นการสารภาพผิดมิใช่การแสดงความบริสุทธิ์ของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรโชกต้องมีการบังคับให้สัญญาจะส่งทรัพย์ หากบังคับให้ส่งเงินทันที ไม่เข้าข่ายความผิดฐานกรรโชก
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยใช้กำลังข่มขืนขู่เข็ญขืนใจให้ผู้เสียหายสัญญาจะส่งเงินให้แก่จำเลยกับพวก ขอให้ลงโทษฐานกรรโชก ทางพิจารณาได้ความว่า ผู้เสียหายถูกบังคับให้เงินทันที จึงมิใช่เป็นเรื่องบังคับให้สัญญาว่าจะส่งทรัพย์ตามความหมายของกรรโชก จึงลงโทษจำเลยฐานกรรโชกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานเรียกรับสินน้ำใจ แม้ยังไม่ได้รับเงินก็ถือเป็นความผิดสำเร็จ
ความผิดฐานเรียกหรือรับสินน้ำใจตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 137 นั้น เพียงแต่เรียก หรือรับหรือยอมว่าจะรับ อย่างหนึ่งอย่างใดก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว ฉะนั้นการที่เจ้าพนักงานรถไฟเรียกเงินจากผู้ส่งของทางรถไฟ นอกเหนือไปจากค่าธรรมเนียมที่ต้องเสียผู้ส่งของโกรธ จึงไม่ส่งของนั้น แม้เจ้าพนักงานจะยังไม่ได้รับเงินเพราะผู้ส่งของไม่ยอมให้นั้นเจ้าพนักงานรถไฟผู้นั้นก็มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 137 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงเพื่อเอาเงินโดยอ้างหนี้สินที่ไม่เป็นความจริง เป็นกรณีละเมิดต้องชดใช้ค่าเสียหาย
เอาความเท็จไปพูดหลอกลวงเขาว่า เจ้าหนี้ของตนเร่งรัดหนี้สินจึงขอเอาเงินจากเขาไปชำระแก่เจ้าหนี้เพื่อรับเอาโฉนดที่ดินคืนมาแล้วจะมาทำจำนองไว้แก่เขา เขาหลงเชื่อมอบเงินให้ไป ชำระหนี้สินจนได้รับโฉนดคืนมามอบไว้แก่เขาแล้ว แต่ไม่ยอมไปทำสัญญาจำนองให้เขาตามที่พูดไว้ ดังนี้ เป็นเรื่องกรณีละเมิด ต้องใช้สินไหมทดแทนให้แก่เขาตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 420
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขายตั๋วรถไฟปลอม เงินที่ได้ไม่ใช่เงินของสถานี ไม่ถือเป็นความผิดฐานยักยอก
จำเลยเป็นเสมียนกรมรถไฟประจำสถานีหนึ่งมีหน้าที่ขายตั๋วรถไฟให้ผู้โดยสาร จำเลยใช้ตั๋วของกรมรถไฟซึ่งได้ศูนย์หายไปในระหว่างทางและไม่ได้อยู่ในบัญชีสถานีที่จำเลยประจำอยู่ มาเขียนกรอกข้อความลงไปแล้วปลอมขายว่าเป็นตั๋วรถไฟที่แท้จริงให้แก่ผู้ซื้อไป ดังนี้ เงินที่จำเลยขายตั๋วปลอมได้มา จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องส่งให้นายสถานีนั้น จำเลยเอาเงินนั้นไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย จำเลยจึงไม่มีผิดฐานยักยอกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 หรือ 319
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160-1161/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาให้ประโยชน์ตอบแทนจากการเป็นความโมฆะ สิทธิครอบครองย่อมตกแก่ผู้ให้เงิน
ลูกความทำสัญญากับบุตรของทนายผู้ว่าคดีให้ว่า ถ้าความที่จะฎีกานั้นชะนะก็จะให้ที่นาพิพาททั้งหมดนั้นแก่บุตรของทนาย แต่บุตรทนายความต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการฎีกาดังนี้ ถือได้ว่าบุตรของทนายออกเงินให้เขาเพื่อเป็นความเกี่ยวกับนาพิพาทโดยหวังจะได้ที่นาพิพาทเป็นสิทธิของตน เป็นสัญญาให้ได้รับประโยชน์ตอบแทนจากการเป็นความ จึงเป็นโมฆะตามป.พ.พ.มาตรา 113
ทำสัญญายกที่ดินให้แก่เขา แม้สัญญายกให้นั้นจะเป็นโมฆะเนื่องจากขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนเด็ดขาดแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าผู้ให้ได้เจตนาสละสิทธิครอบครองที่นั้น
ทำสัญญายกที่ดินให้แก่เขา แม้สัญญายกให้นั้นจะเป็นโมฆะเนื่องจากขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนเด็ดขาดแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าผู้ให้ได้เจตนาสละสิทธิครอบครองที่นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหนี้ชำระหนี้ มิใช่การตั้งตัวแทนรับเงิน
ข้อความในเอกสารที่แสดงเจตนาเป็นการโอนหนี้เพื่อเป็นการชำระหนี้ ไม่ใช่ตั้งตัวแทนสำหรับรับเงิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1396/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกเงินกู้ยืมที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ การฟ้องเรียกคืนทำไม่ได้หากเกิน 50 บาท
ฟ้องเรียกเงินที่โจทก์กล่าว+ได้ให้จำเลยไปทำทุน ตาม+ดังนี้เป็นเรื่องให้ยืมเงินไปคราวเดียว 393 บาท โดยไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้ ผู้ให้ยืมฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้คืนไม่ได้เลย ไม่เฉพาะแต่ที่เกิน 50 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากการไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเก็บรักษาเงินของเจ้าหน้าที่รัฐ
กระทรวงพาณิชย์ส่งผ้ามาให้ข้าหลวงประจำจังหวัดเพื่อขายแก่ชาวนา ข้าหลวงประจำจังหวัดมอบให้อำเภอเป็นผู้ขาย นายอำเภอจึงแต่งตั้งปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่อื่นเป็นกรรมการขายผ้าดังนี้เมื่อปลัดอำเภอผู้ได้รับการแต่งตั้งทำผิดหน้าที่ จนเกิดการเสียหายขึ้น กระทรวงพาณิชย์ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากปลัดอำเภอผู้นั้นได้
การขายผ้ามีระเบียบว่า เงินได้จากการขายให้ส่งต่อคณะกรรมการอำเภอรวมรวมส่งคณะกรรมการจังหวัดเป็นการด่วน ถ้าวันใดได้เงินที่ได้รับมีจำนวนถึงหมื่นบาท ให้คณะกรรมการอำเภอรีบส่งเงินแก่จังหวัดเสียคราวหนึ่งก่อน ห้ามมิให้เก็บเงินที่ได้จากการขายผ้าไว้ที่อำเภอเกินกว่าจำนวนหมื่นบาท ดังนี้เมื่อปลัดอำเภอขายผ้าได้เงินเกินหมื่นบาท แล้วไม่นำส่งจังหวัดกลับเอาไปเก็บไว้ในเซฟของอำเภอ จนมีผู้ร้ายไขเชฟลักเงินจำนวนนี้ไป ต้องถือว่าปลัดอำเภอผู้นั้นมิได้ปฏิบัติตามระเบียบโดยตรง และต้องรับผิดใช้เงินจำนวนนี้
การขายผ้ามีระเบียบว่า เงินได้จากการขายให้ส่งต่อคณะกรรมการอำเภอรวมรวมส่งคณะกรรมการจังหวัดเป็นการด่วน ถ้าวันใดได้เงินที่ได้รับมีจำนวนถึงหมื่นบาท ให้คณะกรรมการอำเภอรีบส่งเงินแก่จังหวัดเสียคราวหนึ่งก่อน ห้ามมิให้เก็บเงินที่ได้จากการขายผ้าไว้ที่อำเภอเกินกว่าจำนวนหมื่นบาท ดังนี้เมื่อปลัดอำเภอขายผ้าได้เงินเกินหมื่นบาท แล้วไม่นำส่งจังหวัดกลับเอาไปเก็บไว้ในเซฟของอำเภอ จนมีผู้ร้ายไขเชฟลักเงินจำนวนนี้ไป ต้องถือว่าปลัดอำเภอผู้นั้นมิได้ปฏิบัติตามระเบียบโดยตรง และต้องรับผิดใช้เงินจำนวนนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ถูกหลอกลวงมีอำนาจร้องทุกข์ แม้เงินที่จ่ายไปมิใช่ของตนเอง
ในคดีฉ้อโกงเงินนั้น เมื่อผู้ถูกหลอกลวงเชื่ออุบายจำเลยได้จ่ายเงินให้แก่ฝ่ายจำเลย จะเป็นเงินของผู้ถูกหลอกลวงเองหรือหยิบยืมมาจากใคร จะทำเป็นหนังสืออย่างใด หรือไม่ก็ตาม ก็เรียกได้ว่าผู้ถูกหลอกลวงเป็นผู้เสียหายโดยตรงมีอำนาจที่จะร้องทุกข์ได้ตามกฎหมาย./