คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เงินประกัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 124 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเงินประกันของลูกจ้างกรณีขาดงานเกิน 10 วันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ถือเป็นความเสียหายต่อองค์กร
การที่โจทก์ขาดงานติดต่อกันเกิน 10 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควรถือได้ว่าโจทก์ทำความเสียหายให้แก่จำเลยอยู่ในตัว จำเลยจึงมีสิทธิริบเงินประกันแทนค่าเสียหายที่โจทก์ขาดงานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3692/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการรับคืนเงินประกันจากการซ่อมเครื่องมือ หากเครื่องมือยังใช้งานไม่ได้หลังซ่อม
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีสิทธิยึดหน่วงเงินที่โจทก์วางไว้เป็นประกันจนกว่าโจทก์จะซ่อมหรือเปลี่ยนเครื่องให้จำเลยใหม่ คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์กล่าวว่า ถ้ามีการพิจารณาคดีใหม่โจทก์มีทางชนะคดี เนื่องจากเงินที่โจทก์วางไว้แก่จำเลยนั้น เป็นเงินประกันในการที่โจทก์นำชิ้นส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์กลับไปซ่อม เมื่อโจทก์ซ่อมและนำมาติดตั้งให้จำเลยใหม่แล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิรับเงินคืน จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงเงินจำนวนนี้ พอสรุปได้ว่ากล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่าไม่ถูกต้องเป็นการครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1672/2512)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3692/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการรับคืนเงินประกันหลังซ่อมเครื่อง: การพิจารณาคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องอาศัยเหตุผลที่ว่าคำตัดสินเดิมไม่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีสิทธิยึดหน่วงเงินที่โจทก์วางไว้เป็นประกันจนกว่าโจทก์จะซ่อมหรือเปลี่ยนเครื่องให้จำเลยใหม่ คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์กล่าวว่า ถ้ามีการพิจารณาคดีใหม่โจทก์มีทางชนะคดี เนื่องจากเงินที่โจทก์วางไว้แก่จำเลยนั้น เป็นเงินประกันในการที่โจทก์นำชิ้นส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์กลับไปซ่อม เมื่อโจทก์ซ่อมและนำมาติดตั้งให้จำเลยใหม่แล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิรับเงินคืน จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงเงินจำนวนนี้ พอสรุปได้ว่ากล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่าไม่ถูกต้องเป็นการครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1672/2512)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องขับไล่-ฟ้องแย้งคืนเงินประกัน: พิจารณาฟ้องแย้งหลังมีผลคดีหลัก
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวที่เช่า จำเลยให้การว่าสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนด การบอกกล่าวไม่ชอบขับไล่จำเลยไม่ได้ พร้อมกับฟ้องแย้งว่า โจทก์รับเงินประกันการเสียหายไว้จากจำเลยจำนวนหนึ่ง เมื่อเลิกสัญญาเช่ากันโจทก์ต้องคืนเงินประกันดังกล่าวให้จำเลยดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องที่จะเกิดตามมาภายหลัง เมื่อจำเลยถูกขับไล่แล้วโจทก์จึงจะต้องคืนเงินประกันความเสียหาย ถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไป เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะคืนเงินประกัน เป็นเรื่องที่จะต้องเรียกร้องกันอีกต่างหากเมื่อปรากฏผลในคดีนี้แล้ว จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับทางศุลกากรต้องอาศัยความยินยอมของผู้ถูกปรับ การหักเงินประกันค่าอากรเพื่อชำระค่าปรับโดยไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับกรมศุลกากรจำเลยคืนเงินอากรขาเข้าของโจทก์ที่วางเป็นประกันไว้แล้วเหลืออยู่จากจำเลย ไม่ใช่เป็นเรื่องเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด จึงนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 มาใช้บังคับมิได้
การเปรียบเทียบปรับโดยอธิบดีตามพระราชบัญญัติศุลกากรฯ มาตรา 102 ก็ดี หรือโดยคณะกรรมการเปรียบเทียบตามมาตรา 102 ทวิ ก็ดี จะต้องปรากฏว่าผู้จะถูกฟ้องได้ยินยอมและใช้ค่าปรับตามที่ผู้มีอำนาจเปรียบเทียบได้เปรียบเทียบด้วยจึงจะชอบ
กรมศุลกากรจำเลยเห็นว่าโจทก์มีความผิดฐานสำแดงเท็จชนิดและราคาสินค้าผ้าเพื่อหลีกเลี่ยงอากร จึงเสนอคณะกรรมการเปรียบเทียบพิจารณาปรับโจทก์สองเท่าของอากรที่ขาด คณะกรรมการเปรียบเทียบมีมติเห็นชอบด้วย แล้วนิติกรของจำเลยได้มีหนังสือเรียกโจทก์มาทำกความตกลงตามมติของคณะกรรมการเปรียบเทียบ แต่โจทก์ไม่มาติดต่อจำเลยจึงส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ดังนี้ แสดงว่าโจทก์หาได้ยินยอมตามที่เปรียบเทียบและใช้ค่าปรับแต่อย่างใดไม่ ส่วนที่โจทก์ทำสัญญาทัณฑ์บนไว้กับกรมศุลกากรจำเลยพร้อมกับนำหลักฐานสัญญาค้ำประกันของธนาคารมาวางค้ำประกันไว้ ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ขอรับสินค้าที่ถูกกักไว้เพื่อไปจำหน่าย มิใช่เรื่องที่โจทก์ยินยอมให้ปรับ จำเลยจึงไม่มีอำนาจสั่งปรับโจทก์ และจะหักเงินประกันค่าอากรขาเข้าซึ่งเหลืออยู่ที่จำเลยชำระค่าปรับไม่ได้ต้องคืนให้โจทก์ไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปรียบเทียบปรับทางศุลกากรต้องมีเจตนาและยินยอมของผู้ถูกเปรียบเทียบ การหักเงินประกันเพื่อชำระค่าปรับโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับกรมศุลกากรจำเลยคืนเงินอากรขาเข้าของโจทก์ที่วางเป็นประกันไว้แล้วเหลืออยู่จากจำเลย ไม่ใช่เป็นเรื่องเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด จึงนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 มาใช้บังคับมิได้
การเปรียบเทียบปรับโดยอธิบดีตามพระราชบัญญัติศุลกากรฯ มาตรา 102 ก็ดี หรือโดยคณะกรรมการเปรียบเทียบตามมาตรา 102ทวิ ก็ดี จะต้องปรากฏว่าผู้จะถูกฟ้องได้ยินยอมและใช้ค่าปรับตามที่ผู้มีอำนาจเปรียบเทียบได้เปรียบเทียบด้วยจึงจะชอบ
กรมศุลกากรจำเลยเห็นว่าโจทก์มีความผิดฐานสำแดงเท็จชนิดและราคาสินค้าผ้าเพื่อหลีกเลี่ยงอากร จึงเสนอคณะกรรมการเปรียบเทียบพิจารณาปรับโจทก์สองเท่าของอากรที่ขาด คณะกรรมการเปรียบเทียบมีมติเห็นชอบด้วย แล้วนิติกรของจำเลยได้มีหนังสือเรียกโจทก์มาทำความตกลงตามมติของคณะกรรมการเปรียบเทียบ แต่โจทก์ไม่มาติดต่อจำเลยจึงส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีดังนี้ แสดงว่าโจทก์หาได้ยินยอมตามที่เปรียบเทียบและใช้ค่าปรับแต่อย่างใดไม่ส่วนที่โจทก์ทำสัญญาทัณฑ์บนไว้กับกรมศุลกากรจำเลยพร้อมกับนำหลักฐานสัญญาค้ำประกันของธนาคารมาวางค้ำประกันไว้ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ขอรับสินค้าที่ถูกกักไว้เพื่อไปจำหน่าย มิใช่เรื่องที่โจทก์ยินยอมให้ปรับ จำเลยจึงไม่มีอำนาจสั่งปรับโจทก์ และจะหักเงินประกันค่าอากรขาเข้าซึ่งเหลืออยู่ที่จำเลยชำระค่าปรับไม่ได้ต้องคืนให้โจทก์ไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องขัดทรัพย์ประวิงคดีและการจำหน่ายคดีเนื่องจากไม่วางเงินประกัน
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์โดยไม่มีมูลฟังได้ในเบื้องต้นว่าประวิงให้ชักช้าศาลชั้นต้นสั่งให้วางเงินประกันค่าเสียหาย 3,000 บาท ผู้ร้องไม่วางเงินตามกำหนด ศาลจำหน่ายคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินประกันเพื่อป้องกันการประวิงคดีและการพิจารณาค่าฤชาธรรมเนียม
เมื่อมีหลักฐานเบื้องต้นว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์เข้ามาเพื่อประวิงคดี ศาลสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกันความเสียหายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288(1) มิฉะนั้นให้จำหน่ายคดี
ศาลอุทธรณ์สั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นพับได้เป็นดุลพินิจของศาล ไม่จำต้องให้ผู้แพ้คดีในที่สุดเป็นผู้เสียก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันชีวิตนายจ้างกับลูกจ้าง: สิทธิเรียกร้องเงินประกันเต็มจำนวน แม้ไม่มีมูลค่าความเสียหายที่แท้จริง
1. โจทก์เอาประกันชีวิตลูกจ้างซึ่งขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันของโจทก์นั้นเห็นได้ว่าจะต้องรับผิดต่อการกระทำละเมิดในทางการที่จ้างของลูกจ้าง และยังต้องรับผิดจ่ายเงินให้แก่ทายาทผู้อยู่ใต้อุปการะของลูกจ้างผู้ตายตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 ประกอบกับการขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันย่อมต้องอาศัยบุคคลที่มีความชำนาญและไว้วางใจ เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์มีส่วนได้เสียที่จะเอาประกันชีวิตลูกจ้างดังกล่าวนี้ได้
2. สัญญาประกันอุบัติเหตุของบุคคลในส่วนที่เกี่ยวกับการเสี่ยงภัยถึงชีวิตถือว่าเป็นสัญญาประกันชีวิต เพราะอาศัยความมรณะเป็นเงื่อนไขการใช้เงินตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889 3. สัญญาประกันชีวิตมิใช่สัญญาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังเช่นสัญญาประกันวินาศภัย แต่เป็นสัญญาที่ผู้รับประกันภัยตกลงใจใช้เงินจำนวนหนึ่งให้ โดยอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของบุคคลคนหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อโจทก์นายจ้างเอาประกันชีวิตของลูกจ้างในกรณีอุบัติเหตุไว้กับจำเลยเป็นจำนวนเงินหนึ่งแสนบาท โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์และลูกจ้างที่ระบุในกรมธรรม์ได้ประสพอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตระหว่างอายุสัญญา จำเลยก็ต้องจ่ายเงินให้โจทก์ตามเงื่อนไขแห่งสัญญา
(ข้อ 1 และ 3 วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 34/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเช่าค้างชำระ, การริบเงินประกัน, และค่าต่อเติมอาคารเช่า
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเท่ากับอัตราค่าเช่านับแต่วันที่จำเลยได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่า แม้ทางพิจารณาจะปรากฏว่าระยะเวลานั้น จำเลยจะอยู่โดยอาศัยสิทธิการเช่า ไม่ใช่การละเมิดศาลก็พิพากษาบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเช่าซึ่งมีอัตราเท่ากันให้โจทก์ได้
ผู้เช่าวางเงินไว้เป็นประกันการเช่า โดยมีข้อสัญญาว่าถ้าผู้เช่าผิดสัญญาเช่า ผู้ให้เช่ามีสิทธิริบเงินประกันนี้ได้ เงินประกันนี้จึงเป็นเบี้ยปรับเมื่อปรากฏว่า ผู้เช่าผิดสัญญาเช่าโดยไม่ชำระค่าเช่าตามกำหนดเวลาผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าที่ค้าง ทั้งมีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับอันพึงริบนั้นด้วยก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 381 คดีนี้แม้ผู้ให้เช่าซึ่งเป็นโจทก์จะมิได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเสียหายยิ่งไปกว่าค่าดอกเบี้ยตามกฎหมายแต่เมื่อศาลคำนวณค่าดอกเบี้ยของเงินค่าเช่านับแต่วันค้างชำระจนบัดนี้ไล่เลี่ยกับเงินประกันผู้ให้เช่าย่อมริบเงินประกันได้ทั้งหมด
ผู้เช่าต่อเติมและซ่อมแซมห้องเช่าเพื่อประโยชน์ในกิจการของผู้เช่าเองไม่ใช่เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเพื่อรักษาทรัพย์สินที่เช่าผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิดต่อผู้เช่า
of 13