พบผลลัพธ์ทั้งหมด 341 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5700/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายความป่วย ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้เลื่อนคดีได้ การใช้ดุลพินิจศาล
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นอ้างว่าทนายโจทก์ป่วยกะทันหันไม่สามารถมาว่าความได้โดยมีใบรับรองแพทย์มาแสดงซึ่งตามใบรับรองแพทย์ระบุว่าทนายโจทก์เป็นไข้หวัดเจ็บคอต่อมทอนซิลอักเสบอ่อนเพลียอันเป็นการอ้างเหตุขอเลื่อนคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา41หากข้ออ้างดังกล่าวเป็นความจริงก็ถือได้ว่ากรณีมีเหตุจำเป็นและมีเหตุสมควรที่ศาลชั้นต้นให้เลื่อนคดีตามมาตรา40จำเลยแถลงคัดค้านแต่เพียงว่าศาลได้กำชับไว้ในครั้งก่อนแล้วมิได้คัดค้านว่าคำร้องของทนายโจทก์ที่อ้างว่าป่วยเจ็บไม่เป็นความจริงจึงเท่ากับจำเลยยอมรับว่าทนายโจทก์ป่วยเจ็บจริงตามที่อ้างมาในคำร้องและใบรับรองแพทย์นอกจากนี้หากศาลมีความสงสัยว่าทนายโจทก์ป่วยเจ็บจริงหรือไม่ศาลก็มีอำนาจไต่สวนคำร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา21(4)หรือจะตั้งเจ้าพนักงานศาลไปตรวจดูว่าทนายโจทก์ป่วยเจ็บจริงหรือไม่ก็ได้การที่ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวย่อมแสดงว่าศาลชั้นต้นมิได้สงสัยในเรื่องที่ทนายโจทก์อ้างว่าป่วยเจ็บจึงรับฟังได้ว่าทนายโจทก์ไม่สามารถมาศาลได้อันเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นสมควรให้เลื่อนคดีตามคำร้อง คดีนี้จำเลยฎีกาเฉพาะเรื่องที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีเท่านั้นจึงควรเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ส่วนที่จำเลยขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นทุกประการนั้นเป็นคำขอที่เกินเลยไปจากคำฟ้องฎีกาที่ฎีกาคัดค้านเฉพาะเรื่องการเลื่อนคดีและเมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีว่าผู้ใดควรชนะคดีจำเลยก็ไม่อาจฎีกาในเนื้อหาแห่งคดีได้จำเลยจึงหาต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาตามจำนวนทุนทรัพย์ในคดีไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5569/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงานในการกำหนดวันสืบพยานและไม่อนุญาตเลื่อนคดี เป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนด
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522 มาตรา 39 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติว่า ในกรณีมีประเด็นที่ยังไม่อาจตกลงกันหรือไม่อาจประนีประนอมยอมความกัน ให้ศาลแรงงานจดประเด็นข้อพิพาทและบันทึกคำแถลงของโจทก์กับคำให้การของจำเลยอ่านให้คู่ความฟัง และให้ลงลายมือชื่อไว้โดยจะระบุให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำพยานมาสืบก่อนหรือหลังก็ได้ แล้วให้ศาลแรงงานกำหนดวันสืบพยานไปทันที หมายถึงกรณีที่ศาลแรงงานกำหนดวันพิจารณาโดยยังไม่ได้กำหนดวันสืบพยาน เมื่อศาลแรงงานได้ดำเนินการตามบทบัญญัติดังกล่าวแล้วก็ให้กำหนดวันสืบพยานไปทันที ประกอบกับมาตรา 29 บัญญัติว่า เพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแรงงานเป็นไปโดยประหยัด สะดวก รวดเร็ว และเที่ยงธรรม จึงให้อำนาจแก่อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางโดยได้รับอนุมัติจากประธานศาลฎีกาออกข้อกำหนดศาลแรงงาน ว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงาน ข้อ 10 ว่า ในกรณีที่ศาลแรงงานสั่งให้มีการสืบพยาน ถ้าคู่ความได้นำพยานทั้งหมดหรือบางส่วนมาศาลและพร้อมที่จะสืบได้ในวันนั้น ให้ศาลดำเนินการสืบพยานไปทันที ดังนี้ การที่ศาลแรงงานกำหนดวันสืบพยานโจทก์ในวันเดียวกันกับวันนัดพิจารณา จึงเป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าว ที่ศาลแรงงานไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีหาเป็นการขัดต่อมาตรา 39 วรรคหนึ่งไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4694/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย: ศาลต้องตรวจสอบอาการก่อนปฏิเสธคำร้อง
ในวันนัดสืบพยานนัดแรกซึ่งเป็นการนัดสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่าไม่สามารถมาศาลได้เนื่องจากป่วยเป็นไข้หวัด มีอาการปวดศีรษะ ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย โจทก์รับสำเนาคำร้องแล้วแถลงคัดค้านว่าทนายจำเลยไม่ป่วยจริง ดังนั้นศาลชอบที่จะดำเนินการตาม ป.วิ.พ.มาตรา 41 วรรคหนึ่ง คือตั้งเจ้าพนักงานไปทำการตรวจทนายจำเลยหรือให้แพทย์ไปตรวจด้วย แล้วพิจารณาจากรายงานของผู้ที่ศาลตั้งให้ไปตรวจดังกล่าวหากเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริงก็อนุญาตให้เลื่อนคดีไปตามขอ แต่หากอาการป่วยไม่ร้ายแรงถึงกับจะมาศาลไม่ได้ก็ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. ว่าด้วยการขาดนัดหรือการไม่มาศาลของทนายจำเลย การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไปในทันทีว่าไม่น่าเชื่อว่าทนายจำเลยจะป่วยถึงขนาดมาศาลไม่ได้ จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบโดยไม่ได้ดำเนินการไต่สวนหรือตั้งผู้ใดไปตรวจสอบจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4694/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย: ศาลต้องไต่สวนเพื่อพิสูจน์อาการป่วยก่อนวินิจฉัย
ในวันนัดสืบพยานนัดแรกซึ่งเป็นการนัดสืบพยานจำเลยทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่าไม่สามารถมาศาลได้เนื่องจากป่วยเป็นไข้หวัดมีอาการปวดศีรษะไอเจ็บคออ่อนเพลียโจทก์รับสำเนาคำร้องแล้วแถลงคัดค้านว่าทนายจำเลยไม่ป่วยจริงดังนั้นศาลชอบที่จะดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา41วรรคหนึ่งคือตั้งเจ้าพนักงานไปทำการตรวจทนายจำเลยหรือให้แพทย์ไปตรวจด้วยแล้วพิจารณาจากรายงานของผู้ที่ศาลตั้งให้ไปตรวจดังกล่าวหากเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริงก็อนุญาตให้เลื่อนคดีไปตามขอแต่หากอาการป่วยไม่ร้ายแรงถึงกับจะมาศาลไม่ได้ก็ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการขาดนัดหรือการไม่มาศาลของทนายจำเลยการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไปในทันทีว่าไม่น่าเชื่อว่าทนายจำเลยจะป่วยถึงขนาดมาศาลไม่ได้จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบโดยไม่ได้ดำเนินการไต่สวนหรือตั้งผู้ใดไปตรวจสอบจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3717/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานจำเลยเนื่องจากไม่ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนด และผลของการไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี
จำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานจนพ้นกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88ย่อมไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยและนัดฟังคำพิพากษาโดยไม่มีคำสั่งเกี่ยวกับการขอเลื่อนคดีของจำเลยเท่ากับไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3473/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากทนายจำเลยไม่ขอเลื่อนการไต่สวนก่อนเริ่มสืบพยานโจทก์ ศาลมีคำสั่งชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และให้นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่4 กันยายน 2535 ก่อนถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องในวันเวลาเดียวกับที่นัดสืบพยานโจทก์ วันที่ 4 กันยายน 2535จึงเป็นวันนัดไต่สวนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การจำเลยและวันนัดสืบพยานโจทก์ด้วยเพราะศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งยกเลิกวันนัดสืบพยานโจทก์ แต่เมื่อถึงวันดังกล่าวทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การเท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าทนายจำเลยได้มาศาลและร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนลงมือสืบพยานโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 197 วรรคสอง ดังนั้น ในเรื่องของการพิจารณาคดีจึงถือได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาให้สืบพยานโจทก์แล้วชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามมาตรา 202
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3473/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากทนายจำเลยไม่ร้องขอเลื่อนคดีก่อนเริ่มสืบพยานโจทก์ ศาลชอบที่จะพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียว
จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและให้นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่4กันยายน2535ก่อนถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องในวันเวลาเดียวกับที่นัดสืบพยานโจทก์วันที่4กันยายน2535จึงเป็นวันนัดไต่สวนคำร้องอนุญาตยื่นคำให้การจำเลยและวันนัดสืบพยานโจทก์ด้วยเพราะศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งยกเลิกวันนัดสืบพยานโจทก์แต่เมื่อถึงวันดังกล่าวทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การเท่านั้นจึงถือไม่ได้ว่าทนายจำเลยได้มาศาลและร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนลงมือสืบพยานโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา197วรรคสองดังนั้นในเรื่องของการพิจารณาคดีจึงถือได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาให้สืบพยานโจทก์แล้วชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามมาตรา202
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3412/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดี: ทนายความมีนัดความอื่นสามารถขอเลื่อนหรือแจ้งเหตุขัดข้องได้ หากไม่แจ้งถือว่าขาดนัด
แม้ในวันนัดสืบพยานโจทก์ทนายความโจทก์จะมีนัดว่าความที่ศาลชั้นต้นและศาลแขวงพระนครเหนือรวม2เรื่องก็ตามทนายความโจทก์ก็มีทางแก้ไขโดยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีใดคดีหนึ่งซึ่งอาจทำได้ก่อนหรือในวันนัดพิจารณาโดยจะนำคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาไปยื่นเองหรือมอบฉันทะให้ผู้อื่นไปยื่นแทนก็ได้หรือในกรณีที่ไม่ต้องการเลื่อนคดีทนายโจทก์ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องหรือคำแถลงแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบได้ว่าทนายโจทก์มีนัดว่าความ2เรื่องคือที่ศาลชั้นต้นและศาลแขวงพระนครเหนือและทนายโจทก์ขอไปไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาที่ศาลแขวงพระนครเหนือก่อนที่ย่อมจะทำได้การที่โจทก์ไม่ได้ขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบก่อนเช่นนี้เป็นกรณีโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานและมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาให้ศาลทราบก่อนจึงถือได้ว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7520/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีภายหลังศาลยกคำร้องเดิม แม้มีเหตุสุดวิสัย ศาลฎีกาตัดสินว่าจำเลยต้องแจ้งเหตุขัดข้องภายในเวลาที่กำหนด
แม้จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย เพราะเหตุฝ่ายจำเลยไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนคำร้องไปแล้วก็ตาม แต่ตามคำร้องของจำเลยได้ยกข้ออ้างว่ามีพฤติการณ์พิเศษและเป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเลยไม่อาจยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีได้ภายในเวลานัดไต่สวนคำร้อง ซึ่งจำเลยชอบที่จะกระทำได้ และหากปรากฎว่าคดีมีพฤติการณ์พิเศษและเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ยกคำร้องของผู้ร้องได้ตามมาตรา 27 และให้เลื่อนวันนัดไต่สวนคำร้องให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23และมาตรา 40 ได้ เหตุตามคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยอ้างเหตุในคำร้องขอเลื่อนคดีว่าทนายจำเลย เดินทางไปยังอำเภอวัฒนานคร จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2535 เพื่อเจรจาตกลงเรื่องค่าเสียหายที่ลูกความได้ขับรถยนต์ชนคนตายไม่อาจเดินทางกลับมาว่าความได้ทันเพราะรถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะไปและกลับเครื่องยนต์เสีย เมื่อศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 17 กุมภาพันธ์2535 เวลา 13.30 นาฬิกา แม้ในวันเวลาดังกล่าว ทนายจำเลยจะไม่อาจเดินทางกลับมาว่าความได้ทันกำหนดนัดก็ตาม ตัวจำเลยซึ่งสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาต่อศาลได้ก็ชอบที่จะมาศาลในวันนัดและแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบถึงเหตุขัดข้องจำเป็นต้องขอเลื่อนคดีภายในเวลาที่กำหนด ยิ่งปรากฎว่าศาลชั้นต้นรออยู่จนถึงเวลา 14.30 นาฬิกาตัวจำเลยก็มิได้มาศาลเพิ่งมาศาลและยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีภายหลังพ้นกำหนดเวลานัดพิจารณาและศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องไปแล้วนอกจากนั้นหากรถยนต์ที่ทนายจำเลยใช้เป็นยานพาหนะไปและกลับเครื่องยนต์เสียจริง ทนายจำเลยก็สามารถเดินทางโดยยานพาหนะอื่นได้กรณีจึงถือไม่ได้ว่าตามคำร้องของจำเลยมีพฤติการณ์พิเศษและเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย จำเลยจะยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีภายหลังเวลานัดไต่สวนคำร้องและหลังจากศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องไปแล้วหาได้ไม่คดีไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6935/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีและการขาดนัดพิจารณา: ศาลต้องพิจารณาคำร้องเลื่อนคดีก่อนมีคำสั่งขาดนัด
คดีนี้ศาลนัดสืบพยานสองนัดติดต่อกัน โดยนัดแรกนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน นัดต่อมานัดสืบพยานโจทก์ ก่อนถึงวันนัดสืบพยานจำเลยโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี เมื่อถึงวันนัดสืบพยานจำเลย โจทก์ไม่มาศาล ศาลไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาเช่นนี้ ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติป.วิ.พ. มาตรา 197 วรรคสอง เพราะโจทก์ได้มีการร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่มาศาลไม่ได้ให้ศาลทราบก่อนลงมือสืบพยานแล้ว ไม่ใช่กรณีที่โจทก์ไม่มาศาลและไม่แจ้งเหตุขัดข้องอันจะถือว่าเป็นการขาดนัดพิจารณา การที่ศาลไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ การพิจารณาคดีนี้จึงมิใช่การพิจารณาโดยขาดนัด การที่โจทก์ไม่มาศาลในนัดแรกจึงไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิที่จะสืบพยาน