พบผลลัพธ์ทั้งหมด 328 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7151/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแปลงหนี้ใหม่ หลักประกันการชำระหนี้ ไม่ใช่เงื่อนไขบังคับหลัง แม้ไม่โอนที่ดินตามสัญญา
จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน5ฉบับให้แก่โจทก์ทั้งสองตามสัญญาแปลงหนี้ใหม่และเพื่อเป็นหลักประกันการใช้เงินจำเลยตกลงจะโอนที่ดินของจำเลยให้แก่โจทก์ทั้งสองข้อตกลงดังกล่าวเป็นเพียงข้อสัญญาข้อหนึ่งในสัญญาที่ตกลงกันไว้ทั้งเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาที่ตกลงกันเพื่อให้โจทก์ทั้งสองมีความมั่นใจว่าจะได้รับชำระหนี้จากจำเลยตามสัญญาที่ตกลงทำกันขึ้นใหม่เพื่อมิให้หนี้เดิมของโจทก์ทั้งสองต้องสูญไปเท่านั้นไม่ใช่เงื่อนไขบังคับหลังที่จะทำให้สัญญาที่ตกลงกันไว้ต้องยกเลิกหรือระงับสิ้นไปเพราะโจทก์ไม่ได้รับโอนที่ดินภายในกำหนดเวลาตามสัญญาการที่จำเลยมิได้โอนที่ดินตามสัญญาให้แก่โจทก์ทั้งสองหาทำให้ตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง5ฉบับที่จำเลยได้ออกชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งสองต้องถูกยกเลิกหรือไร้ประโยชน์แต่อย่างใดจำเลยยังต้องผูกพันรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง5ฉบับที่ออกชำระหนี้ให้แก่โจทก์ทั้งสองอยู่ หนี้ตามคำฟ้องของโจทก์ที่1และโจทก์ที่2เป็นคนละจำนวนต่างหากจากกันมิใช่หนี้ร่วมโจทก์แต่ละคนสามารถแยกฟ้องจำเลยต่างหากจากกันได้อยู่แล้วการที่โจทก์ทั้งสองฟ้องรวมเป็นคดีเดียวกันก็เพราะจำเลยเป็นคนเดียวกันและเพื่อเป็นการสะดวกในการพิจารณาพิพากษาคดีเท่านั้นศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยชำระค่าขึ้นศาลสำหรับคดีของโจทก์ที่1และโจทก์ที่2แยกต่างหากจากกันนั้นถูกต้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6939/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาท กรณีจำเลยรับโอนโดยไม่สุจริต และเป็นการเสียเปรียบต่อผู้มีสิทธิก่อน
โจทก์ที่2มีชื่อในโฉนดที่ดินผู้เดียวแต่เป็นการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแทนโจทก์ที่1ซึ่งโจทก์ที่1ครอบครองเป็นสัดส่วนแล้วโจทก์ที่2จึงไม่มีสิทธิที่จะขายที่ดินพิพาทให้จำเลยการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์ที่2กับจำเลยเป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ที่1ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของโจทก์ที่1ได้อยู่ก่อนแล้วแม้จำเลยได้รับโอนโดยมีค่าตอบแทนแต่กระทำการโดยไม่สุจริตโจทก์ที่1ย่อมเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินพิพาทนั้นได้ คำฟ้องระบุเลขที่ของโฉนดผิดพลาดไปไม่ตรงกับเลขที่โฉนดในภาพถ่ายเอกสารท้ายฟ้องซึ่งเป็นโฉนดเลขที่39533จำเลยมิได้หลงต่อสู้ทั้งยังแนบภาพถ่ายโฉนดเลขที่39533มาท้ายคำให้การการที่ศาลอุทธรณ์ภาค1ระบุเลขที่โฉนดที่ให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนเป็นโฉนดเลขที่35933ทั้งที่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค1ในส่วนอื่นๆก็ระบุเป็นที่ดินโฉนดเลขที่39533ดังนี้ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าวให้ถูกต้องได้แม้ไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 663/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดิน น.ส.3 ยังไม่สมบูรณ์หากไม่จดทะเบียน แม้ผู้ให้ได้แสดงเจตนาแล้ว
ท. ประสงค์จะยกที่ดินน.ส.3ให้แก่โจทก์โดยการทำนิติกรรมและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา525และประมวลกฎหมายที่ดินฯมาตรา4ทวิคือต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อยังไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่การให้จึงยังไม่สมบูรณ์โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรม และในฐานะ ผู้จัดการมรดกของ ท.จดทะเบียนการให้แก่โจทก์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5389/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินนิคมสร้างตนเองก่อนครบกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจให้เช่าได้ค่าเช่าเดือนละ5,000บาทแม้มีคำขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายปีละ200,000บาทนับถัดจากวันฟ้องก็เป็นการเรียกร้องมาเป็นส่วนหนึ่งของการฟ้องขับไล่มิได้เรียกร้องมาอย่างเอกเทศในข้อหาอื่นจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสอง เรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ศาลชั้นต้นไม่ได้ตั้งประเด็นเรื่องนี้ไว้ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินของนิคมสร้างตนเองจัดสรรให้ ฉ.ทำกินจะโอนไปยังบุคคลภายนอกได้ต้องเป็นที่ดินมีโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินแล้วและต้องให้เลยเวลาห้าปีนับแต่วันที่ได้รับเอกสารนั้นก่อนตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพพ.ศ.2511มาตรา12,15การที่ ล.ภริยาผู้รับมรดกของ ฉ.ซึ่งถึงแก่ความตายโอนขายและส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งยังไม่มีเอกสารดังกล่าวให้แก่โจทก์เป็นการฝ่าฝืนต่อข้อห้ามตามกฎหมายตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา113เดิมโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปหาประโยชน์ยึดถือหรือครอบครองที่ดินพิพาทจึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5363/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินแทนกัน ตัวการฟ้องเรียกทรัพย์คืนได้ แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
จำเลยรับโอนที่ดินไว้แทนโจทก์ครึ่งหนึ่ง การที่โจทก์ฟ้องให้บังคับจำเลยโอนที่ดินให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง จึงเป็นเรื่องตัวการฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากจำเลยซึ่งเป็นตัวการ แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือและจดทะเบียนกันไว้ก็ฟ้องร้องให้บังคับคดีกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5284/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 ผู้จัดการมรดกต้องโอนตามสัญญา ไม่สามารถเกี่ยงค่าใช้จ่ายได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามโอนที่ดินมีโฉนดแก่โจทก์โดยอ้างว่าปู่และย่าได้ขายที่ดินพิพาทให้แก่บิดาโจทก์โดยไม่ได้จดทะเบียน แต่ได้มอบการครอบครองให้เป็นเวลาเกิน 10 ปี โจทก์เป็นผู้รับมรดกที่ดินพิพาทจากบิดาแล้วครอบครองต่อมาจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382เมื่อจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลรับว่าจะโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์แล้ว จะเกี่ยงให้โจทก์ชำระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้จำเลยที่ 3 ก่อนโอนไม่ได้ ข้อที่จำเลยที่ 3 อ้างว่าเป็นบันทึกข้อตกลงให้ชำระค่าใช้จ่ายนั้น ความจริงเป็นเพียงบันทึกรายงานการประชุมเท่านั้น ประกอบกับจำเลยที่ 3 ไม่ได้ฟ้องแย้งเรียกเงินจำนวนดังกล่าวเข้ามาด้วย การที่จะให้โจทก์ชำระเงินค่าใช้จ่ายก่อนโอนนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 3 จะต้องไปว่ากล่าวกันต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5284/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินมรดก: การโอนที่ดินหลังครอบครองเกิน 10 ปี ไม่ต้องชำระค่าใช้จ่ายก่อน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามโอนที่ดินมีโฉนดแก่โจทก์โดยอ้างว่าปู่และย่าได้ขายที่ดินพิพาทให้แก่บิดาโจทก์โดยไม่ได้จดทะเบียนแต่ได้มอบการครอบครองให้เป็นเวลาเกิน10ปีโจทก์เป็นผู้รับมรดกที่ดินพิพาทจากบิดาแล้วครอบครองต่อมาจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382เมื่อจำเลยที่3ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลรับว่าจะโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์แล้วจะเกี่ยวให้โจทก์ชำระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้จำเลยที่3ก่อนโอนไม่ได้ข้อที่จำเลยที่3อ้างว่าเป็นบันทึกข้อตกลงให้ชำระค่าใช้จ่ายนั้นความจริงเป็นเพียงบันทึกรายงานการประชุมเท่านั้นประกอบกับจำเลยที่3ไม่ได้ฟ้องแย้งเรียกเงินจำนวนดังกล่าวเข้ามาด้วยการที่จะให้โจทก์ชำระเงินค่าใช้จ่ายก่อนโอนนั้นเป็นเรื่องที่จำเลยที่3จะต้องไปว่ากล่าวกันต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5059/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินโดยตัวแทนที่ไม่เปิดเผยชื่อและผลกระทบต่อสิทธิของบุคคลภายนอกที่สุจริต
จำเลยที่3รับโอนที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินที่จำเลยที่2มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนจำเลยที่1ซึ่งเป็นคนต่างด้าวโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตเป็นเรื่องที่จำเลยที่1ซึ่งเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อยอมให้จำเลยที่2เป็นตัวแทนทำการออกหน้าเป็นตัวการจำเลยที่1หาอาจทำให้เสื่อมเสียสิทธิของจำเลยที่3ที่มีต่อจำเลยที่2และขวนขวายได้สิทธิมาก่อนที่จะรู้ว่าจำเลยที่2เป็นตัวแทนไม่โจทก์ซึ่งเป็นเพียงผู้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทกับจำเลยที่1จึงขอให้เพิกถอนการโอนขายที่ดินระหว่างจำเลยที่2และที่3และบังคับให้จำเลยที่1และที่2ร่วมกันโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4841/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขาย: ผู้ขายไม่ต้องเป็นเจ้าของในวันทำสัญญา หากคาดว่าจะโอนได้ในภายหลัง หากโอนไม่ได้ ผู้ซื้อไม่ถือว่าผิดนัด
สัญญาจะซื้อจะขายระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนโดยจำเลยตกลงว่าจะชำระเงินตามที่ตกลงกันส่วนโจทก์ตกลงจะขายที่ดินตามสัญญาแต่โจทก์ก็ไม่จำต้องเป็นเจ้าของในวันทำสัญญาหากคาดหมายว่าจะสามารถโอนให้แก่จำเลยได้เมื่อถึงกำหนดเวลาตามสัญญาแต่เมื่อโจทก์ไม่สามารถจดทะเบียนโอนให้แก่จำเลยตามกำหนดได้ไม่ว่ากรณีใดจำเลยก็ไม่เป็นผู้ผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา209-211
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4841/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขาย: ผู้ขายไม่สามารถโอนได้ ไม่ถือเป็นการผิดนัดของผู้ซื้อ
โจทก์ไม่สามารถจดทะเบียนโอนที่ดินที่จะขายให้แก่จำเลยตามสัญญาจะซื้อขายไม่ว่ากรณีจะเป็นอย่างไรจำเลยก็ไม่ตกเป็นผู้ผิดนัดโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ได้มอบให้แก่จำเลยยึดถือไว้คืนจากจำเลย