คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่ชอบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 219 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4936/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการฎีกาจำกัดเฉพาะโจทก์/โจทก์ร่วม การฎีกาขอลงโทษจำเลยโดยผู้ไม่เกี่ยวข้องเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งเจ็ดกับพวกเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้และจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันพยายามฆ่าจำเลยที่ 3 ที่ 5และที่ 7 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 ยกฟ้องจำเลยที่ 3 ถึงที่ 7 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ที่ 3ที่ 4 ที่ 6 และที่ 7 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฐานพยายามฆ่าจำเลยที่ 7 จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ได้ เพราะมิได้อยู่ในฐานะเป็นโจทก์หรือโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยที่ 7 ข้อนี้มาไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3643/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออก/ยกเลิกโฉนด เป็นคำขอที่บังคับแก่บุคคลภายนอกที่ไม่เป็นคู่ความ ย่อมไม่ชอบ
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้งว่า จำเลยได้กระทำการซึ่งเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ และฟ้องบังคับจำเลยไม่ให้กระทำการรบกวนสิทธิของโจทก์ ไม่ได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลยด้วยแต่อย่างใด ฉะนั้น ที่โจทก์มีคำขอให้เจ้าพนักงานที่ดินยกเลิกการออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลย และออกโฉนดให้แก่โจทก์จึงเป็นคำขอที่บังคับแก่บุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นคู่ความในคดี คำขอของโจทก์จึงไม่ชอบและไม่อาจบังคับได้ ป.วิ.พ. มาตรา 145 (2) เป็นเรื่องคำพิพากษาที่วินิจฉัยข้อกรรมสิทธิ์เป็นคุณแก่โจทก์สามารถใช้ยันแก่บุคคลภายนอกได้หาใช่เป็นเรื่องบังคับให้เจ้าพนักงานที่ดินกระทำการหรือไม่กระทำการแต่อย่างใดไม่
ปัญหาว่าศาลไม่อาจบังคับจำเลยตามคำขอของโจทก์ได้ เพราะเป็นการบังคับบุคคลภายนอก และมิได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดี เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลจึงมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวอ้าง
ป.ที่ดิน มาตรา 60 เป็นเรื่องที่มีกรณีโต้แย้งสิทธิกันเกี่ยวกับการออกโฉนดที่ดิน และไม่อาจตกลงกันได้ในชั้นเจ้าพนักงานที่ดิน และต้องฟ้องคดีต่อศาลซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินจะต้องรอเรื่องไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาอย่างหนึ่งอย่างใด แล้วจึงให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการต่อไป หาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องจำเลยแล้วมีคำขอให้บังคับแก่เจ้าพนักงานที่ดินโดยไม่ได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินมาด้วยดังเช่นกรณีของโจทก์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ที่ไม่ชอบและการพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ถอนฟ้องเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ภาค 3ไม่มีอำนาจที่จะรับวินิจฉัยให้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยมาเป็นการไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้โจทก์จะมิได้ยกขึ้นอ้างในฎีกา แต่ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ เมื่อคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องโดยมิได้สอบถามจำเลยที่ 1 ก่อน ซึ่งจำเลยที่ 1 อ้างเป็นเหตุขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปนั้นถึงที่สุด คดีก็ไม่มีเหตุที่จะให้ยกขึ้นพิจารณาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2908/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายความขาดคุณสมบัติ/ใบอนุญาต การดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบ ศาลต้องเริ่มกระบวนการใหม่
เมื่อบุคคลที่โจทก์แต่งตั้งเป็นทนายความเข้าว่าต่างคดีให้โจทก์ในศาลชั้นต้น และลงชื่อในอุทธรณ์ของโจทก์ที่ยื่นต่อศาลนั้น เป็นผู้ที่ขาดจากการเป็นทนายความและต้องห้ามมิให้ว่าความในศาลหรือแต่งคำฟ้องคำให้การ คำฟ้องอุทธรณ์คำฟ้องฎีกา ฯลฯ ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 44(3) และมาตรา 33 มาแต่แรก แม้ภายหลังจากนั้นต่อมาบุคคลดังกล่าวจะได้จดทะเบียนและได้รับอนุญาตให้เป็นทนายความประเภทตลอดชีพก็ตาม แต่ขณะที่ว่าต่างคดีให้โจทก์ได้ขาดจากการเป็นทนายความแล้ว ย่อมไม่มีอำนาจที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาในศาล กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตั้งแต่วันที่บุคคลดังกล่าวรับแต่งตั้งจากโจทก์ให้เป็นทนายว่าต่างมาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งเป็นกรณีที่มิได้ปฎิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคแรกและมาตรา 62 ชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาในส่วนนี้ใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 243(2) ประกอบด้วยมาตรา 247 ปัญหาดังกล่าวเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาโดยไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 147, 157, 91ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 147 จำคุกจำเลย 35 กรรมกรรมละ 5 ปี กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายน้อยลงจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษา 7.50 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ เท่ากับศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 147 และให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกรรมไม่เกิน 5 ปี เป็นคดีที่ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังรับฟังไม่ได้แน่ชัดว่าจำเลยกระทำความผิดเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทมาตราดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งวันนัดฟังคำสั่งล้มละลายที่ไม่ชอบ และการรับรองการทราบคำสั่งภายหลัง
จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาที่แน่นอนจึงไม่ใช่กรณีที่ไม่สามารถส่งหมายให้แก่จำเลยที่ 1 ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 ได้ การส่งหมายแจ้งวันนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันที่ 26 มีนาคม 2534 ให้จำเลยที่ 1 ทราบโดยวิธีปิดประกาศหน้าศาล จึงเป็นการแจ้งวันนัดที่ไม่ชอบ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มาศาลย่อมไม่อาจถือได้ว่า จำเลยที่ 1ได้ทราบคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันดังกล่าว แต่ตามคำร้องของจำเลยที่ 1 รับว่าได้ทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เมื่อวันที่1 กรกฎาคม 2534 ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งเดิม โดยให้ถือว่าจำเลยที่ 1 ทราบหรือได้ฟังคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2534 จึงชอบแล้วไม่มีเหตุต้องดำเนินกระบวนพิจารณาแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 มาฟังคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดใหม่ การอ่านคำสั่งหรือคำพิพากษาให้คู่ความฟังนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคู่ความแต่ละรายเป็นรายบุคคลไป หากเป็นการอ่านคำสั่งหรือคำพิพากษาให้คู่ความรายใดฟังเป็นการไม่ชอบก็มีผลเฉพาะคู่ความรายนั้น ๆ ไม่มีผลถึงการอ่านให้คู่ความรายอื่นที่ได้ฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาโดยชอบแล้ว สิทธิในการอุทธรณ์เป็นเรื่องเฉพาะตัวของคู่ความแต่ละรายไป จำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง จะถือตามสิทธิอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ไม่ได้ จำเลยทั้งสามเป็นหนี้โจทก์จำนวน 1,336,580 บาท พร้อมดอกเบี้ยและโจทก์มีหนังสือทวงถามจำเลยทั้งสามให้ชำระหนี้แล้ว 2 ครั้งซึ่งมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน จำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้ทั้งจำเลยทั้งสามร่วมกันแถลงยอมรับในวันสืบพยานจำเลยว่าจำเลยทั้งสามเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องและเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพฤติการณ์ที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องจริง ไม่ติดใจสืบพยานจำเลยอีกต่อไป หากถึงวันนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาจำเลยทั้งสามไม่สามารถชำระหนี้ให้โจทก์ได้ ก็ให้ศาลพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งตามรูปคดีต่อไป และเมื่อถึงวันนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา จำเลยทั้งสามมิได้ชำระหนี้ให้โจทก์ตามที่ได้แถลงต่อศาลชั้นต้น ดังนี้ จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องสอดตาม ป.วิ.พ. ม.57(1) ต้องแสดงสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับชัดเจน มิฉะนั้นเป็นคำร้องที่ไม่ชอบ
คำร้องสอดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1) เป็นคำฟ้องจึงต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และคำขอบังคับต้องแจ้งชัดด้วยตามมาตรา 172 วรรคสอง เมื่อคำร้องสอดมิได้มีคำขอว่าต้องการให้บังคับอย่างไร จึงเป็นคำร้องสอดที่ไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4441/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดพิจารณาคดี การส่งหมายโดยวิธีปิดประกาศหน้าศาลไม่ชอบหากจำเลยมีภูมิลำเนาแน่นอน
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกจำเลยมาศาล แสดงว่าจำเลยมีภูมิลำเนาที่แน่นอนตามที่ส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกให้จำเลย จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลจะสั่งให้ส่งหมายนัดโดยวิธีอื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79การที่ศาลชั้นต้นส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ครั้งต่อไปให้จำเลยทราบโดยวิธีปิดหมายหน้าศาลแทนการส่งหมายด้วยวิธีธรรมดา จึงเป็นการไม่ชอบยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3333/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์คดีอาญาในศาลแขวง: การโต้แย้งข้อเท็จจริงและการรับอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยตบหน้าผู้เสียหายที่บริเวณแก้มซ้าย 1 ครั้ง พิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องลงโทษปรับ 1,000 บาท คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499 มาตรา 22 ประกอบพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 มาตรา 3 จำเลยอุทธรณ์ว่า พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยข้อเท็จจริงมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยและศาลอุทธรณ์ภาค 3รับวินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบและแม้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 จะพิพากษากลับโจทก์ก็ไม่มีสิทธิฎีกา และศาลฎีกายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3และยกฎีกาของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2178/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายที่ไม่ชอบทำให้โจทก์ไม่ทราบวันนัด ไม่ถือเป็นการขาดนัดตามกฎหมาย และไม่ต้องยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน
โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดเพราะโจทก์ไม่ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์อันเนื่องจากการส่งหมายไม่ชอบ ย่อมไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลจะยกฟ้องได้ กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับที่โจทก์จะต้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ศาลยกฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 166 และมาตรา 181
of 22