คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความความผิด พ.ร.บ.จัดหางานฯ และความผิดฉ้อโกงเป็นคนละข้อหา ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคลาดเคลื่อน
ความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2511มิใช่ความผิดอันยอมความได้ และเป็นความผิดอีกข้อหาหนึ่งต่างหากจากความผิดฐานฉ้อโกงจะยกฟ้องข้อหาความผิดดังกล่าวด้วยเหตุขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 เช่นเดียวกับความผิดฐานฉ้อโกงไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากโจทก์โต้เถียงเฉพาะข้อเท็จจริง โดยไม่คัดค้านคำวินิจฉัยข้อกฎหมายของศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเงินที่โจทก์ฝากไว้กับจำเลยย่อมตกเป็นของจำเลย การที่จำเลยโอนเงินที่รับฝากไว้ไปให้บุคคลอื่นจึงเป็นเรื่องที่โจทก์จะเรียกร้องเอาจากจำเลยในทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ อันเป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อกฎหมาย ดังนี้ โจทก์จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแต่เมื่อฎีกาของโจทก์คงโต้เถียงเฉพาะปัญหาข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่เท่านั้น มิได้คัดค้านคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าว ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5669/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์โทษจำคุกคดีฆ่าผู้อื่น ศาลฎีกาห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหากโทษไม่เกินห้าปี และจำกัดอำนาจศาลอุทธรณ์ในการเพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 จำคุก 2 ปี และริบมีดของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะบทกฎหมายที่ลงโทษเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ส่วนโทษจำคุกยังคงเท่ากับที่ศาลชั้นต้นกำหนด เป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ฎีกาขอให้รอการลงโทษเป็นเรื่องโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี โจทก์มิได้อุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันจำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แม้ศาลอุทธรณ์ฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่น มิใช่เป็นการป้องกันสิทธิของจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยหนักกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้มิได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 212 ศาลอุทธรณ์คงมีอำนาจวางบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5450/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ถือเป็นคำสั่งถึงที่สุด ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
ในกรณีที่มีการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์นั้น เมื่อผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์หรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ คำสั่งของศาลอุทธรณ์นั้นเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 จำเลยจะฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5450/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่รับอุทธรณ์: ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งถึงที่สุดแล้วไม่อาจฎีกาได้
ในกรณีที่มีการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์นั้น เมื่อผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์หรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์คำสั่งของศาลอุทธรณ์นั้นเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 จำเลยจะฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5141/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอทุเลาการบังคับคดี แม้เคยถูกยกคำร้องแล้ว ก็สามารถยื่นคำร้องใหม่ได้ ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัย
แม้จำเลยจะขอทุเลาการบังคับคดีมาแล้ว แต่ศาลชั้นต้นยกคำร้องเพราะจำเลยวางหลักประกันล่วงเลยกำหนดระยะเวลาก็ตามก็ไม่มีกฎหมายห้ามว่าจะขอ ทุเลาการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 231 วรรคแรก อีกไม่ได้
การวินิจฉัยคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำร้องของจำเลยอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งคำร้อง จะให้ศาลอุทธรณ์สั่งไม่ได้และยกคำร้องของจำเลยนั้น เป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5141/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการขอทุเลาการบังคับคดีใหม่ แม้เคยถูกปฏิเสธ และอำนาจพิจารณาของศาลอุทธรณ์
แม้จำเลยจะขอทุเลาการบังคับคดีมาแล้ว แต่ศาลชั้นต้นยกคำร้องเพราะจำเลยวางหลักประกันล่วงเลยกำหนดระยะเวลาก็ตาม ก็ไม่มีกฎหมาย ห้ามว่าจะขอทุเลาการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 231 วรรคแรก อีกไม่ได้ การวินิจฉัยคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำร้อง ของ จำเลยอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งคำร้องจะให้ศาลอุทธรณ์สั่งไม่ได้และยกคำร้องของจำเลยนั้น เป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4939/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฎีกาจำกัดเฉพาะกรณีที่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์กระทบสิทธิหรือหน้าที่ของจำเลย แม้ไม่เห็นพ้องกับเหตุผล
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ไม่ริบรถยนต์ของกลางที่ใช้ขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่ริบรถยนต์ของกลางตามประสงค์ของจำเลยซึ่งเท่ากับจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีในชั้น อุทธรณ์แล้วแม้จำเลยจะไม่เห็นพ้องด้วยกับเหตุผลในคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ แต่ข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวก็มิได้กระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือหน้าที่ของจำเลยประการใดจำเลยจึงไม่มี อำนาจที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4939/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยไม่มีอำนาจฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาตามที่จำเลยขอ แม้ไม่เห็นพ้องกับเหตุผล
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ไม่ริบรถยนต์ของกลางที่ใช้ขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่ริบรถยนต์ของกลางตามประสงค์ของจำเลยซึ่งเท่ากับจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีในชั้นอุทธรณ์แล้วแม้จำเลยจะไม่เห็นพ้องด้วยกับเหตุผลในคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แต่ข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวก็มิได้กระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือหน้าที่ของจำเลยประการใดจำเลยจึงไม่มีอำนาจที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 216

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4483/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานซ้ำและการรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมก่อนวันนัดสืบพยาน ศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
ศาลจังหวัดอุทัยธานีมีนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่18 ธันวาคม 2527 และเลื่อนไปเป็นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2528ทนายโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานครั้งแรกวันที่ 28 พฤศจิกายน 2527แต่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2527 ทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอระบุพยานโจทก์ต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์ โดยอ้างว่าศาลจังหวัดอุทัยธานีนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 18 ธันวาคม 2527 โจทก์ติดว่าความที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์ไม่อาจยื่นบัญชีพยานได้ทัน ขอให้ศาลจังหวัดนครสวรรค์ส่งบัญชีระบุพยานไปยังศาลจังหวัดอุทัยธานี ศาลจังหวัดนครสวรรค์อนุญาต ต่อมาวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2528 ทนายโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ศาลต่อจังหวัดอุทัยธานี ดังนี้เมื่อศาลจังหวัดอุทัยธานีได้สั่งรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ฉบับลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2527 ไว้แล้ว แม้โจทก์จะยื่นซ้ำอีกครั้งหนึ่งต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์และการยื่นบัญชีระบุพยานนั้นไม่เข้าเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 10 ก็ตาม ก็ไม่เป็นเหตุให้บัญชีระบุพยานโจทก์ฉบับลงวันที่4 กุมภาพันธ์ 2528 ซึ่งได้ยื่นไว้ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์เกินกว่า 3 วันเสียไป
of 225