พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1329/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกายบุตรเลี้ยง: การพิพากษาโทษฐานฆ่าผู้อื่น
ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ จำเลยเคยทำร้ายเฆี่ยนตีและจับผู้ตายโยนซึ่งอาจจะเนื่องจากเกลียดชัง. เพราะผู้ตายเป็นบุตรเลี้ยง. ดังนั้นการที่จำเลยกระทืบผู้ตายด้วยเท้าจนถึงไตซ้ายแตก. มีอุจจาระไหลออกมาเปรอะเปื้อนตามร่างกายผู้ตาย. แสดงว่าจำเลยใช้เท้ากระทืบอย่างหนักและรุนแรง.จนเป็นผลให้ไตซ้ายแตกนั้น. เมื่อประกอบกับการที่จำเลยพูดว่าเอาให้ตายแล้วย่อมเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้ตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่อาจเข้าข่ายพยายามฆ่า แต่ศาลเห็นว่าเป็นการทำร้ายร่างกายจนเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บ
จำเลยขับรถแซงรถผู้เสียหายขึ้นไปด้วยความเร็ว แล้วหักพวกมาลัยให้ท้ายรถจำเลยปัดหน้ารถผู้เสียหายจนรถยนต์ผู้เสียหายแฉลมไปจนเกือบตกถนนนั้นหากถนนตรงนั้นเป็นที่สูงหรืออยู่หน้าผาสูงชันย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า ถ้ารถคว่ำลงไปแล้วทั้งรถและคนย่อมถึงซึ่งความพินาศ เห็นผลได้ชัดเจนว่าผู้เสียหายย่อมได้รับอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น แม้รถยนต์ผู้เสียหายจะไม่ตกถนนลงไป จำเลยก็มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น และไม่ต้องคำนึงถึงว่าคนนั่งภายในรถจะมีตัวรถป้องกันหรือไม่ แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าถนนตรงที่เกิดเหตุสูงจากพื้นนาประมาณ 1 แขน หรือ 1 เมตร ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายขับรถอยู่ในอัตราความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อถูกจำเลยเอาท้ายรถปาดหน้ารถผู้เสียหาย ๆ ก็แตะเบรครถหยุดทันที และเครื่องดับเอง ล้อรถด้านซ้ายยังห่างขอบถนอีกราว 1 ศอก ผู้เสียหายไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด จึงถือว่าจำเลยมีเจตนาพยายามฆ่าผู้เสียหายให้ถึงตายยังไม่ได้ เพราะถึงหากรถยนต์ผู้เสียหายจะตกลงไปโดยผู้เสียหายนั่งภายในตัวรถก็ไม่แน่ว่าจะถึงตาย แต่ก็พอคาดหมายได้ว่าอย่างน้อยผู้เสียหายย่อมได้รับการกระทบกระแทกเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บ ซึ่งจำเลยก็น่าจะเล็งเห็นผลอันจะเกิดแก่ผู้เสียหายได้ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายผู้เสียหายเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 80
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 358 การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ตามมาตรา 90 ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ใช้บทมาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดลงโทษมาแล้วและฎีกาของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นอีก จึงแก้โทษจำเลยไม่ได้
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 358 การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ตามมาตรา 90 ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ใช้บทมาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดลงโทษมาแล้วและฎีกาของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นอีก จึงแก้โทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บ การกระทำที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตแต่ไม่สำเร็จ
จำเลยขับรถแซงรถผู้เสียหายขึ้นไปด้วยความเร็ว แล้วหักพวงมาลัยให้ท้ายรถจำเลยปัดหน้ารถผู้เสียหายจนรถยนต์ผู้เสียหายแฉลบไปจนเกือบตกถนนนั้น.หากถนนตรงนั้นเป็นที่สูงหรืออยู่หน้าผาสูงชันย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า. ถ้ารถคว่ำลงไปแล้วทั้งรถและคนย่อมถึงซึ่งความพินาศ. เห็นผลได้ชัดว่าผู้เสียหายย่อมได้รับอันตรายถึงชีวิต. ดังนั้น แม้รถยนต์ผู้เสียหายจะไม่ตกถนนลงไป จำเลยก็มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น. และไม่จำต้องคำนึงถึงว่าคนนั่งภายในรถจะมีตัวรถป้องกันหรือไม่. แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าถนนตรงที่เกิดเหตุสูงจากพื้นนาประมาณ 1 แขนหรือ 1 เมตร. ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายขับรถอยู่ในอัตราความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง. เมื่อถูกจำเลยเอาท้ายรถปาดหน้ารถผู้เสียหายๆก็แตะเบรครถหยุดทันที และเครื่องดับเอง. ล้อรถด้านซ้ายยังห่างขอบถนนอีกราว 1ศอก. ผู้เสียหายไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด. จึงถือว่าจำเลยมีเจตนาพยายามฆ่าผู้เสียหายให้ถึงตายยังไม่ได้.เพราะถึงหากรถยนต์ผู้เสียหายจะตกลงไปโดยผู้เสียหายนั่งอยู่ภายในตัวรถก็ไม่แน่ว่าจะถึงตาย. แต่ก็พอคาดหมายได้ว่าอย่างน้อยผู้เสียหายย่อมได้รับการกระทบกระแทกเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บ. ซึ่งจำเลยก็น่าจะเล็งเห็นผลอันจะเกิดแก่ผู้เสียหายได้ดังนี้. จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายผู้เสียหายเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,80.
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 358. การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท. ตามมาตรา 90 ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย. แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ใช้บทมาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดลงโทษมาแล้ว.และฎีกาของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นอีก. จึงแก้โทษจำเลยไม่ได้.
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 358. การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท. ตามมาตรา 90 ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย. แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ใช้บทมาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดลงโทษมาแล้ว.และฎีกาของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นอีก. จึงแก้โทษจำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายจากความมึนเมาและมีเหตุให้โกรธเคือง ศาลลดโทษได้ตามเหตุผล
จำเลยรับสารภาพต่อศาลก่อนลงมือสืบพยานโจทก์เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี นับว่ามีเหตุบรรเทาโทษได้. ขณะจำเลยทำร้ายผู้ตายเป็นเวลาใกล้ค่ำมืด. พยานโจทก์บางคนได้ไปจากที่เกิดเหตุไกลสัก5วาได้ยินเสียงโครมคราม จึงหวนกลับวิ่งเข้ามาดู. และไม่มีผู้ใดจับจำเลยและมีดของกลางได้ในคืนนั้น. จึงยากที่จะว่าจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานโจทก์. ที่ศาลลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น จึงเป็นการชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลลดโทษจากคำรับสารภาพและเหตุบรรเทาโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288 ให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต ส่วนมีดของกลางไม่ริบโจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษตามศาลชั้นต้น แต่พิพากษาแก้ให้ริบมีดของกลางด้วย ดังนี้ ไม่ถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 คดียังไม่ถึงที่สุด ฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลลดโทษจำเลยจากคำรับสารภาพแต่ยังคงลงโทษจำคุก
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต ส่วนมีดของกลางไม่ริบโจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษตามศาลชั้นต้นแต่พิพากษาแก้ให้ริบมีดของกลางด้วยดังนี้ ไม่ถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 คดียังไม่ถึงที่สุดฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า: การทำร้ายด้วยอาวุธมีดต่อเนื่อง แม้บาดเจ็บสาหัส แต่ยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่า
แม้อาวุธที่จำเลยใช้จะเป็นมีดพร้าขอขนาดใหญ่และตัวมีดยาว 45 เซนติเมตรก็ตาม แต่จำเลยก็ได้ฟันผู้เสียหายตามโอกาสที่จะอำนวย คือขณะผู้เสียหายก้มอยู่ จำเลยก็ฟันที่กลางหลังเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีได้ 2 ก้าว จำเลยก็ฟันถูกต้นคอ เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีต่อไป จำเลยยังวิ่งไล่กวดจะฟันผู้เสียหายซ้ำอีก บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็รักษาหายในระยะเวลา 2 เดือน เพียงเท่านี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า: การทำร้ายด้วยอาวุธมีด แม้บาดเจ็บสาหัส แต่ยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่า
แม้อาวุธที่จำเลยใช้จะเป็นมีดพร้าขอขนาดใหญ่และตัวมีดยาว 45 เซนติเมตรก็ตามแต่จำเลยก็ได้ฟันผู้เสียหายตามโอกาสที่จะอำนวย คือขณะผู้เสียหายก้มอยู่ จำเลยก็ฟันที่กลางหลังเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีได้ 2 ก้าว จำเลยก็ฟันถูกต้นคอเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีต่อไป จำเลยยังวิ่งไล่กวดจะฟันผู้เสียหายซ้ำอีก บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็รักษาหายในระยะเวลา 2 เดือน เพียงเท่านี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า: การทำร้ายด้วยอาวุธมีดต่อเนื่อง แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์
แม้อาวุธที่จำเลยใช้จะเป็นมีดพร้าขอขนาดใหญ่และตัวมีดยาว 45 เซนติเมตรก็ตาม. แต่จำเลยก็ได้ฟันผู้เสียหายตามโอกาสที่จะอำนวย คือขณะผู้เสียหายก้มอยู่. จำเลยก็ฟันที่กลางหลังเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีได้ 2 ก้าว จำเลยก็ฟันถูกต้นคอ. เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีต่อไป. จำเลยยังวิ่งไล่กวดจะฟันผู้เสียหายซ้ำอีก. บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็รักษาหายในระยะเวลา 2 เดือน เพียงเท่านี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำเพื่อป้องกันตัวจากผู้ถูกทำร้าย ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง
ผู้ตายเมาสุราได้ก่อเหตุขึ้นโดยตีจำเลยด้วยขวดก่อน จนขวดแตกแล้วจะแทงจำเลยด้วยขวดที่แตกนั้นอีก จึงถูกจำเลยแทงด้วยเหล็กขูดชาร์ฟ ถือได้ว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ