พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,459 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย่งการครอบครอง และฟ้องซ้ำ: ศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องเกิน 1 ปี และคดีก่อนถึงที่สุด
จำเลยเข้ารบกวนการครอบครองเพียงครั้งเดียว โจทก์นำคดีมาฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ภายหลังจากที่โจทก์ถูกรบกวนในครั้งนั้น โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนต่อไป
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้ เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อนฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้ โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้ เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อนฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้ โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย่งการครอบครอง และฟ้องซ้ำ: ศาลวินิจฉัยฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถือเป็นคำพิพากษาถึงที่สุด
จำเลยเข้ารบกวนการครอบครองเพียงครั้งเดียว. โจทก์นำคดีมาฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ภายหลังจากที่โจทก์ถูกรบกวนในครั้งนั้น. โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนต่อไป.
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์. โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง. และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี. นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง. โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก. ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว. ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้. เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อน. ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย. เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี. นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง. จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้. โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ.
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์. โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง. และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี. นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง. โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก. ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว. ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้. เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อน. ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย. เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี. นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง. จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้. โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1179/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีปล่อยทรัพย์สินสมรส: เมื่อสามีเคยฟ้องแล้ว ภรรยาฟ้องซ้ำไม่ได้
สามีร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดซึ่งเป็นสินสมรสหรือสินบริคณห์ ศาลได้ยกคำร้องของสามี คดีถึงที่สุดแล้วภรรยาจะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้นอีกหาได้ไม่ กรณีเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1179/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีปล่อยทรัพย์: สิทธิของคู่สมรสและความเป็นผู้จัดการทรัพย์สิน
สามีร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดซึ่งเป็นสินสมรสหรือสินบริคณห์ ศาลได้ยกคำร้องของสามี คดีถึงที่สุดแล้ว ภรรยาจะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้นอีกหาได้ไม่ กรณีเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1179/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การร้องขอปล่อยทรัพย์พิพาทในฐานะสินสมรส/สินบริคณห์ เมื่อเคยถูกยกคำร้องแล้ว
สามีร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดซึ่งเป็นสินสมรสหรือสินบริคณห์. ศาลได้ยกคำร้องของสามี คดีถึงที่สุดแล้ว.ภรรยาจะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้นอีกหาได้ไม่. กรณีเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่เมื่อคดีก่อนศาลยังไม่ได้วินิจฉัยกรรมสิทธิ์ การบุกรุกเป็นประเด็นใหม่
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทมาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน และพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยพยายามจะบุกรุกเมื่อใด และเมื่อจำเลยยังมิได้บุกรุกก็ไม่เป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ส่วนข้อที่โจทก์ขอศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทนั้น ศาลไม่อาจสั่งให้ได้.เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีใหม่ยืนยันว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทแน่นอนเมื่อใดเป็นเนื้อที่เท่าใด ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของใคร และจำเลยบุกรุกที่พิพาทจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ในคดีหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีก่อนศาลยังไม่วินิจฉัยกรรมสิทธิ์ การฟ้องใหม่ระบุรายละเอียดการบุกรุกชัดเจน ย่อมฟ้องได้
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทมาครั้งหนึ่งแล้วซึ่งศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน และพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยพยายามจะบุกรุกเมื่อใดและเมื่อจำเลยยังมิได้บุกรุกก็ไม่เป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ส่วนข้อที่โจทก์ขอศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทนั้น ศาลไม่อาจสั่งให้ได้เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีใหม่ยืนยันว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทแน่นอนเมื่อใดเป็นเนื้อที่เท่าใด ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของใคร และจำเลยบุกรุกที่พิพาทจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ในคดีหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่เมื่อคดีก่อนศาลยังไม่ได้วินิจฉัยกรรมสิทธิ์ - การเปลี่ยนแปลงข้ออ้างในคดีใหม่
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทมาครั้งหนึ่งแล้ว.ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน และพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า. จำเลยพยายามจะบุกรุกเมื่อใด. และเมื่อจำเลยยังมิได้บุกรุกก็ไม่เป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์. ส่วนข้อที่โจทก์ขอศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทนั้น ศาลไม่อาจสั่งให้ได้.เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป. คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีใหม่ยืนยันว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทแน่นอนเมื่อใดเป็นเนื้อที่เท่าใด. ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ. เพราะคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของใคร และจำเลยบุกรุกที่พิพาทจริงหรือไม่. ซึ่งเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ในคดีหลัง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่: การฟ้องแย่งครอบครองที่ดินหลังศาลเดิมยกฟ้องเนื่องจากขาดรายละเอียดการบุกรุก
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทมาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน และพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยพยายามจะบุกรุกเมื่อใด และเมื่อจำเลยยังมิได้บุกรุกก็ไม่เป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ส่วนข้อที่โจทก์ขอศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทนั้น ศาลไม่อาจสั่งให้ได้ เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีใหม่ยืนยันว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทแน่นอนเมื่อใดเป็นเนื้อที่เท่าใด ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของใคร และจำเลยบุกรุกที่พิพาทจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ในคดีหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ที่ดินพิพาทเคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว การฟ้องคดีซ้ำในประเด็นสิทธิเดิมย่อมเป็นฟ้องซ้ำที่ต้องห้าม
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินของจำเลยร่วมชำระคดีโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว ฉะนั้น การที่โจทก์นำเรื่องที่ดินรายเดียวกันนั้นมาฟ้องเป็นคดีนี้อีก แม้จะเป็นเพียงที่ส่วนหนึ่งและเปลี่ยนตัวจำเลยจากจำเลยร่วมมาเป็นจำเลยคดีนี้ ก็คงมีประเด็นเพียงว่าที่พิพาทในคดีนี้เป็นของใครเท่านั้น กรณีเป็นเรื่องที่มีประเด็นซึ่งศาลได้วินิจฉัยมาแล้วโดยเหตุอย่างเดียวกัน ซึ่งศาลชี้ขาดมาแล้วในสิทธิของที่พิพาทว่าเป็นของจำเลยร่วม จึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัยซ้ำในเรื่องสิทธิแห่งที่พิพาทอีก เพราะเป็นฟ้องซ้ำ และที่ดินรายนี้จำเลยขายให้ภริยาจำเลย ฐานะของจำเลยไม่ใช่คู่สัญญาซื้อขายที่แปลงนี้โดยตรงกับจำเลยร่วมก็จริงแต่จำเลยเป็นสามีของ ฟ. ภริยาจำเลยคู่สัญญาซื้อขายกับจำเลยร่วม ก็มีสิทธิเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินแปลงนี้ด้วย ในคดีนี้จำเลยร่วมได้ถูกเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ทั้งจำเลยและจำเลยร่วมย่อมชอบที่จะอ้างสิทธิอันมีมาก่อนเป็นข้อต่อสู้ได้โดยชอบ