พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,786 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวมและการแบ่งทรัพย์สินมรดก: สิทธิครอบครองเดิมสำคัญกว่าชื่อในตราจอง
ข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357 นั้นยอมสืบหักล้างได้ว่าความจริงมีอยู่อย่างไร มารดาแบ่งที่นามือเปล่าให้บุตร 2 คนครอบครองกันเป็นส่วนสัด เป็นเนื้อที่ไม่เท่ากัน แล้วมารดาขอออกตราจองที่นาแปลงนั้นเป็นฉบับเดียวกันการออกตราจองนี้ถือว่ามารดามิได้มีเจตนาจะถือว่าที่ดินเป็นของตน เพราะได้สละการครอบครองให้บุตรไปแล้ว เมื่อออกตราจองแล้วมารดาก็โอนกรรมสิทธิ์ให้บุตรทั้งสองนั้น โดยมิได้ระบุว่าส่วนของคนไหนมีเนื้อที่เท่าใด ดังนี้ เมื่อบุตรจะขอแยกตราจอง ต่างก็ได้ที่ดินในส่วนที่ตนครอบครองกันอยู่ตลอดมานั้น มิใช่จะได้คนละส่วนเท่ากัน และเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์รวม ไม่ใช่เรื่องการครอบครองที่ของผู้อื่นโดยทางปรปักษ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 461/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการมรดกกรณีศาลตั้งผู้จัดการหลายคนและการขอคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ศาลตั้งให้โจทก์กับ อ. เป็นผู้จัดการมรดกที่ไม่มีพินัยกรรม เมื่อ อ. ตายโจทก์ไม่มีอำนาจดำเนินการจัดการมรดกต่อไปตามลำพังไม่มีอำนาจเบิกเงินกองมรดกจากธนาคาร โดยที่ยังไม่มีคำสั่งศาลอนุญาตให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกแต่ผู้เดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยา และการบังคับคดีจากมรดกของผู้ตาย
หนี้ที่ ส. กู้เงินโจทก์ เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานที่สามีภริยาทำด้วยกันจึงเป็นหนี้ร่วม แม้ ส. จะตายไปแล้ว จำเลยซึ่งเป็นภริยาในระหว่างที่มูลหนี้เกิดขึ้นต้องรับผิดร่วมด้วย
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดก ส. ผู้ตาย แม้จำเลยจะไม่ได้รับมรดก ก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะบังคับเอาจากมรดกของผู้ตายในชั้นบังคับคดี โดยจำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
(อ้างฎีกาที่ 866/2508)
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดก ส. ผู้ตาย แม้จำเลยจะไม่ได้รับมรดก ก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะบังคับเอาจากมรดกของผู้ตายในชั้นบังคับคดี โดยจำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
(อ้างฎีกาที่ 866/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2202/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองแทนทายาท & ค่าฤชาธรรมเนียม
การที่ผู้เช่าครอบครองนาพิพาทซึ่งเช่าทำจากเจ้ามรดกถือว่าเป็นการครอบครองแทนทายาททั้งหมดของเจ้ามรดก ฉะนั้นระหว่างทายาทด้วยกัน ย่อมฟ้องขอแบ่งมรดกทรัพย์พิพาทนี้ได้โดยไม่ขาดอายุความ
แม้โจทก์จะไม่ชนะคดีเต็มตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้องจากจำเลยก็ตาม แต่ศาลก็อาจใช้ดุลพินิจให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งหมดก็ได้เมื่อเห็นสมควร
แม้โจทก์จะไม่ชนะคดีเต็มตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้องจากจำเลยก็ตาม แต่ศาลก็อาจใช้ดุลพินิจให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งหมดก็ได้เมื่อเห็นสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนและอายุความฟ้องแบ่งมรดก: ครอบครองแทนสิ้นสุดเมื่อเจ้าของเสียชีวิต
ฉ. เจ้าของที่ดินพิพาท อนุญาตให้จำเลยซึ่งเป็นมารดาทำกินในที่ดินพิพาทการครอบครองของจำเลยเหนือที่พิพาทอาจถือว่าเป็นการครอบครองแทน ฉ. ได้เฉพาะแต่ในระหว่าง ฉ. มีชีวิตอยู่เท่านั้น เมื่อ ฉ. ถึงแก่กรรมแล้ว จะถือว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทซึ่งกลายเป็นมรดกแทนโจทก์ซึ่งเป็นสามี ฉ. ต่อไปหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องคดีเกี่ยวกับมรดกเกิน 1 ปี นับแต่ ฉ. ถึงแก่กรรมฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องคดีเกี่ยวกับมรดกเกิน 1 ปี นับแต่ ฉ. ถึงแก่กรรมฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุขัดข้องในการจัดการมรดกตามพินัยกรรม: ศาลมีอำนาจสั่งตั้งผู้จัดการมรดกได้
การร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกซึ่งจะต้องมีเหตุขัดข้องหรือจำเป็นอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 วรรคแรก นั้น แม้ตามคำร้องจะไม่อ้างเหตุขัดข้องหรือจำเป็นไว้โดยชัดแจ้ง แต่ตามสำเนาพินัยกรรมของเจ้ามรดกท้ายคำร้องมีข้อความซึ่งพอถือได้ว่ามีเหตุขัดข้องในการจัดการแบ่งปันมรดกก็ชอบที่ศาลจะต้องสั่งรับคำร้องไว้ดำเนินการต่อไป
พินัยกรรมของเจ้ามรดกยกทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ให้แก่บุตร 8 คน และตัดทายาทซึ่งเป็นบุตร 2 คน มิให้รับมรดกและมีข้อความเกี่ยวกับทรัพย์สินตอนหนึ่งว่า แต่ห้ามมิให้แบ่งให้แจกกันกินกันใช้โดยความยุติธรรมส่วนนายพุฒ พยัคฆเดช พี่ชายใหญ่มีหน้าที่ดูแลความเป็นไปในทรัพย์สมบัติให้คงอยู่แลเสริมสร้างให้เจริญยิ่งขึ้น ข้อความในพินัยกรรมเช่นนี้เห็นได้ว่า จะจัดการมรดกตามพินัยกรรมให้เป็นไปโดยราบรื่นได้ยากจึงพอถือได้ว่ามีเหตุขัดข้องในการจัดการแบ่งปันมรดกซึ่งทายาทมีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้
พินัยกรรมของเจ้ามรดกยกทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ให้แก่บุตร 8 คน และตัดทายาทซึ่งเป็นบุตร 2 คน มิให้รับมรดกและมีข้อความเกี่ยวกับทรัพย์สินตอนหนึ่งว่า แต่ห้ามมิให้แบ่งให้แจกกันกินกันใช้โดยความยุติธรรมส่วนนายพุฒ พยัคฆเดช พี่ชายใหญ่มีหน้าที่ดูแลความเป็นไปในทรัพย์สมบัติให้คงอยู่แลเสริมสร้างให้เจริญยิ่งขึ้น ข้อความในพินัยกรรมเช่นนี้เห็นได้ว่า จะจัดการมรดกตามพินัยกรรมให้เป็นไปโดยราบรื่นได้ยากจึงพอถือได้ว่ามีเหตุขัดข้องในการจัดการแบ่งปันมรดกซึ่งทายาทมีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อมีการโอนมรดก: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าผู้รับมรดกผูกพันตามสัญญาเดิม
ฟ้องโจทก์ตั้งประเด็นว่า น. ผู้ตายเคยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินให้โจทก์ แต่จำเลยที่ 1 กลับไปขอรับมรดกที่ดินรายนี้แล้วโอนให้จำเลยที่ 2 จำเลยให้การต่อสู้โดยมิได้ยกข้อต่อสู้ว่า สัญญาประนีประนอมที่ น. ทำไว้ใช้ไม่ได้ เพราะเจ้าของที่ดินโฉนดพิพาทมีคนอื่น นอกจาก น. เป็นเจ้าของด้วย การที่ศาลอุทธรณ์ยกข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นเรื่องนอกประเด็นเพราะจำเลยเพิ่งยกขึ้นในตอนที่จำเลยอุทธรณ์
จำเลยเป็นผู้รับมรดกสืบสิทธิจาก น. ต้องผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ น. ทำไว้กับโจทก์ด้วย โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยขอแบ่งแยกที่ดินให้ตามสัญญานั้น
จำเลยเป็นผู้รับมรดกสืบสิทธิจาก น. ต้องผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ น. ทำไว้กับโจทก์ด้วย โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยขอแบ่งแยกที่ดินให้ตามสัญญานั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052-1054/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหลังพินัยกรรม: สิทธิของผู้รับมรดกและผลของการเช่าที่ไม่สุจริต
ร. ทำพินัยกรรมยกที่ดินแปลงพิพาทกับแปลงอื่นอีก 2 แปลงให้ ส. อ. และ ล. แต่ให้ตกเป็นของผู้รับต่อเมื่อ ล. มีอายุครบ 20 ปี คนใดจะได้แปลงไหนให้จับสลากเอาเมื่อ ร. ตายแล้ว มีบุคคลผู้หนึ่งได้เป็นผู้จัดการมรดก แต่ต่อมาขอออกไป ระหว่างที่ยังไม่มีผู้จัดการมรดกคนใหม่ บ. ซึ่งเป็นมารดาของ ส. อ. ล. ได้ให้จำเลยเช่าตึกแถวในที่ดินแปลงพิพาท ซึ่งตึกนี้มีคนสร้างและยกกรรมสิทธิ์ให้แก่ บ. ดังนี้ ตึกแถวย่อมตกติดเป็นของเจ้าของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310 แม้ตามพินัยกรรมจะยังไม่ให้สิทธิในที่ดินแปลงใดตกทอดไปยัง ส. อ. และ ล. ในทันที ตึกแถวนั้นก็คงต้องตกไปเป็นของคนใดคนหนึ่งในสามคนนี้ แต่ก็ไม่ใช่เป็นของ บ. แม้จำเลยจะหลงเชื่อโดยสุจริตว่า บ. เป็นเจ้าของก็ไม่ทำให้จำเลยเกิดสิทธิในการเช่าอันจะใช้ยันเจ้าของที่ดินและตึกอันแท้จริงได้ เพราะ บ. ผู้ให้เช่าไม่ใช่เจ้าของตึกหรือมีสิทธิให้เช่าได้ โจทก์ซึ่งรู้เรื่องอยู่แล้ว รับโอนกรรมสิทธิ์ไปจากเจ้าของแล้วใช้อำนาจกรรมสิทธิ์ปฏิเสธไม่รับรู้การเช่าของจำเลยและฟ้องขับไล่ดังนี้ จะถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหาได้ไม่ เพราะย่อมถือได้ว่าโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์มา โดยเห็นว่าการเช่าของจำเลยไม่มีผลผูกพันเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง ไม่ใช่ว่าทำไปทั้งที่รู้อยู่ว่าตนไม่มีสิทธิที่จะทำได้
เมื่อ ล. มีอายุครบ 20 ปีแล้ว ศาลตั้งให้ ส. อ. และ ล. เป็นผู้จัดการมรดกของ ร. ส. อ. และ ล. จึงเป็นทั้งผู้จัดการมรดกและทายาทตามพินัยกรรมที่จะรับมรดกที่ดินกับตึกแถวรายนี้ การที่ ส. อ. และ ล. ขายที่ดินพิพาทกับตึกแถวให้แก่โจทก์ไปในฐานะที่เป็นผู้จัดการมรดก จึงเป็นการขายตามความประสงค์ของเจ้าของกรรมสิทธิ์จำเลยไม่อาจอ้างได้ว่าผู้จัดการมรดกไม่มีอำนาจขาย
เมื่อ ล. มีอายุครบ 20 ปีแล้ว ศาลตั้งให้ ส. อ. และ ล. เป็นผู้จัดการมรดกของ ร. ส. อ. และ ล. จึงเป็นทั้งผู้จัดการมรดกและทายาทตามพินัยกรรมที่จะรับมรดกที่ดินกับตึกแถวรายนี้ การที่ ส. อ. และ ล. ขายที่ดินพิพาทกับตึกแถวให้แก่โจทก์ไปในฐานะที่เป็นผู้จัดการมรดก จึงเป็นการขายตามความประสงค์ของเจ้าของกรรมสิทธิ์จำเลยไม่อาจอ้างได้ว่าผู้จัดการมรดกไม่มีอำนาจขาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของเจ้าหนี้ในการร้องสอดคดีแบ่งมรดก: ผู้ร้องสอดต้องมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีจึงจะร้องสอดได้
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินมรดกจากจำเลย ผู้ร้องสอดอ้างว่าที่แปลงนี้เป็นของจำเลยแล้ว จำเลยกู้เงินผู้ร้องสอดไปแล้วตกลงยอมขายที่แปลงนี้ทั้งหมดแก่ผู้ร้องสอดเพื่อเป็นการชำระหนี้ ถ้าจำเลยแพ้คดีผู้ร้องสอดจะได้รับความเสียหายขอเข้ามาเป็นคู่ความร่วม ข้ออ้างดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำทางแพ่ง: ประเด็นต่างกันระหว่างการอ้างสิทธิมรดกกับการอ้างสิทธิโดยครอบครอง
คดีแพ่งแดงที่ 473/2505 ที่โจทก์ฟ้องคดีแรกนั้นอ้างว่า ที่ดินพิพาทป. บิดาเป็นผู้ซื้อ เมื่อ ป. ตาย ที่ดินพิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาพิพากษาว่า ป. เป็นผู้ซื้อ แต่ ป. เป็นคนต่างด้าว ต้องห้ามมิให้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน การซื้อขายเป็นโมฆะ ที่ดินพิพาทจึงไม่เป็นทรัพย์มรดกของ ป. คดีมีประเด็นเพียงว่าที่ดินพิพาทเป็นมรดกของ ป. หรือไม่ ส่วนคดีหลังคือคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินพิพาท ป. ซื้อมาตั้งแต่พ.ศ. 2486 เมื่อซื้อแล้วโจทก์และ ป. ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของตลอดมาโดยสงบและเปิดเผยมากว่า 10 ปี โจทก์จึงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท เป็นเรื่องอ้างสิทธิทางครอบครอง เมื่อประเด็นคดีแรกเป็นเรื่องอ้างสิทธิการได้มาทางมรดก แต่ประเด็นคดีหลังเป็นเรื่องอ้างสิทธิการได้มาทางครอบครอง จึงเป็นคนละประเด็นต่างกัน ในการวินิจฉัยก็มิได้อาศัยมูลเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีแรก