พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,733 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประนีประนอมยอมความในคดีแรงงานและการระงับสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
คำฟ้องของลูกจ้างที่กล่าวว่า นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลบังคับ โดยไม่มีความผิดและมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าทั้งยังไม่จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีและค่าเสียหายในกรณีเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับนายจ้างจ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี และค่าเสียหายนั้นเป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายในกรณีที่นายจ้างเลิกจ้างในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับ ซึ่งเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123 ด้วย เมื่อนายจ้างและลูกจ้างประนีประนอมยอมความกัน โดยลูกจ้างยอมรับค่าชดเชย ค่าครองชีพและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและตกลงยอมสละข้ออ้างและคำขออื่นทั้งหมด จะไม่รื้อร้องฟ้องคดีเกี่ยวกับมูลความเดียวกันนั้นอีก จึงเป็นการตกลงระงับสิทธิของลูกจ้าง ที่จะได้รับค่าเสียหายเนื่องจากโจทก์เลิกจ้างในระหว่างข้อตกลงเกี่ยวกับ สภาพการจ้างยังมีผลใช้บังคับ ลูกจ้างจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าเสียหาย จากการกระทำอันไม่เป็นธรรมดังกล่าวอีก
แม้ลูกจ้างจะนำคดีเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมมาฟ้องยัง ศาลแรงงานกลางก่อนยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ อันเป็นการ ข้ามขั้นตอนตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 124 และขัดกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 8 วรรคท้ายก็ตาม แต่เมื่อศาลแรงงานกลาง พิพากษาตามยอมและไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์คดีถึงที่สุดคำพิพากษาตามยอม ย่อมมีผลบังคับและผูกพันคู่ความ
คำฟ้องของลูกจ้างที่กล่าวว่า นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า การคำนวณค่าชดเชยไม่ถูกต้องและไม่ยอมจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ขอให้บังคับนายจ้างจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี เป็นการฟ้องบังคับตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานอันเป็นคนละส่วนกับค่าเสียหายที่ลูกจ้างมีสิทธิจะได้รับเมื่อถูกเลิกจ้าง โดยเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมแม้ลูกจ้างจะยอมความกับนายจ้างโดยไม่ติดใจเรียกร้องอะไรต่อกันอีก ก็หมายถึงค่าเสียหายที่เรียกร้องกันได้ในคดีดังกล่าวเท่านั้นหาหมายความถึงค่าเสียหายในกรณีเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมด้วยไม่
แม้ลูกจ้างจะนำคดีเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมมาฟ้องยัง ศาลแรงงานกลางก่อนยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ อันเป็นการ ข้ามขั้นตอนตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 124 และขัดกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 8 วรรคท้ายก็ตาม แต่เมื่อศาลแรงงานกลาง พิพากษาตามยอมและไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์คดีถึงที่สุดคำพิพากษาตามยอม ย่อมมีผลบังคับและผูกพันคู่ความ
คำฟ้องของลูกจ้างที่กล่าวว่า นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า การคำนวณค่าชดเชยไม่ถูกต้องและไม่ยอมจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ขอให้บังคับนายจ้างจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี เป็นการฟ้องบังคับตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานอันเป็นคนละส่วนกับค่าเสียหายที่ลูกจ้างมีสิทธิจะได้รับเมื่อถูกเลิกจ้าง โดยเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมแม้ลูกจ้างจะยอมความกับนายจ้างโดยไม่ติดใจเรียกร้องอะไรต่อกันอีก ก็หมายถึงค่าเสียหายที่เรียกร้องกันได้ในคดีดังกล่าวเท่านั้นหาหมายความถึงค่าเสียหายในกรณีเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาเช่าที่ดิน: สิทธิเรียกร้องเริ่มเมื่อจำเลยไม่ส่งมอบที่ดิน แม้จะไม่ได้ระบุเวลาผิดสัญญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาให้โจทก์เช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างตึกแถวแล้วจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมส่งมอบที่ดินแก่โจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจดำเนินการก่อสร้างตามสัญญาได้ ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดสัญญาเมื่อใด แต่โจทก์นำสืบว่าสัญญากันเสร็จโจทก์จะเข้าทำการก่อสร้าง จำเลยกลับไม่ยอมให้โจทก์เข้าไปทำการก่อสร้าง ดังนี้ สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะบังคับตามสัญญาเริ่มตั้งแต่วันทำสัญญาเป็นต้นไป โจทก์ฟ้องคดีเมื่อเกินกำหนด 10 ปีนับแต่วันดังกล่าว คดีโจทก์เป็นอันขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 163, 164 และ 169
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายหน้าซื้อขายหุ้น: สิทธิเรียกร้องค่าหุ้นและดอกเบี้ยเมื่อผู้สั่งซื้อผิดนัดชำระ
โจทก์เป็นบริษัทหลักทรัพย์และเป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ส่วนจำเลยมิใช่บริษัทหลักทรัพย์ และมิได้เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์โจทก์จึงมีสิทธิทำการเป็นนายหน้าของจำเลยตามพระราชบัญญัติ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาตรา 20 วรรคสอง โดยต้องอยู่ในข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งออกตามความใน มาตรา 15(8)แห่ง พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อโจทก์ซื้อหุ้น ตามคำสั่ง ของจำเลยและได้ชำระราคาให้สมาชิกผู้ขายไปตามข้อบังคับ ของตลาดหลักทรัพย์ โจทก์จึงชอบที่จะเรียกเงินจำนวนที่ชำระแทนไปจากจำเลยพร้อมด้วยดอกเบี้ย เมื่อโจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระจึงตกเป็นผู้ผิดนัด ส่วนอัตราดอกเบี้ยเมื่อโจทก์จำเลยไม่ได้ตกลง กำหนดไว้โดยนิติกรรม ต้องถืออัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความระมัดระวังของผู้ซื้อเช็คลดราคา การชำระหนี้ไม่สมบูรณ์ และผลกระทบต่อสิทธิในการเรียกร้อง
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สลักหลังแล้วมอบให้ ช. พนักงานของจำเลยที่ 2 นำไปขายลดแก่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ช. นำเช็คพิพาทไปเสนอต่อบริษัทโจทก์แล้วบอกแก่พนักงานของโจทก์ว่า จะออกไปข้างนอกสักครู่แล้วจะกลับมารับเงินค่าขายลดเช็ค ระหว่างนั้นมีผู้ปลอมตัวแต่งเครื่องแบบเป็นพนักงานของจำเลยที่ 2 นำดอกเบี้ยค่าขายลดเช็คมาชำระและขอรับเงินค่าขายลดเช็ค เมื่อ ช. กลับมาที่บริษัทโจทก์ปรากฏว่าโจทก์มอบเช็คค่าขายลดเช็คให้แก่บุคคลผู้นั้นไปและมีผู้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินไปแล้ว ดังนี้โจทก์ขาดความระมัดระวังเช่นบุคคลผู้ประกอบธุรกิจการเงินจะต้องใช้ความระมัดระวัง เป็นผู้ผิดในการชำระหนี้ค่าขายลดเช็คพิพาทให้แก่ผู้ไม่มีอำนาจรับ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายลดเช็คให้แก่จำเลยที่ 2 ไปแล้ว การขายลดเช็คพิพาทไม่สมบูรณ์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทเพราะจำเลยที่ 1 แจ้งอายัดไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้เงินตามเช็คนั้น
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3691/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการเรียกร้องค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ แล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ โจทก์บอกเลิกสัญญาและเอารถคืนมาสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย ในการที่โจทก์ต้องขาดประโยชน์ไม่สามารถนำรถไปให้ผู้อื่นเช่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะเช่าซื้อมิได้บัญญัติเรื่องอายุความการใช้สิทธิเรียกร้องดังกล่าว จึงต้องนำอายุความ 10 ปีตามมาตรา 164 มาใช้บังคับจะนำอายุความ 1 ปี ในเรื่องละเมิดมาใช้บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3539/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่เคลือบคลุม – สัญญาตัวแทน – สิทธิเรียกร้องค่าหุ้น – การชำระหนี้
บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดจดทะเบียนในประเทศไทยซึ่งหลักฐานในเรื่องนี้จะได้เสนอศาลชั้นต้นพิจารณา แม้โจทก์ไม่ได้ระบุว่าหุ้นส่วนคนใดเป็นผู้กระทำการแทนโจทก์ โจทก์ก็แสดงชัดแจ้งแล้วว่าจะได้เสนอหลักฐานดังกล่าวในชั้นพิจารณาและจำเลยก็เข้าใจคำฟ้องดีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
จำเลยขอให้โจทก์เป็นตัวแทนสั่งซื้อหุ้นบริษัท ส. จำนวน 50 หุ้น เมื่อโจทก์ยอมรับเป็นตัวแทนและได้ออกเงินทดรองซื้อหุ้นตามคำสั่งของจำเลยไปแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกเอาเงินชดใช้จากจำเลยซึ่งเป็นตัวการได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 816 จำเลยจะปฏิเสธไม่ยอมชำระหนี้หาได้ไม่
จำเลยขอให้โจทก์เป็นตัวแทนสั่งซื้อหุ้นบริษัท ส. จำนวน 50 หุ้น เมื่อโจทก์ยอมรับเป็นตัวแทนและได้ออกเงินทดรองซื้อหุ้นตามคำสั่งของจำเลยไปแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกเอาเงินชดใช้จากจำเลยซึ่งเป็นตัวการได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 816 จำเลยจะปฏิเสธไม่ยอมชำระหนี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3529/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาขายลดเช็ค: สิทธิเรียกร้องบังคับตามสัญญานั้น มีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คแล้วนำมาทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์ จำเลยให้การว่าได้นำเช็คไปทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์จริง จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค หาได้ฟ้องให้รับผิดในมูลหนี้ตามเช็คที่นำไปทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์ไม่ ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงต้องบังคับตามสัญญาขายลดเช็ค แต่สัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 คือมีอายุความ 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3529/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาขายลดเช็ค: สิทธิเรียกร้องตามสัญญาบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 164 (10 ปี)
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คแล้วนำมาทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์จำเลยให้การว่าได้นำเช็คไปทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์จริง จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค หาได้ฟ้องให้รับผิดในมูลหนี้ตามเช็คที่นำไปทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์ไม่ ดังนั้นสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงต้องบังคับตามสัญญาขายลดเช็ค แต่สัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 คือมีอายุความ 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3503/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกร้องเงินจากผู้สั่งจ่าย แม้จะมีการอ้างเหตุหลอกลวง
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือซึ่งจำเลยรับว่าตนเป็นผู้สั่งจ่าย เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยนำสืบรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกันฉ้อฉลกับ บ.ผู้ทรงคนก่อนผู้ซึ่งจำเลยอ้างว่าออกเช็คให้เพราะจำเลยถูกหลอกลวงจำเลยจึงไม่อาจยกเหตุดังกล่าวขึ้นต่อสู้โจทก์โดยอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ บ. ได้ จำเลยย่อมต้องรับผิดชำระเงินให้แก่โจทก์ผู้ทรงตามเนื้อความในเช็คพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคแรก,914
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3380/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: สิทธิเรียกร้องระงับสิ้นสุด
โจทก์กับ ท. ทำบันทึกข้อตกลงเลิกคดีกัน โดยรับว่าสัญญาจะซื้อขายได้ทำขึ้นโดยไม่ถูกต้องทำนองคลองธรรม และจะไม่ฟ้อง ท. กับทายาทเกี่ยวกับที่ดินพิพาทในทุกกรณีบันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาซึ่งโจทก์กับ ท. ทำขึ้นเพื่อระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850 มีผลให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะขอให้ ท. หรือจำเลยซึ่งเป็นทายาทของ ท. ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อขายได้ระงับสิ้นไปตามมาตรา 852 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง