พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,178 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1954/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยประเภทสัญญา (จำนำ/ขายฝาก) ให้ดูตามพฤติกรรมของคู่สัญญา แม้ข้อตกลงในสัญญาจะระบุไว้ต่างจากนั้น
ก่อนใช้ ป.พ.พ. บรรพ 3 การวินิจฉัยว่าสัญญาใดเป็นจำนำ หรือขายฝากนั้น ให้ดูกิริยาที่คู่สัญญาประพฤติกันมาว่าเป็นจำนำหรือขายฝาก แม้สัญญาจะมีข้อความเป็นอย่างอื่นก็ต้องถือตามกิริยาที่ประพฤติต่อกัน
มารดาจำเลยจำนำนาพิพาทไว้กับปู่ของโจทก์ อีก 2 ปีต่อมา มารดาจำเลยได้มอบนาพิพาทนั้นให้ปู่ของโจทก์ ทำต่างดอกเบี้ยกิริยาที่มารดาจำเลยกับปู่ของโจทก์ประพฤติต่อกันนี้จึงเป็นกิริยาการขายฝาก เมื่อมารดาจำเลยมิได้ไถ่คืนภายใน 10 ปี ที่พิพาทจึงหลุดเป็นของปู่ของโจทก์.
(ฎีกาที่ 22/117, ที่ 25/123, ที่ 467/2457, ที่ 81/2469, ที่ 790/2469 และที่ 1044/2492)
มารดาจำเลยจำนำนาพิพาทไว้กับปู่ของโจทก์ อีก 2 ปีต่อมา มารดาจำเลยได้มอบนาพิพาทนั้นให้ปู่ของโจทก์ ทำต่างดอกเบี้ยกิริยาที่มารดาจำเลยกับปู่ของโจทก์ประพฤติต่อกันนี้จึงเป็นกิริยาการขายฝาก เมื่อมารดาจำเลยมิได้ไถ่คืนภายใน 10 ปี ที่พิพาทจึงหลุดเป็นของปู่ของโจทก์.
(ฎีกาที่ 22/117, ที่ 25/123, ที่ 467/2457, ที่ 81/2469, ที่ 790/2469 และที่ 1044/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1954/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยประเภทสัญญา (จำนำ/ขายฝาก) พิจารณาจากพฤติกรรมคู่สัญญา แม้ข้อตกลงในสัญญาจะระบุไว้ต่างกัน
ก่อนใช้ ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 การวินิจฉัยว่าสัญญาใดเป็นจำนำหรือขายฝากนั้น ให้ดูกิริยาที่คู่สัญญาประพฤติกันมาว่าเป็นจำนำหรือขายฝาก แม้สัญญาจะมีข้อความเป็นอย่างอื่นก็ต้องถือตามกิริยาที่ประพฤติต่อกัน
มารดาจำเลยจำนำนาพิพาทไว้กับปู่ของโจทก์ อีก 2 ปีต่อมามารดาจำเลยได้มอบนาพิพาทนั้นให้ปู่ของโจทก์ทำต่างดอกเบี้ย กิริยาที่มารดาจำเลยกับปู่ของโจทก์ประพฤติต่อกันนี้จึงเป็นกิริยาการขายฝาก เมื่อมารดาจำเลยมิได้ไถ่คืนภายใน 10 ปีที่พิพาทจึงหลุดเป็นของปู่ของโจทก์ (ฎีกาที่ 22/117, ที่ 25/123, ที่ 467/2457,ที่ 81/2469, ที่ 790/2469 และที่ 1044/2492)
มารดาจำเลยจำนำนาพิพาทไว้กับปู่ของโจทก์ อีก 2 ปีต่อมามารดาจำเลยได้มอบนาพิพาทนั้นให้ปู่ของโจทก์ทำต่างดอกเบี้ย กิริยาที่มารดาจำเลยกับปู่ของโจทก์ประพฤติต่อกันนี้จึงเป็นกิริยาการขายฝาก เมื่อมารดาจำเลยมิได้ไถ่คืนภายใน 10 ปีที่พิพาทจึงหลุดเป็นของปู่ของโจทก์ (ฎีกาที่ 22/117, ที่ 25/123, ที่ 467/2457,ที่ 81/2469, ที่ 790/2469 และที่ 1044/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1803/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วงและการไม่แจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบ ไม่ถึงขั้นเป็นเหตุให้ขับไล่ได้ หากไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน
เมื่อผู้เช่าและผู้ให้เช่าเรือนและบริเวณตกลงกันไว้ในสัญญาเช่าว่า ผู้ให้เช่าอนุญาตให้ผู้เช่าทำการเช่าช่วงได้แต่เมื่อผู้เช่าให้ผู้ใดเช่าช่วงแล้วต้องบอกกล่าวให้ผู้ให้เช่าทราบทุกคราวไปที่มีการเช่าช่วง เช่นนี้แม้เมื่อผู้เช่าให้เช่าช่วงไปแล้วจะมิได้บอกกล่าวให้ผู้ให้เช่าทราบก็ยังถือว่าผู้เช่าไม่ผิดสัญญา เพราะการที่ไม่บอกนั้นไม่เป็นสาระสำคัญถึงกับจะทำให้สัญญาเช่าเสียไปอย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579-1580/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมมีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับที่ดินร่วมได้โดยไม่ต้องมีมอบอำนาจ และข้อตกลงให้การรังวัดเป็นข้อตัดสิน
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีชื่อในโฉนดร่วมกับบุตรของโจทก์ โจทก์โดยลำพังคนเดียวย่อมฟ้องคดีเกี่ยวกับการที่มีผู้ปลูกโรงเรือนล้ำเข้ามาในเขตโฉนดรายนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของร่วมคนอื่น
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันในศาล ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตโฉนดของโจทก์ประการเดียว โดยยืนยันรับรองว่าถ้าโรงเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในเขตโฉนดนั้น จำเลยยอมแพ้ หากอยู่นอกเขตโฉนดดังกล่าวโจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องคู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินตามเขตโฉนดของโจทก์นั้นเป็นข้อแพ้ชนะในระหว่างกัน เมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎนั้น จำเลยไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดผิด.
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันในศาล ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตโฉนดของโจทก์ประการเดียว โดยยืนยันรับรองว่าถ้าโรงเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในเขตโฉนดนั้น จำเลยยอมแพ้ หากอยู่นอกเขตโฉนดดังกล่าวโจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องคู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินตามเขตโฉนดของโจทก์นั้นเป็นข้อแพ้ชนะในระหว่างกัน เมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎนั้น จำเลยไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579-1580/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของเจ้าของร่วม & ผลการรังวัดที่ดินตามข้อตกลงในศาล
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีชื่อในโฉนดร่วมกับบุตรของโจทก์โจทก์โดยลำพังคนเดียวย่อมฟ้องคดีเกี่ยวกับการที่มีผู้ปลูกโรงเรือนล้ำเข้ามาในเขตโฉนดรายนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของร่วมคนอื่น
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันในศาล ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตโฉนดของโจทก์ประการเดียว โดยยืนยันรับรองว่าถ้าโรงเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในเขตโฉนดนั้น จำเลยยอมแพ้หากอยู่นอกเขตโฉนดดังกล่าวโจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องคู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินตามเขตโฉนดของโจทก์นั้นเป็นข้อแพ้ชนะในระหว่างกัน เมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดผิด
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันในศาล ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตโฉนดของโจทก์ประการเดียว โดยยืนยันรับรองว่าถ้าโรงเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในเขตโฉนดนั้น จำเลยยอมแพ้หากอยู่นอกเขตโฉนดดังกล่าวโจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องคู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินตามเขตโฉนดของโจทก์นั้นเป็นข้อแพ้ชนะในระหว่างกัน เมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจจัดการทรัพย์มรดก: การเช่าที่ดินเพิ่มเติมเกินกว่าการเก็บค่าเช่าเดิม
โจทก์จำเลยตกลงกันในระหว่างการพิจารณาในคดีที่พิพาทกันเรื่องมรดกว่าโจทก์จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องเก็บผลประโยชน์จากทรัพย์สินกองมรดก ยอมให้จำเลยที่ 1 เก็บและจัดการไปฝ่ายเดียวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ถ้าจำเลยแพ้คดีและต้องส่งเงินผลประโยชน์ให้กองมรดกแล้วจำเลยไม่มีส่งก็ให้ศาลบังคับเอาจากผู้ค้ำประกันได้ในวงเงินสองแสนบาทนั้น ข้อตกลงดังกล่าวนี้ไม่กินความไปถึงว่าให้จำเลยมีอำนาจให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินกองมรดกปลูกสร้างอาคารเพิ่มเติมขึ้นอีกเพราะคำว่า ให้จำเลยเก็บผลประโยชน์และจัดการไปฝ่ายเดียวนั้น หมายความเฉพาะเรื่องให้จำเลยเก็บเงินผลประโยชน์จากทรัพย์สินของกองมรดกในระหว่างคดีเป็นการชั่วคราวเท่านั้น
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งอ้างว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลซึ่งอนุญาตให้จำเลยเป็นเพียงผู้เก็บค่าเช่า แต่กลับให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินมรดกปลูกสร้างอาคารเพิ่มเติมภายหลัง แล้วเก็บเงินค่าเช่าและเงินกินเปล่าเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียเอง ฝ่ายจำเลยแถลงว่าจำเลยให้บุคคลเช่าที่ดินปลูกสร้างอาคารนั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควรได้ตามข้อตกลงนั้นแล้วเช่นนี้ เมื่อศาลมีคำสั่งในเรื่องนี้อย่างใด ถือว่าคำสั่งนี้เป็นคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณา และเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาด้วย คำสั่งของศาลดังกล่าวนี้ คู่ความย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้ภายในกำหนด 1 เดือนตาม ป.วิ.แพ่ง ม.228 วรรค 2
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งอ้างว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลซึ่งอนุญาตให้จำเลยเป็นเพียงผู้เก็บค่าเช่า แต่กลับให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินมรดกปลูกสร้างอาคารเพิ่มเติมภายหลัง แล้วเก็บเงินค่าเช่าและเงินกินเปล่าเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียเอง ฝ่ายจำเลยแถลงว่าจำเลยให้บุคคลเช่าที่ดินปลูกสร้างอาคารนั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควรได้ตามข้อตกลงนั้นแล้วเช่นนี้ เมื่อศาลมีคำสั่งในเรื่องนี้อย่างใด ถือว่าคำสั่งนี้เป็นคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณา และเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาด้วย คำสั่งของศาลดังกล่าวนี้ คู่ความย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้ภายในกำหนด 1 เดือนตาม ป.วิ.แพ่ง ม.228 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจจัดการทรัพย์สินมรดก: ข้อตกลงจำกัดเฉพาะการเก็บค่าเช่าเดิม, ไม่รวมถึงการให้เช่าเพิ่มเติม
โจทก์จำเลยตกลงกันในระหว่างการพิจารณาในคดีที่พิพาทกันเรื่องมรดกว่าโจทก์จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องเก็บผลประโยชน์จากทรัพย์สินกองมรดกยอมให้จำเลยที่ 1 เก็บและจัดการไปฝ่ายเดียวจนกว่าคดีจะถึงที่สุดถ้าจำเลยแพ้คดีและต้องส่งเงินผลประโยชน์ให้กองมรดกแล้วจำเลยไม่มีส่งก็ให้ศาลบังคับเอาจากผู้ค้ำประกันได้ในวงเงินสองแสนบาทนั้นข้อตกลงดังกล่าวนี้ไม่กินความไปถึงว่าให้จำเลยมีอำนาจให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินกองมรดกปลูกสร้างอาคารเพิ่มเติมขึ้นอีกเพราะคำว่าให้จำเลยเก็บผลประโยชน์และจัดการไปฝ่ายเดียวนั้นหมายความเฉพาะเรื่องให้จำเลยเก็บเงินผลประโยชน์จากทรัพย์สินของกองมรดกในระหว่างคดีเป็นการชั่วคราวเท่านั้น
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งอ้างว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลซึ่งอนุญาตให้จำเลยเพียงเป็นผู้เก็บค่าเช่าแต่กลับให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินมรดกปลูกสร้างอาคารเพิ่มเติมขึ้นภายหลัง แล้วเก็บเงินค่าเช่าและเงินกินเปล่าเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียเองฝ่ายจำเลยแถลงว่าจำเลยให้บุคคลเช่าที่ดินปลูกสร้างอาคารนั้นเพื่อให้เกิดผลประโยชน์เท่าที่ควรได้ตามข้อตกลงนั้นแล้วเช่นนี้เมื่อศาลมีคำสั่งในเรื่องนี้อย่างใด ถือว่าคำสั่งนี้เป็นคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณา และเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาด้วยคำสั่งของศาลดังกล่าวนี้คู่ความย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้ภายในกำหนด 1 เดือน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228 วรรคสอง
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งอ้างว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลซึ่งอนุญาตให้จำเลยเพียงเป็นผู้เก็บค่าเช่าแต่กลับให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินมรดกปลูกสร้างอาคารเพิ่มเติมขึ้นภายหลัง แล้วเก็บเงินค่าเช่าและเงินกินเปล่าเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียเองฝ่ายจำเลยแถลงว่าจำเลยให้บุคคลเช่าที่ดินปลูกสร้างอาคารนั้นเพื่อให้เกิดผลประโยชน์เท่าที่ควรได้ตามข้อตกลงนั้นแล้วเช่นนี้เมื่อศาลมีคำสั่งในเรื่องนี้อย่างใด ถือว่าคำสั่งนี้เป็นคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณา และเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาด้วยคำสั่งของศาลดังกล่าวนี้คู่ความย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้ภายในกำหนด 1 เดือน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละที่ดินเพื่อสร้างมหาวิทยาลัย และผลของการไม่สร้างตามข้อตกลง ศาลต้องฟังพยานหลักฐานเพิ่มเติม
โจทก์อ้างว่าที่พิพาทหนี้จำเลยที่ 1 สละสิทธิยกให้แก่ทางราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดตั้งมหาวิทยาลัย แต่จำเลยที่ 1 โต้เถียงว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ตกลงกันว่าถ้าทางราชการได้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นโดยแท้จริงแล้วจำเลยที่ 1 ยอมยกที่พิพาทให้เปล่าโดยไม่คิดมูลค่า และจะได้ทำนิติกรรมต่อคณะกรรมการอำเภอเจ้าของท้องที่ให้เป็นการถูกต้องภายหลัง แต่ก็หาได้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นไม่ เช่นนี้ถือว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้ยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้สละสิทธิยกที่พิพาทให้แก่ทางราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับตั้งมหาวิทยาลัย จึงจำเป็นจะต้องฟังหลักฐานพยานต่อไปจนสิ้นกระแสร์ความ ศาลจะสั่งงดสืบพยานเสียยังไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดิน: การชำระหนี้บางส่วนและการพิสูจน์ข้อตกลง
บรรยายฟ้องว่าตกลงและเปลี่ยนที่ดินกันและว่าให้แต่ละฝ่ายถือเอาที่ดินแลกเปลี่ยนกันได้และจะได้ไปจดทะเบียนกันภายหลังดังนี้ย่อมเป็นเรื่องจะแลกเปลี่ยนที่ดินกัน หาใช่เป็นการแลกเปลี่ยนกันเด็ดขาดแล้วไม่
สัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินจะทำเป็นหนังสือก็ได้ หรือวางประจำก็ได้หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้วก็ได้
การที่เข้าไปปลูกบ้านอยู่ในที่ดินอันเขามอบให้เพื่อแลกเปลี่ยนแล้วย่อมถือได้ว่าได้มีการชำระหนี้บางส่วนแก่กันแล้ว ซึ่งศาลชั้นต้นจำต้องสืบพยานโจทก์จำเลยตามประเด็นแล้วพิพากษาต่อไป.
สัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินจะทำเป็นหนังสือก็ได้ หรือวางประจำก็ได้หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้วก็ได้
การที่เข้าไปปลูกบ้านอยู่ในที่ดินอันเขามอบให้เพื่อแลกเปลี่ยนแล้วย่อมถือได้ว่าได้มีการชำระหนี้บางส่วนแก่กันแล้ว ซึ่งศาลชั้นต้นจำต้องสืบพยานโจทก์จำเลยตามประเด็นแล้วพิพากษาต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดิน: การชำระหนี้บางส่วนด้วยการเข้าปลูกสร้าง และการพิสูจน์ข้อตกลง
บรรยายฟ้องว่าตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกันและว่าให้แต่ละฝ่ายถือเอาที่ดินแลกเปลี่ยนกันได้และจะได้ไปจดทะเบียนกันภายหลังดังนี้ย่อมเป็นเรื่องจะแลกเปลี่ยนที่ดินกันหาใช่เป็นการแลกเปลี่ยนกันเด็ดขาดแล้วไม่
สัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินจะทำเป็นหนังสือก็ได้ หรือวางประจำก็ได้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้วก็ได้
การที่เข้าไปปลูกบ้านอยู่ในที่ดินอันเขามอบให้เพื่อแลกเปลี่ยนแล้วย่อมถือได้ว่าได้มีการชำระหนี้บางส่วนแก่กันแล้วซึ่งศาลชั้นต้นจำต้องสืบพยานโจทก์จำเลยตามประเด็นแล้วพิพากษาต่อไป
สัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินจะทำเป็นหนังสือก็ได้ หรือวางประจำก็ได้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้วก็ได้
การที่เข้าไปปลูกบ้านอยู่ในที่ดินอันเขามอบให้เพื่อแลกเปลี่ยนแล้วย่อมถือได้ว่าได้มีการชำระหนี้บางส่วนแก่กันแล้วซึ่งศาลชั้นต้นจำต้องสืบพยานโจทก์จำเลยตามประเด็นแล้วพิพากษาต่อไป