พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4854/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและการบังคับคดี: เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ใช่ตัวแทนลูกหนี้/เจ้าหนี้ เงื่อนไขการบังคับคดีผูกพันเฉพาะผู้ซื้อ/เจ้าพนักงาน
การขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลของเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีมิใช่ตัวแทนของลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาฉะนั้นเงื่อนไขใด ๆ ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดขึ้นในการขายทอดตลาดจึงผูกพันกันระหว่างผู้เข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดหรือผู้ซื้อทรัพย์กับเจ้าพนักงานบังคับคดีเท่านั้น หาได้โอนมายังลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่ เพราะไม่ใช่สัญญาตัวแทนดังนั้น ลูกหนี้ตามคำพิพากษาจึงไม่มีสิทธิที่จะอ้างเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดขึ้นมาฟ้องเรียกค่าภาษีอากรและค่าธรรมเนียมการโอนทรัพย์ที่ซื้อจากผู้ซื้อทรัพย์ได้ แม้ตามคำฟ้องของโจทก์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาด จะเป็นผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นส่งเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไปชำระค่าธรรมเนียมการโอน และศาลชั้นต้นได้จัดส่งเงินไปให้ตามขอ โดยจำเลยที่ 1 ให้สัตยาบันในการกระทำของจำเลยที่ 2และรับโอนที่ดินแปลงดังกล่าวมาเป็นของตนก็ตาม แต่การจะให้ส่งเงินไปตามคำร้องหรือไม่ เป็นอำนาจของศาล จึงเป็นเรื่องระหว่างศาลกับลูกหนี้ตามคำพิพากษา หากเห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในประกาศขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาก็ควรจะอุทธรณ์คำสั่งของศาลนั้น ในคำฟ้องโจทก์ก็ปรากฏว่าโจทก์ได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นแต่ศาลสั่งไม่รับเพราะอุทธรณ์เกินกำหนดโจทก์ก็ควรยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขคำสั่งนั้นได้ ข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับเป็นการวินิจฉัยถึงเนื้อหาแห่งคดีแล้ว มิใช่กรณีสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ศาลชั้นต้นไม่คืนค่าขึ้นศาลแก่โจทก์จึงชอบแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้ให้คืนค่าขึ้นศาลแก่โจทก์นั้น แม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยแก้ไขให้ถูกต้องได้เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4848/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขายทอดตลาด: แม้ไม่ปิดประกาศ ณ ที่ทรัพย์ แต่การขายชอบหากผู้มีส่วนได้เสียทราบ และราคาเหมาะสม
ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีพ.ศ. 2522 ข้อ 68 วรรคแรก ที่กำหนดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการปิดประกาศขายทอดตลาดไว้โดยเปิดเผยณ สถานที่ที่ทรัพย์ที่จะขายตั้งอยู่ด้วย ตามก็เพื่อประสงค์จะให้บุคคลภายนอกที่สนใจมาประมูลซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดทรัพย์เท่านั้น และระเบียบดังกล่าวไม่เป็นกฎหมาย แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้นำประกาศขายทอดตลาดไปปิดไว้ ณ สถานที่ที่ทรัพย์ที่จะขายก็ตาม แต่ทั้งโจทก์และจำเลยได้ทราบการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 306 แล้วเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อนุญาตให้ขายทอดตลาดแก่ผู้ซื้อทรัพย์ได้ในราคาที่สูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินและสูงกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานที่ดินและสูงกว่าราคาที่โจทก์เสนอประมูลในการขายทอดตลาดครั้งที่ผ่านมา ถือได้ว่าการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทเป็นไปโดยชอบตามมาตรา 308 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4832/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการบังคับคดีและการกันส่วนทรัพย์สิน: ทรัพย์สินที่ไม่ได้เป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษา
บ้านพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการขายฝาก จึงมิใช่ทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา การที่โจทก์ขอให้บังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการให้โจทก์เข้าครอบครองบ้านพิพาทนั้นเป็นการใช้สิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิที่จะยึดไว้มิใช่เป็นการบังคับคดี หรือบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจึงไม่เข้าเกณฑ์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในอันที่ผู้ร้องจะขอกันส่วนบ้านพิพาทได้ ทั้งนี้ เพราะการร้องขอกันส่วนได้แก่การที่บุคคลภายนอกผู้เป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่มีการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินนั้น หรือขอให้เอาเงินที่ได้จากการขายหรือจำหน่ายทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษามาชำระหนี้ของตนก่อนเจ้าหนี้อื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287หรือ 289 แล้วแต่กรณี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4832/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการใช้สิทธิเอาคืนทรัพย์สิน: ทรัพย์สินที่ตกเป็นของโจทก์แล้วไม่อยู่ในอำนาจบังคับคดี
เมื่อบ้านพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการขายฝากบ้านพิพาทจึงมิใช่ทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาการที่โจทก์ขอให้บังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการให้โจทก์เข้าครอบครองบ้านพิพาทนั้น เป็นการใช้สิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดไว้ มิใช่เป็นการบังคับคดีหรือบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา จึงไม่เข้าเกณฑ์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง อันที่ผู้ร้องจะขอกันส่วนบ้านพิพาทในคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความบังคับคดีและการฟ้องล้มละลาย: การดำเนินการบังคับคดีต้องครบถ้วนก่อนฟ้อง
แม้มูลหนี้ที่โจทก์ฟ้องเดิมจะมาจากการใช้สิทธิเรียกร้องในการติดตามเอาทรัพย์คืนจากจำเลยก็ตาม แต่เมื่อศาลอาญาพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แล้ว การบังคับคดีก็จะต้องปฏิบัติตาม ป.วิ.พ.ว่าด้วยการบังคับคดี โจทก์จึงอ้างสิทธิเรียกร้องในการติดตามเอาทรัพย์คืน ซึ่งไม่มีอายุความมาใช้หาได้ไม่แต่เป็นกรณีที่โจทก์ต้องดำเนินการบังคับคดีภายในกำหนด 10 ปี ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 การที่โจทก์ขอศาลออกหมายบังคับคดีภายในสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาโดยมิได้มีการดำเนินการบังคับคดีตามขั้นตอนให้ครบถ้วนจนถึงขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ พ้นกำหนดสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา จึงหมดสิทธิบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยให้ล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้ตามคำพิพากษา จึงต้องพิจารณาเอาความจริงตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 9 หรือมาตรา 10 ดังที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 14 เมื่อปรากฏว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาโจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้ล้มละลายในมูลหนี้เดียวกันอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องล้มละลายต้องมีสิทธิเรียกร้องบังคับคดีได้ก่อน หากหมดสิทธิแล้ว ก็ไม่มีสิทธิฟ้องล้มละลาย
ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำเลยและให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม2518 ศาลอาญาออกหมายบังคับคดีลงวันที่ 1 สิงหาคม 2527 ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์จำเลยทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 การบังคับคดีมิได้หมายความแต่เพียงว่าโจทก์ดำเนินการให้ศาลออกหมายบังคับคดีเท่านั้นแต่หมายถึงโจทก์ต้องไปแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์จำเลยทั้งสองมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามหมายบังคับคดีด้วย จึงจะสมบูรณ์ เมื่อปรากฏตามฟ้องโจทก์ว่าจำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ที่จะยึดมาขายทอดตลาดชำระหนี้ได้จึงแสดงอยู่ในตัวแล้วว่าโจทก์ไม่อาจขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองได้ การที่โจทก์ขอศาลออกหมายบังคับคดีภายในสิบปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาโดยมิได้มีการดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสองตามขั้นตอนให้ครบถ้วนจนถึงขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นเวลาพ้นกำหนดสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษาดังกล่าวจากจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้ตามคำพิพากษา จึงต้องพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 หรือมาตรา 10ดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสองให้ล้มละลายในมูลหนี้เดียวกันนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4784/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมดสิทธิบังคับคดี – ไม่มีส่วนได้เสีย – ตั้งผู้ชำระบัญชี
แม้โจทก์จะเป็นหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว โจทก์เพียงแต่ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีไว้แต่หาได้แจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยที่ 1 ไม่กลับปล่อยเวลาล่วงเลย 10 ปี จึงได้ร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทจำเลยทื่ 1โดยอ้างว่าบริษัทจำเลยที่ 1 ถูกนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครขีดชื่อบริษัทออกเสียจากทะเบียน ดังนี้ ขณะที่โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทจำเลยที่ 1นั้น โจทก์หมดสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 แล้ว เพราะล่วงพ้นกำหนดเวลาที่โจทก์จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 โจทก์จึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในขณะยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัท จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิร้องขอตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1251 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4748/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมดสิทธิบังคับคดีแล้ว ไม่มีสิทธิร้องขอตั้งผู้ชำระบัญชี
แม้โจทก์จะเป็นหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว โจทก์เพียงแต่ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีไว้แต่หาได้แจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยที่ 1 ไม่กลับปล่อยเวลาล่วงเลย 10 ปี จึงได้ร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทจำเลยที่ 1โดยอ้างว่า บริษัทจำเลยที่ 1 ถูกนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครขีดชื่อบริษัทออกเสียจากทะเบียน ดังนี้ ขณะที่โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทจำเลยที่ 1นั้น โจทก์หมดสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 แล้ว เพราะล่วงพ้นกำหนดเวลาที่โจทก์จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 โจทก์จึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในขณะยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทจำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิร้องขอตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1251 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4748/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในกำหนด จึงหมดสิทธิร้องขอตั้งผู้ชำระบัญชี
โจทก์จะเป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษา แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว โจทก์เพียงแต่ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีไว้ โดยหาได้แจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยที่ 1 ไม่ กลับปล่อยเวลาล่วงเลย 10 ปีไปแล้วจึงได้ร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทจำเลยที่ 1 โดยอ้างว่าบริษัทจำเลยที่ 1 ถูกนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครขีดชื่อบริษัทออกเสียจากทะเบียน ดังนี้ ขณะที่โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทจำเลยที่ 1 นั้น โจทก์หมดสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 แล้ว เพราะล่วงพ้นกำหนดเวลาที่โจทก์จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ดังนั้น โจทก์ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสีย จึงไม่มีสิทธิร้องขอตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1251 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4737/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านการขายทอดตลาดต้องยื่นต่อศาลก่อนการบังคับคดีเสร็จสิ้น หากเห็นว่าราคาต่ำกว่าตลาด
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด และศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแล้ว แม้เมื่อจำเลยเห็นว่าราคาที่ขายต่ำกว่าราคาในท้องตลาดมากและได้คัดค้านต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งเท่ากับเป็นการอ้างว่าการบังคับคดีกระทำโดยไม่ชอบเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแล้วก็ตาม จำเลยก็จะต้องยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นก่อนการบังคับคดีได้เสร็จสิ้นลงแต่ต้องไม่ช้ากว่า 8 วันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้น จำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาโดยไม่ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นเสียก่อนหาได้ไม่