คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์และฎีกาในคดีอาญา: ประเด็นการรับสารภาพ, การวินิจฉัยข้อเท็จจริง และผลของการพิพากษาในคดีอื่น
จำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์เพียงขอลดมาตราส่วนโทษโดยมิได้อุทธรณ์ในปัญหาที่ว่าจำเลยมิได้กระทำผิดตามฟ้อง ปัญหานี้จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยก็เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย การพิพากษาคดีอาญา หาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาอื่นดังนั้นเมื่อ ว. ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดร่วมกับจำเลยถูกฟ้องในคดีอื่น และศาลพิพากษายกฟ้องเพราะไม่มีประจักษ์พยานจึงไม่ผูกพันศาลว่าจะต้องพิพากษายกฟ้องจำเลยในคดีนี้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของนายกสมาคมที่ยังมิได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง
โจทก์ที่ 2 ได้ รับ เลือกเป็นนายกสมาคมของโจทก์ที่ 1 แต่ ยังไม่ได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงให้โจทก์ที่ 2 เป็น นายกสมาคมของโจทก์ที่ 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1284 โจทก์ที่ 2 จึงมิใช่ผู้จัดการ หรือผู้แทนอื่น ๆ ของโจทก์ที่ 1 ซึ่ง เป็นนิติบุคคลดังนั้น โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ในฐานะ สมาชิกสมาคมก็ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดที่กระทำต่อ สมาคมโจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องในนามส่วนตัวเช่นเดียว กัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบพยานโจทก์ในคดีอาญา: การพิสูจน์การมีอาวุธปืนและอนุญาต
คดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยกระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้สืบให้เห็นว่าจำเลยมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะฟังได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย และในชั้นสืบพยานจำเลย จำเลยจะตอบคำถามค้านของโจทก์ว่าจำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีหรือพกพาอาวุธปืนมาก่อน ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดฐานมีและพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การนำสืบพยานหลักฐานในคดีอาญา และการลงโทษฐานมีอาวุธปืน
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะได้ความจากคำเบิกความของจำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ว่าจำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองก็ตามก็เป็นข้อเท็จจริงที่ได้จากการที่จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงนั้น เพราะในการพิจารณาคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิด ทั้งโจทก์ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลางยืนยัน และไม่มีพยานหลักฐานอื่นที่พิสูจน์ให้เห็นว่าอาวุธปืนดังกล่าวไม่มีหมายเลขทะเบียนตามที่โจทก์ฟ้อง จึงลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้.
(วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ ๑/๒๕๓๒)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การนำสืบพยานหลักฐานในคดีอาญา: การไม่มีของกลางและพยานสนับสนุนทำให้ไม่สามารถลงโทษจำเลยได้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะได้ความจากคำเบิกความของจำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ว่าจำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองก็ตามก็เป็นข้อเท็จจริงที่ได้จากการที่จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงนั้น เพราะในการพิจารณาคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิด ทั้งโจทก์ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลางยืนยัน และไม่มีพยานหลักฐานอื่นที่พิสูจน์ให้เห็นว่าอาวุธปืนดังกล่าวไม่มีหมายเลขทะเบียนตามที่โจทก์ฟ้อง จึงลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้. (วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2532)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ - ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน - การรอการลงโทษ - คดีอาญา
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่เกิดเหตุได้พบกลุ่มเยาวชนกำลังขัดขวางการปฏิบัติการตามหน้าที่และข่มขืนใจเจ้าพนักงานสรรพสามิตให้ปล่อยตัว อ. ผู้ต้องหา ให้คืนสุราแช่ของกลาง ให้มอบบันทึกการจับกุมและการตรวจค้นยึดสุราแช่ จำเลยที่ 1มิได้ทำการจับกุมในทันที ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำเลยที่ 1 กล่าวแก่เจ้าพนักงานสรรพสามิตซึ่งทำการจับกุมอ. ผู้ต้องหาว่า "โคตรแม่มึงเวลาเขาลักขโมยความไป 2-3 วันตามหาไม่เจอ เวลามีสุราทำไมจับเร็วนัก พวกคุณมาสร้างปัญหา คุณไม่ต้องมามองหน้าผมหรอก คุณเป็นหัวหน้าส่วนกระจอก ๆ ผมไม่กลัวคุณหรอก ใหญ่กว่านี้ผมก็ไม่กลัว" เป็นการพูดเปรยขึ้นมาเพื่อประชดประชันว่า ทำไมเรื่องสุราจับเร็วนัก และเป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพ หาใช่เป็นการสบประมาทเหยียดหยามดูหมิ่นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง หากโจทก์ไม่ใช่คู่ความเดียวกันและไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
แม้พนักงานอัยการจะได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ และ ส.ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๐ พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ ๑๕๗ และศาลพิพากษาลงโทษ ส. แต่ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ ก็ตาม เมื่อโจทก์ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากมูลกรณีรถชนกัน และในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบกโจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องหรือขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้ พนักงานอัยการจึงไม่อยู่ในฐานะฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ ผลแห่งคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งฟ้องคดีแพ่งว่าจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ที่ ส. ลูกจ้างโจทก์เป็นผู้ขับ เพราะโจทก์ไม่ใช่คู่ความรายเดียวกัน จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง เหตุโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายและคู่ความรายเดียวกัน
แม้พนักงานอัยการจะ ได้ฟ้องขอให้ลงโทษ ส. ลูกจ้างของโจทก์และจำเลยที่ 1 ฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส และรถยนต์ทั้งสองคันเสียหาย ตามป.อ. มาตรา 300 พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,157 และศาลพิพากษาลงโทษ ส. แต่ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ก็ตาม เมื่อโจทก์ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากมูลกรณีรถชนกัน และในข้อหาความผิดต่อ พ.ร.บ. จราจรทางบก โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องหรือขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้พนักงานอัยการจึงไม่อยู่ในฐานะฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ ผลแห่งคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งฟ้องคดีแพ่งว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ที่ ส. ลูกจ้างโจทก์เป็นผู้ขับ เพราะโจทก์ไม่ใช่คู่ความรายเดียวกัน จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง หากโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายหรือคู่ความในคดีอาญา
แม้พนักงานอัยการจะได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และ ส.ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43,157 และศาลพิพากษาลงโทษ ส. แต่ยกฟ้องจำเลยที่ 1ก็ตาม เมื่อโจทก์ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากมูลกรณีรถชนกันและในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องหรือขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้ พนักงานอัยการจึงไม่อยู่ในฐานะฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ ผลแห่งคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งฟ้องคดีแพ่งว่าจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ที่ ส. ลูกจ้างโจทก์เป็นผู้ขับ เพราะโจทก์ไม่ใช่คู่ความรายเดียวกัน จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันโจทก์ในคดีแพ่ง กรณีโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
แม้พนักงานอัยการจะได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และ ส.ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43157 และศาลพิพากษาลงโทษ ส. แต่ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ก็ตาม เมื่อโจทก์ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากมูลกรณีรถชนกัน และในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบกโจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องหรือขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้ พนักงานอัยการจึงไม่อยู่ในฐานะฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ ผลแห่งคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งฟ้องคดีแพ่งว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ที่ ส. ลูกจ้างโจทก์เป็นผู้ขับ เพราะโจทก์ไม่ใช่คู่ความรายเดียวกัน จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งใหม่.
of 312