คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บังคับคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4732/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงระหว่างคู่ความในการฟ้องขับไล่: ศาลไม่อาจบังคับคดีก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอื่น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย โจทก์จะต้องพิสูจน์ว่าจำเลยไม่มีสิทธิในอาคารและที่ดินพิพาทที่โจทก์ฟ้องให้ขับไล่ แม้ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นโจทก์จำเลยตกลงกันว่า จำเลยจะนำค่าเช่าหรือค่าเสียหายมาวางศาลทุกเดือนจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ถ้าหากจำเลยผิดนัดไม่นำเงินค่าเช่ามาวางศาลในเดือนใด จำเลยยินยอมให้โจทก์มีสิทธิบังคับคดีเกี่ยวกับเงินค่าเช่าดังกล่าว และบังคับให้จำเลยออกจากอาคารและที่ดินพิพาทในคดีนี้ได้ทันทีก็ตามแต่เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงกันให้ถือเอาคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งมาเป็นข้อแพ้ชนะกัน และเมื่อคดีที่คู่ความท้ากันยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แม้จำเลยจะผิดนัดโจทก์จะมาขอให้ศาลออกคำบังคับในคดีนี้หาได้ไม่ เพราะหากจำเลยต้องถูกบังคับให้ออกจากอาคารและที่ดินพิพาทกับต้องชดใช้ ค่าเสียหายให้โจทก์ ก็มีผลเท่ากับโจทก์ชนะคดีในประเด็นที่พิพาทกันนั่นเอง ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับวิธีการคุ้มครองประโยชน์คู่ความในระหว่างพิจารณาโจทก์จึงนำข้อตกลงดังกล่าวมาบังคับให้จำเลยออกจากอาคารและที่ดินพิพาทไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4732/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงการวางค่าเช่าเพื่อบังคับคดีขับไล่: ศาลไม่ออกคำบังคับจนกว่าคดีถึงที่สุด
คู่ความตกลงกันว่า จำเลยจะนำค่าเช่าหรือค่าเสียหายมาวางศาลทุกเดือนจนกว่าคดีถึงที่สุด หากจำเลยผิดนัดจำเลยยอมให้โจทก์มีสิทธิบังคับคดีเกี่ยวกับเงินค่าเช่าดังกล่าวและบังคับคดีออกจากอาคารและที่ดินพิพาทได้ทันที ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงเกี่ยวด้วยวิธีการคุ้มครองประโยชน์คู่ความในระหว่างพิจารณาโจทก์จะนำข้อตกลงดังกล่าวมาบังคับให้จำเลยออกจากอาคารและที่ดินพิพาทไม่ได้เพราะคดีฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายโจทก์จะต้องพิสูจน์ว่าจำเลยไม่มีสิทธิในอาคารและที่ดินที่โจทก์ฟ้องให้ขับไล่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4705/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาถึงที่สุด: ไม่อาจเปลี่ยนแปลงวิธีการบังคับคดีได้
ศาล พิพากษา ถึงที่สุด และ กำหนด วิธีการ บังคับคดี ตาม คำพิพากษา แล้ว จึง ไม่อาจ จะ เปลี่ยน หรือ กำหนด วิธีการ บังคับคดี ใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4704/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิธีการบังคับคดีตามคำพิพากษาถึงที่สุด การเปลี่ยนแปลงวิธีการบังคับคดี
ศาลพิพากษาถึงที่สุด และกำหนดวิธีการบังคับคดีตามคำพิพากษาแล้วจึงไม่อาจจะเปลี่ยนหรือกำหนดวิธีการบังคับคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4678/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดีตามมาตรา 293 วรรคแรก ต้องมีการยึดทรัพย์สินก่อน และไม่ลิดรอนสิทธิเจ้าหนี้
โจทก์ที่ 2 มิได้ร่วมกับโจทก์ที่ 1 ยื่นคำร้องของดการบังคับคดีไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของโจทก์ที่ 1 แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับอุทธรณ์ของโจทก์ที่ 2 ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิฎีกา การขอให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 293 วรรคแรกจะต้องมีการบังคับคดีโดยการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอยู่ก่อนแล้วในขณะนั้น เนื่องจากวิธีการบังคับคดีที่จะงดคือการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่น เพื่อเป็นการคุ้มครองป้องกันมิให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้รับความเสียหายจากการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินก่อนที่จะได้มีการวินิจฉัยชี้ขาดในคดีที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นโจทก์ หาได้ให้ความคุ้มครองแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาถึงขนาดลิดรอนสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามิให้ดำเนินการเพื่อผลในการบังคับคดีตามคำพิพากษากับทรัพย์อื่นต่อไปไม่ คำร้องของโจทก์ที่ 1 ในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ขอให้งดการบังคับคดีที่อาจมีต่อไปในอนาคตไม่ต้องด้วยบทบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4672/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาแบ่งแยกที่ดิน: โจทก์ยินยอมให้จำเลยเลือกที่ดินก่อน ย่อมผูกพัน
เมื่อโจทก์ยินยอมให้จำเลยเลือกส่วนของที่ดินที่แบ่งแยกแล้วได้ก่อน กรณีจึงถือไม่ได้ว่าการแบ่งแยกที่ดินพิพาทไม่อาจกระทำได้ตามคำพิพากษา ซึ่งกำหนดให้จำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 445/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานรับของโจร: การรับเงินยักยอกรู้แหล่งที่มา, หลายกรรมต่างกัน, และการบังคับคดี
ส. ภรรยาจำเลยมีหน้าที่จำหน่ายสินค้าและรับเงินค่าสินค้าของโจทก์ร่วม ได้รับเงินสดค่าสินค้าจากลูกค้าของโจทก์ร่วมไว้แล้วไม่นำเงินสดที่รับไว้ส่งมอบให้แก่แคชเชียร์ แต่เบียดบังเอาเงินสดนั้นไปเป็นของตนเองหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต จึงเป็นการยักยอกทรัพย์ของโจทก์ร่วม บัญชีกระแสรายวันของจำเลยมีรายการหมุนเวียนทางการเงินมากการนำเงินเข้าฝากและถอนเงินจากบัญชีแต่ละรายการมีจำนวนมากกว่ารายได้ตามปกติของจำเลยและส.ส.นำเงินฝากเข้าบัญชีจำเลยช่วงระยะเวลาเดียวกับที่ ส.ยักยอกเงินของโจทก์ร่วมและเมื่อส.นำเงินเข้าฝากแล้ว จำเลยได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินจากบัญชีใกล้เคียงกับจำนวนเงินที่ ส. นำเข้าฝาก การถอนเงินโดยสั่งจ่ายเช็คบางฉบับจำเลยก็สั่งจ่ายเพื่อชำระค่าที่ดินพร้อมตึกแถวที่จำเลยกับ ส. ไปติดต่อซื้อด้วยกัน โดยที่ดินพร้อมตึกแถวดังกล่าว มีราคาสูงเกินกว่าฐานะและรายได้ตามปกติของจำเลยกับ ส.ที่จะซื้อได้ พฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยได้รับเอาเงินฝากนั้นไว้ทุกคราวที่ ส.นำเข้าฝากโดยจำเลยรู้ว่าส. ได้เงินนั้นมาจากการยักยอกโจทก์ร่วม จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร ส. นำเงินเข้าฝากในบัญชีของจำเลยต่างวันเวลากัน จำเลยจึงมีความผิดหลายกรรมต่างกัน ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏชัดว่าการบังคับคดี ส. ได้เงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ร่วมเท่าใด ครบถ้วนแล้วหรือไม่ จะฟังว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมหาได้ไม่และหากโจทก์ร่วมบังคับคดี ส.แล้วจะบังคับคดีจำเลยได้อีกเพียงใดนั้นเป็นปัญหาในชั้นบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4388/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดบังคับคดี: การคัดค้านการรวมขายและการซื้อโดยธนาคาร
ในวันขายทอดตลาดจำเลยได้มาดูแลการขายและได้คัดค้าน การรวมขายที่ดินแล้ว แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่บันทึกไว้และบอกให้ไปร้องขอต่อศาลเอง เท่ากับว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ยอมปฏิบัติตามคำคัดค้านของจำเลย จำเลยจะต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีคำสั่งชี้ขาดเสียภายใน 2 วัน นับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิเสธคำคัดค้านของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 วรรคท้ายเมื่อจำเลยมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลภายในกำหนดเวลาดังกล่าวจำเลยจะยกเป็นเหตุคัดค้านภายหลังไม่ได้ โจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์ ย่อมมีสิทธิซื้อที่ดินซึ่ง จำนองเป็นประกันหนี้ไว้ต่อโจทก์จากการขายทอดตลาดโดย คำสั่งศาลเพื่อชำระหนี้โจทก์ได้ ตามพระราชบัญญัติ การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 มาตรา 12(4)(ข) การที่โจทก์ ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดเป็นการซื้อทรัพย์จำนองเป็นประกัน หนี้ที่จำเลยมีต่อโจทก์ และเป็นการขายทอดตลาดโดยคำสั่งศาลจึงเป็นการซื้อโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4388/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการคัดค้านการขายทอดตลาด: การไม่ปฏิบัติตามคำคัดค้านของจำเลยและการไม่ยื่นคำร้องต่อศาลภายในกำหนด
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกาว่า เจ้าพนักงานบังคับคดี ไม่ควรขายที่ดินที่ถูกยึดแปลงที่ 8 และแปลงที่ 9 กับแปลงที่ 10และแปลงที่ 11 รวมกัน เพราะถ้าแยกขายแปลงที่ 8 และแปลงที่ 9 จะทำให้รายได้ในการขายเพิ่มขึ้นกว่าการขายรวมกัน และการขายแปลงที่ 10 กับแปลงที่ 11 รวมกันทำให้ ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่ขายเป็นเงินของจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละเท่าไร เพราะที่ดินแปลงที่ 10 มีชื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน แต่แปลงที่ 11 จำเลยที่ 3มีกรรมสิทธิ์เพียงคนเดียว เมื่อปรากฏว่า ในวันขายทอดตลาดนั้นจำเลยที่ 2 ที่ 3 มาดูแลการขายด้วย และยังได้คัดค้านการรวมขายที่ดินแปลง ที่ 8 และแปลงที่ 9 กับแปลงที่ 10และแปลงที่ 11 แล้ว แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่บันทึกไว้และบอกให้ไปร้องต่อศาลเอง กรณีเท่ากับว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ยอมปฏิบัติตามคำคัดค้านของจำเลยที่ 2ที่ 3 จำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็ชอบที่จะต้องไปยื่นคำร้องขอต่อศาลขอให้มีคำสั่งชี้ขาดเสียภายในสองวัน นับแต่วันที่ เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิเสธคำคัดค้านของจำเลยที่ 2 ที่ 3ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 วรรคท้ายเมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้ยื่นคำร้องต่อศาล เสีย ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะยกเป็นเหตุคัดค้านภายหลังไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ โจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์ ย่อมมีสิทธิซื้อที่ดินที่จำนองเป็นประกันไว้แก่โจทก์จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลเพื่อชำระหนี้โจทก์ได้ตามพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505มาตรา 12(4)(ข)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4311/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาแบ่งที่ดิน: กรณีผู้ประมูลได้ไม่ชำระเงิน ยึดทรัพย์อื่นไม่ได้
การที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์และจำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 3237 ด้วยการประมูลกันเอง หากตกลงราคาไม่ได้ให้ขายทอดตลาดนำเงินแบ่งกันตามส่วนนั้น เมื่อจำเลยผู้ประมูลได้ไม่นำเงินมาชำระตามที่ประมูลได้ ต้องถือว่าเป็นกรณีที่โจทก์และจำเลยประมูลราคากันเองไม่ได้ จะต้องนำที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันตามส่วน โจทก์ไม่มีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินอื่นของจำเลยเพื่อบังคับคดีแต่อย่างใด
of 270