พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,515 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีทางจำเป็น, อากรแสตมป์มอบอำนาจ, และสิทธิใช้ทางโดยไม่ต้องจดทะเบียน
โจทก์ที่4ถึงที่8มอบอำนาจให้โจทก์ที่9ฟ้องคดีโดยหนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์เพียง30บาทแม้ผู้มอบอำนาจหลายคนแต่โจทก์ที่4ถึงที่8เป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินจึงเป็นผู้มีอำนาจร่วมกันและ มอบอำนาจให้โจทก์ที่9ซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกระทำการมากกว่าครั้งเดียวต้องเสียอากรแสตมป์ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ7(ข)แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งกำหนดไว้30บาทดังนั้นหนังสือมอบอำนาจที่ติดอากรแสตมป์30บาทจึงชอบด้วยกฎหมาย เมื่อทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแล้วโจทก์มีสิทธิใช้ทางดังกล่าวได้โดยอำนาจแห่งกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1349จึงไม่จำต้องจดทะเบียนสิทธิอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องสัญญาเช่าซื้อ, การให้สัตยาบัน, ดอกเบี้ยสัญญาเช่าซื้อ, ค่าฤชาธรรมเนียม
โจทก์มอบอำนาจให้จ. เป็นผู้ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อต่างๆแทนโจทก์ตามหนังสือมอบอำนาจได้เมื่อวันที่31ธันวาคม2531จำเลยที่1ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กระบะจากโจทก์สาขาชัยนาทโดยมีจำเลยที่2เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมในวันดังกล่าวจำเลยที่1ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแต่ฝ่ายเดียวต่อมาวันที่2มกราคม2532ป. ผู้จัดการฝ่ายขายของโจทก์สาขาชัยนาทได้จัดส่งสัญญาดังกล่าวไปให้จ. ซึ่งประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่กรุงเทพมหานครลงชื่อเป็นคู่สัญญาแทนโจทก์เรียบร้อยแล้วแม้จ. เพิ่งลงชื่อเป็นคู่สัญญาแทนโจทก์ในสัญญาเช่าซื้อหลังจากวันที่31ธันวาคม2531ก็ตามแต่เมื่อโจทก์และจำเลยที่1ซึ่งเป็นคู่สัญญามิได้ทักท้วงและในการลงชื่อของจ. ก็มีตราบริษัทโจทก์ประทับทั้งยังมีการชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์หลายงวดและโจทก์รับค่าเช่าซื้อดังกล่าวไว้ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันแก่การลงชื่อของจ. ในสัญญาเช่าซื้อโดยปริยายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา823วรรคหนึ่งจึงมีผลเสมือนว่าจ. ได้รับมอบหมายให้ลงชื่อแทนโจทก์มาตั้งแต่ต้นดังนี้สัญญาเช่าซื้อจึงมีคู่สัญญาลงชื่อครบถ้วนไม่เป็นโมฆะโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง ราคาค่าเช่าซื้อรถยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อนั้นได้รวมค่าเช่ากับราคารถยนต์ที่เช่าซื้อเข้าไว้ด้วยกันการกำหนดราคาค่าเช่าซื้อดังกล่าวไม่มีกฎหมายห้ามไว้และไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแม้ราคาค่าเช่าซื้อรถยนต์ดังกล่าวโจทก์จะกำหนดโดยวิธีหักเงินชำระล่วงหน้าออกไปก่อนแล้วนำส่วนที่เหลือไปคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15ต่อปีในจำนวน48คือ4ปีคำนวณเป็นดอกเบี้ยเท่าใดบวกเข้ากับเงินที่ค้างชำระจากนั้นเอา4ปีหารเป็นรายปีออกมาเป็นค่างวดก็ตามก็เป็นวิธีการกำหนดราคาค่าเช่าซื้อรถยนต์ของโจทก์โดยชอบหาตกเป็นโมฆะไม่ โจทก์มิได้แก้อุทธรณ์แต่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายในส่วนที่ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้แทนโจทก์ในชั้นอุทธรณ์ด้วยจึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่ากรณีผู้เช่าให้เช่าช่วงโดยไม่ได้รับความยินยอม ผู้ให้เช่ามีอำนาจฟ้องขับไล่ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าว
กรณีที่ผู้เช่าประพฤติผิดสัญญาเช่าด้วยการนำทรัพย์สินที่เช่าไปให้ผู้อื่นเช่าช่วง โดยไม่มีข้อตกลงให้ทำได้ไว้ในสัญญาเช่า ผู้ให้เช่าชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเช่าเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 544 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว จึงมิได้ตกอยู่ในบังคับของมาตรา 387ซึ่งเป็นบททั่วไปว่าด้วยการเลิกสัญญา ดังนั้น ก่อนบอกเลิกสัญญาเช่าและก่อนฟ้องคดี โจทก์ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาเช่าภายในระยะเวลาอันสมควรตามที่โจทก์กำหนดเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่ากรณีผู้เช่าให้เช่าช่วงโดยไม่ได้รับความยินยอม ผู้ให้เช่ามีอำนาจฟ้องขับไล่ได้
กรณีที่ผู้เช่าประพฤติ ผิดสัญญาเช่าด้วยการนำทรัพย์สินที่เช่าไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงโดย ไม่มี ข้อตกลงให้ทำได้ไว้ใน สัญญาเช่า ผู้ให้เช่าชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเช่าเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา544วรรคสองซึ่งบัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วกรณีดังกล่าวมิได้ตกอยู่ในบังคับของมาตรา387แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งเป็นบททั่วไปว่าด้วยการเลิกสัญญาทั้งสัญญาเช่าก็ระบุไว้ชัดแจ้งว่าผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่าได้ทันทีหากผู้เช่าผิดสัญญาเช่าข้อใดข้อหนึ่งดังนั้นก่อนบอกเลิกสัญญาเช่าและก่อนฟ้องคดีโจทก์ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวให้จำเลยที่1ปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาเช่าภายในระยะเวลาอันสมควรตามที่โจทก์กำหนดเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ทรงเช็คพิพาท – เงื่อนไขการจ่ายเช็ค – อำนาจฟ้อง
โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท จำเลยที่ 1 ผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้การต่อสู้ว่ามีเงื่อนไขตกลงกับโจทก์ว่าโจทก์จะต้องมอบเครื่องเพชรพลอยรูปพรรณให้จำเลยที่ 1 ไปจำหน่าย แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง จำเลยที่ 1จึงมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวตาม ป.วิ.พ.มาตรา 84
แม้โจทก์จะนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของบุคคลใด แต่เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทที่ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ย่อมเป็นบุคคลที่ถูกโต้แย้งสิทธิ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
แม้โจทก์จะนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของบุคคลใด แต่เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทที่ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ย่อมเป็นบุคคลที่ถูกโต้แย้งสิทธิ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโอนเช็คพิพาทด้วยคบคิดฉ้อฉลทำให้ขาดอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ 2 ปลูกบ้านและได้ออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับลงวันที่ล่วงหน้า มอบให้จำเลยที่ 2 เป็นค่าจ้างปลูกบ้านงวดที่ 4เมื่อจำเลยที่ 2 ได้รับเช็คพิพาทแล้วก็ทิ้งงานไป จำเลยที่ 1 ได้แจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้แนะนำจำเลยที่ 2 ให้รู้จักกับจำเลยที่ 1 ทราบ และให้ช่วยติดตามจำเลยที่ 2ให้ด้วย ดังนั้นการที่โจทก์รับเช็คพิพาทจากจำเลยที่ 2 ซึ่งโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 จ่ายให้จำเลยที่ 2 เป็นค่าจ้างสร้างบ้านงวดที่ 4 และจำเลยที่ 2 ได้ทิ้งงานไปไม่สร้างให้เสร็จตามสัญญา จำเลยที่ 1 จึงไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระตามเช็คพิพาทให้จำเลยที่ 2 การรับโอนเช็คพิพาทของโจทก์จากจำเลยที่ 2เป็นการรับโอนด้วยคบคิดกันฉ้อฉล โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโอนเช็คพิพาทด้วยเจตนาฉ้อฉล โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็ค
จำเลยที่1ได้ทำสัญญาจ้างจำเลยที่2ปลูกบ้านและได้ออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับลงวันที่ล่วงหน้ามอบให้จำเลยที่2เป็นค่าจ้างปลูกบ้านงวดที่4เมื่อจำเลยที่2ได้รับเช็คพิพาทแล้วก็ทิ้งงานไปจำเลยที่1ได้แจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้แนะนำจำเลยที่2ให้รู้จักกับจำเลยที่1ทราบและให้ช่วยติดตามจำเลยที่2ให้ด้วยดังนั้นการที่โจทก์รับเช็คพิพาทจากจำเลยที่2ซึ่งโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่จำเลยที่1จ่ายให้จำเลยที่2เป็นค่าจ้างสร้างบ้านงวดที่4และจำเลยที่2ได้ทิ้งงานไปไม่สร้างให้เสร็จตามสัญญาจำเลยที่1จึงไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระตามเช็คพิพาทให้จำเลยที่2การรับโอนเช็คพิพาทของโจทก์จากจำเลยที่2เป็นการรับโอนด้วยคบคิดกันฉ้อฉลโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 994/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่หลังมติคณะกรรมการเช่าที่ดิน: ต้องรอคำวินิจฉัยจังหวัดก่อน
คณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลมีมติว่าการบอกเลิกการเช่านาของโจทก์ทั้งสองเป็นไปโดยชอบ ให้โจทก์ทั้งสองบอกเลิกการเช่านาก่อนสิ้นกำหนดระยะเวลาการเช่าได้ แม้จำเลยที่ 1 จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลต่อคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดเกิน 60 วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลได้มีคำวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2525 มาตรา 56 ก็ตาม โจทก์ทั้งสองก็ยังไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสามกับพวก ต้องรอให้คณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดมีคำวินิจฉัยเสียก่อน โจทก์ทั้งสองจึงจะฟ้องต่อศาลได้ตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 994/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเช่านา: ต้องรอคำวินิจฉัย คชก.จังหวัด แม้อุทธรณ์เกินกำหนด
จำเลยที่1 อุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลต่อคชก.จังหวัดแล้วก่อนโจทก์ทั้งสองฟ้องคดีนี้แม้อุทธรณ์ของจำเลยที่1ดังกล่าวจะยื่นเกินกำหนด60วันนับแต่วันที่คชก.ตำบลมีคำวินิจฉัยโจทก์ทั้งสองก็ยัง ไม่มี อำนาจฟ้อง ต้องรอให้คชก.จังหวัดมีคำวินิจฉัยเสียก่อนโจทก์ทั้งสองจึงจะฟ้องต่อศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 994/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ก่อน คชก.จังหวัดมีคำวินิจฉัย: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้อุทธรณ์จำเลยจะขาดอายุความ
คณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลมีมติว่าการบอกเลิกการเช่านาของโจทก์ทั้งสองเป็นไปโดยชอบให้โจทก์ทั้งสองบอกเลิกการเช่านาก่อนสิ้นกำหนดระยะเวลาการเช่าได้แม้จำเลยที่1จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลต่อคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดเกิน60วันนับแต่วันที่คณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลได้มีคำวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2525มาตรา56ก็ตามโจทก์ทั้งสองก็ยังไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสามกับพวกต้องรอให้คณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดมีคำวินิจฉัยเสียก่อนโจทก์ทั้งสองจึงจะฟ้องต่อศาลได้ตามมาตรา57แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว