คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2259/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีแรงงาน: ศาลแรงงานวินิจฉัยถูกต้องแล้ว
อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงโจทก์ได้ถูกจำเลยเลิกจ้างแล้วเพราะเหตุละทิ้งหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2538 เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลแรงงานพิพากษาไม่ชอบ เนื่องจากไม่ได้วินิจฉัยว่าโจทก์ละทิ้งหน้าที่โดยมีเหตุอันสมควรหรือไม่ ซึ่งในปัญหานี้ศาลแรงงานฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไม่ไปทำงานให้แก่จำเลยตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2538 เป็นต้นมาโดยโจทก์สมัครใจเลิกเป็นลูกจ้างของจำเลยเอง จำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ ดังนี้อุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานซึ่งเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54
การกำหนดประเด็นข้อพิพาทและหน้าที่นำสืบในคดีแรงงานไม่จำต้องอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. เนื่องจาก พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะได้บัญญัติไว้แล้วในมาตรา39 วรรคหนึ่ง และการกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดในคดีแรงงานนำพยานมาสืบก่อนหรือหลังนั้นเป็นอำนาจและดุลพินิจของศาลแรงงานโดยเฉพาะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2230/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์: การยกข้อใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น และประเด็นอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามเป็นหนี้เงินต้นค่าสินค้าที่สั่งซื้อจากโจทก์พร้อมดอกเบี้ยและค่าบริการสินเชื่อ ค่าทวงถามหนี้ และค่าดำเนินการอื่น ๆ คิดถึงวันฟ้อง จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้ว่าไม่เคยติดต่อค้าขาย มิได้เป็นหนี้ตามฟ้อง ไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์โดยจำเลยทั้งสามมิได้ให้การต่อสู้เลยว่าจำเลยทั้งสามได้ชำระหนี้ตามฟ้องให้แก่โจทก์แล้ว การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสามเป็นหนี้ค่าท่อระบายน้ำของโจทก์พร้อมดอกเบี้ยนั้น เป็นการที่ศาลชั้นต้นได้ฟังข้อเท็จจริงโดยปริยายแล้วว่าจำเลยทั้งสามได้ซื้อสินค้าตามฟ้องไปจากโจทก์และค้างชำระค่าสินค้าให้แก่โจทก์ ดังนี้ ที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ว่าจำเลยทั้งสามได้ชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว ซึ่งจำเลยทั้งสามไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งปัญหาดังกล่าวก็ไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 225ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อดังกล่าวของจำเลยทั้งสามนั้นจึงชอบแล้ว
จำเลยทั้งสามได้ให้การไว้เพียงว่า โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ส.ฟ้องคดีแทน หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอม ส.ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ แต่จำเลยทั้งสามกลับอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่มีมูลหนี้ค่าซื้อขายท่อระบายน้ำต่อกันระหว่างโจทก์และจำเลย อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามป.วิ.พ.มาตรา 225 อีกเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2230/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์และฎีกา กรณีไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามเป็นหนี้เงินต้นค่าสินค้าที่สั่งซื้อจากโจทก์พร้อมดอกเบี้ยและค่าบริการสินเชื่อ ค่าทวงถามหนี้และค่าดำเนินการอื่น ๆ คิดถึงวันฟ้อง จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้ว่าไม่เคยติดต่อค้าขาย มิได้เป็นหนี้ตามฟ้อง ไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์โดยจำเลยทั้งสามมิได้ให้การต่อสู้เลยว่าจำเลยทั้งสามได้ชำระหนี้ตามฟ้องให้แก่โจทก์แล้ว การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสามเป็นหนี้ค่าท่อระบายน้ำของโจทก์พร้อมดอกเบี้ยนั้น เป็นการที่ศาลชั้นต้นได้ฟังข้อเท็จจริงโดยปริยายแล้วว่าจำเลยทั้งสามได้ซื้อสินค้าตามฟ้องไปจากโจทก์และค้างชำระค่าสินค้าให้แก่โจทก์ดังนี้ ที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ว่าจำเลยทั้งสามได้ชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว ซึ่งจำเลยทั้งสามไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบที่ศาลชั้นต้น ทั้งปัญหาดังกล่าวก็ไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อดังกล่าวของจำเลยทั้งสามนั้นจึงชอบแล้ว จำเลยทั้งสามได้ให้การไว้เพียงว่า โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ส.ฟ้องคดีแทน หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องเป็นเอกสารท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอม ส.ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ แต่จำเลยทั้งสามกลับอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่มีมูลหนี้ค่าซื้อขายท่อระบายน้ำต่อกันระหว่างโจทก์และจำเลย อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 อีกเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2230/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์เรื่องหนี้และการต่อสู้คดี เกินกรอบที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามเป็นหนี้เงินต้นค่าสินค้าที่สั่งซื้อจากโจทก์พร้อมดอกเบี้ยและค่าบริการสินเชื่อค่าทวงถามหนี้และค่าดำเนินการอื่นๆคิดถึงวันฟ้องจำเลยทั้งสามให้การต่อสู้ว่าไม่เคยติดต่อค้าขายมิได้เป็นหนี้ตามฟ้องไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์โดยจำเลยทั้งสามมิได้ให้การต่อสู้เลยว่าจำเลยทั้งสามได้ชำระหนี้ตามฟ้องให้แก่โจทก์แล้วการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสามเป็นหนี้ค่าท่อระบายน้ำของโจทก์พร้อมดอกเบี้ยนั้นเป็นการที่ศาลชั้นต้นได้ฟังข้อเท็จจริงโดยปริยายแล้วว่าจำเลยทั้งสามได้ซื้อสินค้าตามฟ้องไปจากโจทก์และค้างชำระค่าสินค้าให้แก่โจทก์ดังนี้ที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ว่าจำเลยทั้งสามได้ชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์ครบถ้วนแล้วซึ่งจำเลยทั้งสามไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบที่ศาลชั้นต้นทั้งปัญหาดังกล่าวก็ไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อดังกล่าวของจำเลยทั้งสามนั้นจึงชอบแล้ว จำเลยทั้งสามได้ให้การไว้เพียงว่าโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ส.ฟ้องคดีแทนหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องเป็นเอกสารท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอมส.ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์แต่จำเลยทั้งสามกลับอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่มีมูลหนี้ค่าซื้อขายท่อระบายน้ำต่อกันระหว่างโจทก์และจำเลยอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225อีกเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ศาลกับการรับรองอุทธรณ์: โจทก์ต้องดำเนินการร้องขอต่ออัยการสูงสุดเอง
การที่จะให้อัยการสูงสุดพิจารณารับรองอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ตรีว่าอุทธรณ์ของโจทก์มีเหตุอันสมควรที่ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยหรือไม่ กฎหมายมิได้บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องส่งสำนวนและอุทธรณ์ของโจทก์ไปให้อัยการสูงสุดพิจารณา เมื่อการรับรองอุทธรณ์เป็นประโยชน์แก่โจทก์ผู้อุทธรณ์โจทก์ก็ต้องไปดำเนินการร้องขอต่ออัยการสูงสุดเอง ศาลไม่มีหน้าที่ต้องส่งสำนวนและอุทธรณ์ของโจทก์ไปยังอัยการสูงสุดตามที่โจทก์ร้องขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ศาลในการส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดรับรองอุทธรณ์: ศาลไม่มีหน้าที่ตามกฎหมาย
การที่จะให้อัยการสูงสุดพิจารณารับรองอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา193ตรีว่าอุทธรณ์ของโจทก์มีเหตุอันสมควรที่ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยหรือไม่กฎหมายมิได้บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องส่งสำนวนและอุทธรณ์ของโจทก์ไปให้อัยการสูงสุดพิจารณาเมื่อการรับรองอุทธรณ์เป็นประโยชน์แก่โจทก์ผู้อุทธรณ์โจทก์ก็ต้องไปดำเนินการร้องขอต่ออัยการสูงสุดเองศาลไม่มีหน้าที่ต้องส่งสำนวนและอุทธรณ์ของโจทก์ไปยังอัยการสูงสุดตามที่โจทก์ร้องขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2120/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีไถ่ทรัพย์ขายฝาก: การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงเกินทุนทรัพย์ที่กฎหมายกำหนด
คดีฟ้องขอไถ่ทรัพย์ที่ขายฝาก โดยโจทก์อ้างว่า ได้ขอไถ่ทรัพย์ดังกล่าวภายในกำหนดตามสัญญาขายฝากแล้วแต่จำเลยไม่ยอมให้ไถ่คืน เป็นคดีที่พิพาทกันเกี่ยวกับทรัพย์ที่ขายฝากอันจะมีผลทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้หรือเสียสิทธิในทรัพย์นั้นเข้าลักษณะคดีมีทุนทรัพย์โดยถือทุนทรัพย์ตามราคาทรัพย์ที่ขายฝากหาใช่เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2120/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีไถ่ทรัพย์ขายฝาก: การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงเกินทุนทรัพย์ที่กฎหมายกำหนด
คดีฟ้องขอไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากโดยโจทก์อ้างว่าได้ขอไถ่ทรัพย์ดังกล่าวภายในกำหนดตามสัญญาขายฝากแล้วแต่จำเลยไม่ยอมให้ไถ่คืนเป็นคดีที่พิพาทกันเกี่ยวกับทรัพย์ที่ขายฝากอันจะมีผลทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้หรือเสียสิทธิในทรัพย์นั้นเข้าลักษณะคดีมีทุนทรัพย์โดยถือทุนทรัพย์ตามราคาทรัพย์ที่ขายฝากหาใช่เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพของจำเลยและการพิจารณาคดี ศาลอุทธรณ์มิชอบที่ยกคำพิพากษาโดยไม่วินิจฉัยประเด็นอุทธรณ์
หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องแล้วต่อมาปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าศาลได้อ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยเข้าใจแล้วจำเลยแถลงสู้คดีและจะให้การวันนัดพิจารณาครั้นถึงวันนัดพิจารณาจำเลยยื่นคำให้การ1ฉบับพร้อมกับคำร้องอีก1ฉบับโดยในคำให้การระบุว่าจำเลยทราบฟ้องของโจทก์แล้วขอรับสารภาพในการกระทำความผิดตามฟ้องในข้อหารับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา357เพียงข้อหาเดียวขอปฏิเสธข้อหาลักทรัพย์ส่วนคำร้องที่ยื่นมาพร้อมกันนั้นแม้จะมีข้อความซึ่งมีความหมายว่าจำเลยไม่รู้ว่าทรัพย์ที่รับไว้ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ก็ตามแต่ก็เป็นข้อความในคำร้องที่จำเลยยื่นเข้ามาเพื่ออ้างเหตุให้ศาลรอการลงโทษเท่านั้นไม่ใช่คำให้การว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดและเมื่อศาลชั้นต้นได้สอบถามคำเลยในวันเดียวกันนั้นจำเลยก็ยืนยันตามคำให้การที่รับสารภาพฐานรับของโจรดังกล่าวปรากฏตามที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ในคำให้การจำเลยนอกจากนี้ศาลชั้นต้นยังจดรายงานกระบวนพิจารณาในวันดังกล่าวในระบุว่าจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรไม่ต่อสู้คดีขอให้ลงโทษสถานเบาซึ่งจำเลยก็ลงชื่อไว้อีกเช่นนี้ย่อมเป็นที่เห็นได้ชัดแล้วว่าจำเลยยืนยันที่จะให้การรับสารภาพฐานรับของโจรตามฟ้อง ศาลชั้นต้นได้พิจารณาและพิพากษาคดีไปโดยชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพื่อให้พิจารณาใหม่โดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบศาลฎีกาเห็นควรที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามรูปคดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจศาลชั้นต้นรับฟังพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานเอกสารมาแสดงในชั้นไต่สวนมูลฟ้องอันจะทำให้ศาลชั้นต้นรับฟังได้ว่าเช็คตามฟ้องเป็นเรื่องที่จำเลยสั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่มีมูล โจทก์อุทธรณ์ว่า ในการซื้อขายเพชรพลอยระหว่างจำเลยกับ จ.ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาด ไม่ต้องมีพยานหลักฐานเป็นหนังสือหรือหลักฐานเอกสารใด ๆ เท่ากับเป็นการอุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องฟังได้ว่าจำเลยและ จ.มีการซื้อขายเพชรพลอยกันจริง เช็คตามฟ้องเป็นเช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้ค่าเพชรพลอยที่ซื้อขายกันดังกล่าว ซึ่งเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย จึงเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 22
of 349