คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เช็ค

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,865 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4447/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของฟ้องอาญา กรณีจำเลยร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาทุจริต ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ชอบแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกันออกเช็ค โดยจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย จำเลยที่ 2 เป็นผู้กรอกรายการในเช็คชำระหนี้ ให้ อ.แล้วอ. นำมาชำระหนี้ให้โจทก์ ทั้งนี้จำเลยทั้งสองร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ดังนี้ เป็นฟ้องที่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว ต้องรับฟังไว้ดำเนินการต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการอุทธรณ์คดีเช็คและฉ้อโกง: จำนวนเงิน, ปัญหาข้อเท็จจริง, และความชัดเจนของฟ้อง
โจทก์ฟ้องข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ในเช็คแต่ละฉบับเป็นความผิดแต่ละกระทงเรียงกันไป การพิจารณาว่ากระทงใดต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ ต้องพิจารณาถึงจำนวนเงินที่ระบุในเช็คแต่ละฉบับว่าหากศาลลงโทษปรับสองเท่าของจำนวนเงินที่ระบุในเช็คเพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแล้วเกินกว่าหกหมื่นบาทหรือไม่ ถ้าไม่เกินกว่าหกหมื่นบาท เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง กรณีก็ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว จะนำจำนวนเงินตามที่ระบุในเช็คฉบับอื่นแม้จะลงวันสั่งจ่ายวันเดียวกันมารวมคำนวณด้วยหาได้ไม่
ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเช็คที่นำมาฟ้องเป็นจำนวนหลายสิบฉบับ และได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า เช็คแต่ละฉบับนั้นเป็นของธนาคารใดพร้อมกับระบุสาขาของธนาคาร อันถือว่าเป็นสถานที่ที่เกิดการกระทำความผิดเนื่องจากธนาคารแห่งนั้นปฏิเสธการจ่ายเงินไว้ด้วย จึงหาจำเป็นที่จะต้องระบุแขวงและเขตอีกไม่การที่โจทก์นำเอาชื่อแขวงและเขตที่เกิดการกระทำความผิดไปกล่าวรวมไว้ในตอนท้ายเพื่อบอกสถานที่เกิดเหตุย่อมเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการอุทธรณ์คดีเช็คและการฉ้อโกง: จำนวนเงิน, ข้อหา, และความชัดเจนของฟ้อง
โจทก์ฟ้องข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ในเช็คแต่ละฉบับเป็นความผิดแต่ละกระทงเรียงกันไป การพิจารณาว่ากระทงใดต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ ต้องพิจารณาถึงจำนวนเงินที่ระบุในเช็คแต่ละฉบับว่าหากศาลลงโทษปรับสองเท่าของจำนวนเงินที่ระบุในเช็คเพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแล้วเกินกว่าหกหมื่นบาทหรือไม่ ถ้าไม่เกินกว่าหกหมื่นบาท เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง กรณีก็ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว จะนำจำนวนเงินตามที่ระบุในเช็คฉบับอื่นแม้จะลงวันสั่งจ่ายวันเดียวกันมารวมคำนวณด้วยหาได้ไม่
ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเช็คที่นำมาฟ้องเป็นจำนวนหลายสิบฉบับ และได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า เช็คแต่ละฉบับนั้นเป็นของธนาคารใดพร้อมกับระบุสาขาของธนาคาร อันถือว่าเป็นสถานที่ที่เกิดการกระทำความผิดเนื่องจากธนาคารแห่งนั้นปฏิเสธการจ่ายเงินไว้ด้วย จึงหาจำเป็นที่จะต้องระบุแขวงและเขตอีกไม่การที่โจทก์นำเอาชื่อแขวงและเขตที่เกิดการกระทำความผิดไปกล่าวรวมไว้ในตอนท้ายเพื่อบอกสถานที่เกิดเหตุย่อมเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการอุทธรณ์คดีเช็คและฉ้อโกง: การพิจารณาจำนวนเงิน, ปัญหาข้อเท็จจริง, และความชัดเจนของฟ้อง
โจทก์ฟ้องข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497มาตรา3ในเช็คแต่ละฉบับเป็นความผิดแต่ละกระทงเรียงกันไปการพิจารณาว่ากระทงใดต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ต้องพิจารณาถึงจำนวนเงินที่ระบุในเช็คแต่ละฉบับว่าหากศาลลงโทษปรับสองเท่าของจำนวนเงินที่ระบุในเช็คเพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแล้วเกินกว่าหกหมื่นบาทหรือไม่ถ้าไม่เกินกว่าหกหมื่นบาทเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องกรณีก็ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา193ทวิที่แก้ไขแล้วจะนำจำนวนเงินตามที่ระบุในเช็คฉบับอื่นแม้จะลงวันสั่งจ่ายวันเดียวกันมารวมคำนวณด้วยหาได้ไม่ ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา341มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา193ทวิที่แก้ไขแล้ว โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเช็คที่นำมาฟ้องเป็นจำนวนหลายสิบฉบับและได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าเช็คแต่ละฉบับนั้นเป็นของธนาคารใดพร้อมกับระบุสาขาของธนาคารอันถือว่าเป็นสถานที่ที่เกิดการกระทำความผิดเนื่องจากธนาคารแห่งนั้นปฏิเสธการจ่ายเงินไว้ด้วยจึงหาจำเป็นที่จะต้องระบุแขวงและเขตอีกไม่การที่โจทก์นำเอาชื่อแขวงและเขตที่เกิดการกระทำความผิดไปกล่าวรวมไว้ในตอนท้ายเพื่อบอกสถานที่เกิดเหตุย่อมเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3822/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายจากการใช้เช็ค: การฟ้องซ้ำในมูลหนี้เดียวกัน
จำเลยที่1เคยออกเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อบ้านแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ฟ้องจำเลยที่1ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับและจำหน่ายคดีต่อมาจำเลยที่1และจำเลยที่2ได้ออกเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อบ้านแทนเช็คฉบับเดิมแต่เช็คพิพาทถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินความเสียหายของโจทก์อันสืบเนื่องมาจากมูลหนี้ค่าซื้อบ้านรายเดียวกันย่อมเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวการที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่1ผู้ออกเช็คฉบับเดิมต่อศาลและคดีอยู่ระหว่างพิจารณาถือได้ว่าความเสียหายของโจทก์ในมูลหนี้รายนี้ไม่อาจเกิดขึ้นอีกได้โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองตามเช็คพิพาทอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3467/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาเช็ค: วันที่ปฏิเสธการจ่ายเงินจากเอกสารท้ายฟ้อง
คำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวไว้โดยตรงว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันใด แต่ก็ได้กล่าวไว้แล้วว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามกฎหมายใบคืนเช็คเอกสารท้ายฟ้องซึ่งในเอกสารดังกล่าวมีวัน เดือน ปี ระบุไว้ให้เห็นเป็นการชัดเจนว่า ปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อใด เอกสารท้ายฟ้องนั้นถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องจึงถือว่าคำฟ้องของโจทก์ได้กล่าวถึงวันที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอันเป็นวันที่การกระทำผิดได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3440/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบของโจทก์ในการฟ้องคดีเช็ค และความครบถ้วนของฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ผู้มีชื่อโอนเช็คพิพาทชำระหนี้โจทก์ แต่ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า จ. นำเช็คมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ การที่ จ.นำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากโจทก์ถือได้ว่าเช็คที่มอบให้โจทก์นั้น จ. มอบให้เพื่อชำระหนี้เงินที่ จ.เอาไปจากโจทก์ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจึงมิได้แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง
โจทก์กล่าวในฟ้องข้อ 1 ตอนท้ายว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คแล้วส่งมอบแก่ผู้มีชื่อ ต่อมาผู้มีชื่อได้โอนเช็คดังกล่าวเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ เห็นว่า ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้บรรยายถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนที่ว่าผู้มีชื่อโอนเช็คให้โจทก์เป็นใคร ชื่ออะไรนั้น เป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ครบถ้วนตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) บัญญัติไว้ หาใช่เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3440/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบของโจทก์ในการฟ้องคดีเช็ค และความเพียงพอของฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ผู้มีชื่อโอนเช็คพิพาทชำระหนี้โจทก์แต่ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า จ. นำเช็คมาแลกเงินสดไปจากโจทก์การที่จ.นำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากโจทก์ถือได้ว่าเช็คที่มอบให้โจทก์นั้นจ. มอบให้เพื่อชำระหนี้เงินที่ จ.เอาไปจากโจทก์ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจึงมิได้แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง
โจทก์กล่าวในฟ้องข้อ 1 ตอนท้ายว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คแล้วส่งมอบแก่ผู้มีชื่อ ต่อมาผู้มีชื่อได้โอนเช็คดังกล่าวเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ เห็นว่า ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้บรรยายถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนที่ว่าผู้มีชื่อโอนเช็คให้โจทก์เป็นใคร ชื่ออะไรนั้น เป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ครบถ้วนตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) บัญญัติไว้หาใช่เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตเช็ค – การสั่งระงับการจ่ายเช็คเมื่อคู่สัญญาผิดสัญญาซื้อขาย ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
จำเลยตกลงซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากโจทก์แต่ในวันทำสัญญาจำเลยชำระค่ามัดจำให้โจทก์ไม่ครบส่วนที่ขาดอยู่จำเลยได้ทำสัญญากู้ยืมเงินให้โจทก์ไว้พร้อมทั้งออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวการออกเช็คพิพาทจึงเป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากการวางเงินมัดจำตามสัญญาซื้อขายเมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ยอมโอนที่ให้จำเลยการที่จำเลยสั่งระงับการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คที่ไม่สามารถใช้ได้และการอายัดเช็คไม่ทำให้จำเลยพ้นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยเป็นหัวหน้าวงแชร์เมื่อโจทก์ประมูลแชร์ได้จำเลยเก็บเงินจากลูกวงแชร์แล้วออกเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เท่ากับจำนวนเงินที่จำเลยเก็บมาจากลูกวงแชร์.และโจทก์ได้ออกเช็ค9ฉบับให้จำเลยเพื่อเป็นการประกันหนี้ตามเช็คพิพาท.ดังนี้การออกเช็คของจำเลยเป็นการออกเช็คตามมูลหนี้ที่มีต่อโจทก์โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบแม้โจทก์จะอายัดเช็คทั้ง9ฉบับนั้นเมื่อธนาคารตามเช็คพิพาทปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ก็ยังคงได้รับความเสียหายจากการที่ไม่ได้รับเงินตามเช็คพิพาทที่จำเลยยังมีหนี้ต่อโจทก์อยู่โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย. จำเลยออกเช็คให้แก่โจทก์อันเนื่องจากการเล่นแชร์เปียหวยเมื่อปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้นจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯเพราะกฎหมายไม่ได้ยกเว้นไว้ว่าการออกเช็คในการเล่นแชร์เปียหวยไม่เป็นความผิด.
of 187